เจ้าสัวครุ่นคิดนึกเสียดาย มองหน้าแก้วกัลยาแล้วรู้สึกเอ็นดูขึ้นมา
“ลื้ออายุเท่าไหร่แล้ว”
“อายุยี่สองค่ะ”
“อยากเรียนต่อไหมอาแก้ว อั้วจะส่งให้เรียน”
แก้วกัลยาชะงักมองเจ้าสัวดวงตาทอประกาย สิ่งที่ท่านพูดมาจริงหรือเปล่า จะส่งเธอเรียนหนังสือ
“จริงเหรอคะ!”ถามย้ำเพื่อความชัดเจน ใจเธอกำลังเต้นระรัว
“จริงสิ ถ้าลื้อมีความมุ่งมั่นตั้งใจอยากจะเรียน อั้วจะส่งให้เรียน”
“แก้วอยากเรียนค่ะ!”หญิงสาวรีบตอบรับเสียงสั่น
เจ้าสัวพยักหน้าแล้วยิ้มอ่อนโยน เปิดหนังสืออ่านต่อ ด้วยวัยหกสิบห้าจำต้องเพ่งมอง ความจริงอยากมีคนอ่านหนังสือให้ฟัง แต่ทว่าสาวใช้บ้านนี้กลับไม่มีใครรู้หนังสือ อย่างมากก็จบประถมเจอคำศัพท์ยากๆ ในหนังสือจำพวกสามก๊กพากันติดอ่างอ่านไม่ออกเสียทุกที
“อาแก้ว...”เจ้าสัวเรียกชื่อไว้เสียก่อน
“คะ”แก้วกัลยาหันกลับมา
“ลื้ออ่านหนังสือพวกนี้ได้ไหม”เจ้าสัวยื่นหนังสือให้ แก้วกัลยารับมาแล้วลองเปิดอ่าน มันเป็นหนังสือเกี่ยวกับบทประพันธ์แปลของจีน อย่างเช่นสามก๊ก ขงจื้อ ซึ่งเธอก็ชอบอ่านอยู่เหมือนกัน
“อ่านได้ค่ะ แก้วก็ชอบหนังสือแนวนี้เหมือนกันค่ะ”
“งั้นลื้ออ่านให้อั้วฟังหน่อย”
เธอนั่งลงกับพื้นแล้วอ่าน เสียงหวานอ่านไล่ทุกตัวอักษร เว้นวรรค และออกเสียงอย่างชัดเจน คนฟังถึงกับเคลิ้มหลับตา เกือบหนึ่งชั่วโมงแก้วกัลยาทำหน้าที่กล่องเสียง ก่อนเจ้าสัวจะยกมือให้พอแม้อยากฟังต่อก็ตาม
“พอแล้ววันนี้อาแก้ว”
“ค่ะเจ้าสัว”
แก้วกัลยาปิดหนังสือลงแล้วลุกยืน เพื่อทำหน้าที่ต่อ
“อาแก้ว ต่อไปนี้ลื้อมาดูแลอั้วแทนอานิ่มแล้วกัน อานิ่มอ่านหนังสือไม่ได้อั้วอยากให้ลื้อมาอ่านหนังสือให้อั้วฟัง”
“ได้ค่ะ”เธอรับคำ
“หนังสือในห้องนี้ ลื้อหยิบไปอ่านได้เลยนะอั้วอนุญาต อั้วชอบคนใฝ่เรียน”เจ้าสัวยิ้มกว้าง
“ขอบคุณนะคะ”เธอยกมือไหว้ปลื้มใจในความใจดีของเจ้าสัวเหลียง
เจ้าสัวเหลียงหยิบไม้เท้าตั้งใจลุกยืน แก้วกัลยารีบทำหน้าที่ด้วยการพยุงท่าน ชายชราก้าวลงมาจากชั้นบนเพื่อมายังห้องอาหาร ซึ่งตอนนี้ตั้งโต๊ะตระเตรียมไว้เรียบร้อย สักพักคุณใหญ่ตามมาอีกคน
ประมุขแห่งสิทธิภาคย์นั่งลงบนเก้าอี้ โดยมีบุตรสาวอยู่ฝั่งตรงข้าม เช้านี้เป็นโจ๊กหมูเพราะเจ้าสัวกระเพาะไม่ดีเลยต้องทำอาหารอ่อนๆ ส่วนคุณใหญ่แม่ครัวเตรียมเบคอน ไข่ดาว และขนมปังทาเนยไว้ให้เรียบร้อย
“ป๊าวันนี้นิ่มไม่มาดูแลเหรอ?”หญิงสาวเอ่ยถาม เพราะแปลกใจที่เห็นสาวใช้คนใหม่ดูแลบิดา
“อั้วไม่เอาอานิ่มแล้ว จะให้อาแก้วดูแลแทน อาแก้วอีอ่านหนังสือได้ อั้วชอบ”
“ตามใจป๊าแล้วกัน”
จบมื้อเช้าคุณใหญ่เดินทางไปทำงาน เจ้าสัวเหลียงต้องการพักผ่อนห้องหนังสือ แก้วกัลยาจึงพาท่านขึ้นไปส่งแล้วกลับเข้าครัวเพื่อมาหามารดา กรองกาญจ์มองบุตรสาวแล้วถอนใจกลัวสาวใช้คนอื่นตำหนิเรื่องที่ลูกมาแย่งหน้าที่
“ฉันขอโทษนะนิ่มที่นังแก้วมันดันแย่งหน้าที่เสียได้!”
