น้ำผึ้งมองตามสายตาคุณชาย เธอเห็นแทบทุกอย่าง ถึงอยากให้แก้วออกไปอยู่ด้านนอกเสียดีกว่า ตอนพบหน้ากันครั้งแรกไม่เคยนึกอิจฉาที่แก้วกัลยาสวยมาก แต่พอคราวนี้เธออิจฉามากเสียจนเก็บอาการไม่อยู่ เป็นใครก็ต้องสนใจแก้วกันทั้งนั้น หากเธอเป็นผู้ชายก็คงคิดไม่ต่างกันหรอก
“ป๊าแล้วพี่ใหญ่ไปไหน”ชายหนุ่มถาม
“อาใหญ่ไปทำสัญญาค้าข้าวกับบริษัทต่างชาติ”
“เหรอครับ”
“ตอนนี้บริษัทของป๊าขยายใหญ่แล้วนะ”เจ้าสัวหัวเราะ
“ก็ดีสิครับ ผมจะได้มีเงินใช้เยอะๆ”ชายหนุ่มแกล้งเย้า
“บริษัทมันเป็นของลื้ออยู่แล้วอาเล็ก อั้วตั้งใจจะยกให้ลื้อ”
ชายหนุ่มชะงัก รู้ว่าพ่อรักเขามาก แต่พี่ใหญ่เป็นคนทุ่มเททุกอย่างเพื่อครอบครัว เกือบแปดปีข่าวแว่วมาพี่สาวละงานที่รักเพื่อมาทำงานในบริษัท ซึ่งพ่อหมายมั่นให้เขารับช่วงต่อ
“ผมว่าพ่อยกให้พี่ใหญ่ดีกว่านะครับ”
“ได้ยังไงคะเดฟ บริษัทต้องเป็นของคุณสิ!”ลิลลี่ผ่ากลางวงขึ้นมาทันที เมื่อคิดว่าคู่ควงจะเสียผลประโยชน์
ธัญจกรหันมองคู่ควงสีหน้าไม่พอใจ เจ้าสัวเหลียงถึงกับชะงักมือตักข้าว ตระหนกกับคำพูดของเพื่อนบุตรชาย ใครจะคิดว่าไร้มารยาทขนาดนี้
“คุณไม่ต้องออกความเห็นลิลลี่ ไม่อยากนั้นผมจะส่งคุณกลับอังกฤษ!”
คนถูกตำหนิหุบปากฉับพลันแสดงท่าทางไม่พอใจ ก่อนหันไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ
“ขอโทษนะครับป๊า เพื่อนผมไม่ค่อยรู้มารยาทคนไทยสักเท่าไหร่”เขาออกตัวแทน
“ไม่เป็นไรหรอกช่างเถอะ”
ทุกคนบนโต๊ะเลยพากันเงียบ บ่อยครั้งเขาเหลือบมองบิดาเม้มปากอยากพูดว่าท่านเปลี่ยนไปมาก แต่กลับไม่กล้า ดูอ่อนแรง ผิวพรรณไม่เปล่งปลั่งเหมือนก่อน คิดแล้วรู้สึกผิดพ่อคงคิดมากเรื่องเขาไม่น้อยเลยทีเดียว
จบมื้ออาหารเจ้าสัวพูดคุยกับบุตรชายอีกพัก จันกวาดตามองหาแก้วแต่ไม่พบ
“กรอง แก้วมันไปไหนของมันเจ้าสัวจะขึ้นนอนแล้ว!”
“เดี๋ยวฉันไปตามให้”กรองกาญจ์อาสาทันที
น้ำผึ้งตวัดสายตามองสีหน้าไม่พอใจ เธออยากเป็นคนดูแลเจ้าสัวแทนเสียแล้วในตอนนี้
กรองกาญจ์สาวเท้าเดินมาสวนด้านหลัง เห็นบุตรสาวนั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่ เลยสาวเท้าเข้ามาหาแล้วจับไหล่บางไว้ แก้วกัลยาสะดุ้งหันมอง
“แก้วไปดูแลเจ้าสัวได้แล้ว”
“ท่านอิ่มแล้วเหรอแม่”
“ใช่”
ร่างบางลุกยืนถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ คนเป็นแม่เห็นถึงความผิดปกติ
“เป็นอะไรหรือเปล่า แม่เห็นทำหน้าเหมือนคนไม่สบาย”กรองกาญจ์เอ่ยถามแล้วยกมือแตะหน้าผาก
“เปล่าค่ะแม่ แค่รู้สึกเบื่อเท่านั้นเอง”
“เบื่ออะไร คุณชายมาเจ้าสัวดีใจ คนในบ้านก็มีความสุขกันทั้งนั้น”
เธออยากจะตอบเหลือเกินว่า เพราะคุณชายมานั้นแหละทำให้ไม่มีความสุข
“จ้า เข้าใจแล้วค่ะแม่”
ร่างบางเดินเคียงมารดาเข้ามาด้านใน และแล้วสายตาสองคู่สบกันอีกครั้ง แก้วกัลยารีบหลุบตามองพื้นแล้วก้าวมายืนขนาบข้างเจ้าสัวเพื่อคอยพยุง ธัญจกรจึงลุกจากโต๊ะแล้วจับแขนบิดาอีกฝั่ง
“เดี๋ยวผมช่วยอีกแรงนะป๊า”
“เออ... ดีๆ”