“ไม่เป็นไร ดีเสียอีก ฉันเองก็ดูแลเจ้าสัวไม่ค่อยเก่ง ท่านอยากให้อ่านหนังสือแต่ฉันก็ทำไม่ได้สักที”นิ่มบอกแล้วยิ้มพรายมาโอบไหล่แก้วไว้ “ดูแลเจ้าสัวดีๆ ล่ะแก้ว”
“ให้แก้วมันดูแลน่ะดีแล้วกรอง นังนิ่มมันไม่ชอบดูแลคนแก่หรอก นังนี่มันถนัดใช้แรงงานแบกหามโน้น!”จันสมทบแล้วหัวเราะร่า
สาวใช้ต่างพากันหัวเราะแล้วหันมาทำงานเหมือนเดิม แก้วกัลยาเลยฉวยโอกาสจูงมือมารดาออกมาด้านนอก
“มีอะไรแก้ว”
“แม่ เจ้าสัวบอกว่าจะส่งแก้วเรียนมหาลัย”แก้วกัลยาบอก น้ำตาคลอ
“จริงเหรอ!”กรองกาญจ์ตื่นเต้นเมื่อฟังเรื่องเล่าจากบุตรสาว
“จริงจ้ะแม่”
“แบบนี้ก็ดีสิ ต้องตั้งใจเรียนรู้ไหม เจ้าสัวท่านอุตส่าห์ส่งเสีย”
“จ้ะแม่ แก้วจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด”เธอรับปากแววตามุ่งมั่น
อังศนามองโทรศัพท์มือถือแล้วเม้มริมฝีปากชั่งใจพักใหญ่ ใคร่ครวญหลายครั้งควรติดต่อน้องชายดีหรือเปล่า เพราะทุกครั้งที่โทรหามักจะทะเลาะกันตลอด กลัวอดใจไม่ได้ต่อว่าอีก ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อไหร่น้องชายจะลืมเรื่องในอดีตเสียที
ตัดสินใจกดเบอร์ทางไกล ปลายสายไม่รู้จะรับหรือไม่แต่เห็นแววตาพ่อแล้วอดสงสารไม่ได้ อายุอานามท่านไม่ใช่น้อยแล้วไม่รู้จะอยู่อีกนานเท่าไหร่
“ฮัลโหล”เสียงปลายสายรับแล้ว
“เล็กใช่ไหม”พี่สาวเสียงแผ่วถาม
ปลายสายเงียบลงราวหนึ่งนาที มันเป็นความสงบที่ยาวนานมากเหลือเกิน
“พี่ใหญ่เหรอ?”
“ใช่ พี่เอง”
“โทรมาทำไมครับ”
“พี่อยากให้เล็กกลับบ้าน มาดูพ่อหน่อยไม่ได้เหรอ”คนเป็นพี่อ้อนวอนเสียงสั่น
“พ่อก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ”
คำพูดน้องทำให้เธอหยุดชะงัก อังศนาน้ำตารื้น ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ เธออยากให้น้องกลับมามากเหลือเกิน
“แล้วเล็กคิดว่าพ่อจะอยู่กับเราไปตลอดเหรอ พ่อแก่มากแล้วนะ เล็กจะไม่กลับมาดูแลท่านบ้างเลยหรือไง”อังศนาใช้เหตุผล
ธัญจกรกัดริมฝีปากน้ำตาคลอ ไม่อยากลับไป อยากลืมเรื่องในอดีตแต่ทำไมพ่อยังยืนยันจะอยู่บ้านหลังนั้น
“ผมขอคิดดูก่อนครับพี่ใหญ่”เขาตอบแล้วตัดสายทันที
อัศนาถอนใจหนัก ทุกอย่างมันผิดพลาดไปหมด เหตุการณ์เลวร้ายในอดีตครั้งนั้นทำให้น้องชายเดินทางไกลไม่หวลกลับมาอีกเลย ยิ่งคิดยิงเจ็บในอก