เจ้าสัวแสดงทีท่าพอใจ แต่สำหรับเธอมันเหมือนช่วงเวลาแห่งความน่ากลัว สามคนก้าวสู้ชั้นบนจนถึงหน้าห้องนอน แก้วกัลยาพยุงท่านไว้ปล่อยให้คุณชายเปิดประตูห้อง จังหวะก้าว เจ้าสัวเหลียงเซจนดึงร่างเธอลงด้วย ชายหนุ่มอ้าแขนโอบรัดบิดาพร้อมกับร่างบางในคราวเดียวกันเพื่อไม่ให้ทั้งคู่ล้มลง
เอวบางรู้สึกได้ถึงมือผ่าวร้อน ใบหน้าเรียวแดงซ่านขึ้นมา เธอพยายามเบี่ยงกายหนีแต่เหมือนอีกฝ่ายจะโอบกระชับดึงดันให้ออกไม่ได้ ดวงตาเรียวสวยช้อนมองเห็นสีหน้ากรุ่มกริ่มรอยยิ้มแฝงปริศนาส่งมา ร่างกายเหมือนถูกน้ำแข็งมันชาขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ขอบใจอาเล็ก อั้วนึกว่าจะล้มทับอาแก้วเสียแล้ว”เจ้าสัวเหลียงหัวเราะเบาๆ
ธัญจกรยอมคลายอ้อมแขน แล้วพยุงบิดาเข้าห้อง ไม่วายหันมามองหญิงสาวแล้วพยักหน้าให้เธอเข้ามาด้วย แก้วกัลยายืนชั่งใจ ไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นอีกแล้ว
“อาแก้ว ลื้อเข้ามาด้วยสิ มาอ่านหนังสือให้อั้วฟังก่อน อาเล็กจะได้ฟังด้วย”ชายชราเอ่ยเรียก แล้วหันมาทางบุตรชาย “อาแก้วอ่านหนังสือเก่งมากเลยอาเล็ก อั้วอยากให้ลื้อฟังด้วย”
“ครับป๊า ผมก็อยากฟังเหมือนกัน”เขาหันมองทางหญิงสาว
ร่างท้วมนั่งลงบนเตียงแล้วเอนกายลงนอน ขณะที่แก้วกัลยาพับเพียบกับพื้นแล้วเปิดหนังสือขงจื้ออ่าน เสียงหวานเจื้อยแจ้วฟังแล้วสบายหู ชายหนุ่มยิ้มพรายจ้องมองใบหน้าสวยหวานราวกับต้องมนต์สะกด รู้สึกถูกชะตา จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็แว๊บขึ้นมา เมื่อความต้องการครอบครองกำลังตีตื้น
ไม่นานเจ้าสัวหลับเรียบร้อย คนอ่านจึงปิดหนังสือ สภาพการณ์เช่นนี้เธอไม่ควรอยู่ในห้องเดียวกับเขา มันอึดอัดเกินกว่าจะรับไหว พยายามไม่สบตาหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้แต่เหมือนว่าทุกอย่างไม่มีความหมาย เธอยังรู้สึกถึงการมองของอีกฝ่าย มันกดดันมาเหลือเกิน
“แก้วขอตัวก่อนนะคะคุณชาย”บอกเขาแล้วลุกยืน วางหนังสือไว้บนโต๊ะไม้ข้างเตียง
ชายหนุ่มชะงักลุกตามแล้วก้าวมาขวางหน้าเธอไว้ แก้วกัลยาผงะถอยหลังด้วยอาการตื่นตระหนก
“อะไรกัน กลัวฉันมากเหรอ”เขาถามสีหน้าสดใส และดูเหมือนจะสนุกที่ได้แกล้ง
“ปะ...เปล่าค่ะ”
“แล้วทำไมต้องรีบถอยหนีด้วยล่ะ”
“แก้วไม่ได้ถอยหนีค่ะ”
“ไม่ถอยงั้นเหรอ?”เขายิ้มอย่างมีเลศนัย
เห็นรอยยิ้มแล้วเธอชักกลัว ร่างสูงก้าวเท้าเข้ามาใกล้ แก้วกัลยารีบถอยหลังด้วยความตกใจ
“ไหนว่าไม่ถอยไง”
“คือว่า...”เธอปากสั่นพูดไม่ออก
“ฉันน่ากลัวตรงไหนเหรอแก้ว ปกติมีแต่คนชอบเข้าใกล้ฉันนะ”ชายหนุ่มเลิ่กคิ้วถาม
อยากออกไปจากห้องนี้ ทำไมคุณชายถึงได้น่ากลัวขนาดนี้ พบหน้ากันไม่กี่ชั่วโมงกลับแสดงท่าทีแปลกๆ ใส่เสียแล้ว
“คุณชายไม่ได้น่ากลัวหรอกค่ะ แต่ว่าแก้วมีธุระต้องทำอีกเลยต้องรีบออกไป!”เธอพยายามหาข้อแก้ตัว
ธัญจกรจ้องมองใบหน้าของเธอ สาวใช้บิดาชื่อแก้วทำให้ใจเขาเต้นแรงจนแทบทะลุออกนอกอก เหมือนเธอมีบางอย่างดึงดูดให้เขาเข้าหา แล้วท่าทางเหมือนคนกำลังกลัวแบบนี้ยิ่งสร้างความสนุกให้เขานัก
“งั้นเหรอ ดูเธอขยันดีนะ”