“มาพวกเรา มาดื่มให้กับคุณปุ่นหน่อย เจ้าบ่าวคนนี้ช่างโชคดีที่สุด เพราะว่าเจ้าสาวทั้งสวยทั้งน่ารัก กูอิจฉามึงจริง ๆ ว่ะปุ่น”
“ใครจะโชคดีเท่ากับไอ้ปุ่น ไม่มีอีกแล้วล่ะ แหม… ไม่รู้ว่าไปคว้าเจ้าสาวสุดสวยคนนี้มาจากไหน ไม่เคยได้ยินข่าวมาก่อนเลย”
“จริง”
“ใช่ ไอ้ปุ่น มึงไปเจอเธอที่ไหนวะ เล่าให้ฟังหน่อยสิ” หลายคนซัก แล้วพากันจ้องอย่างสงสัย
ปุลวัชรไม่รู้จะเล่ายังไง บางเรื่องไอ้พวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรู้ เขาจึงหันไปหยิบแก้วเหล้าที่พนักงานเอามาเสิร์ฟ
“พวกแกนี่พูดมากจริง ดื่มเหล้าไปเถอะน่า” ปุลวัชรทำสีหน้ายุ่งเหยิง รู้สึกไม่พอใจที่ทุกคนซักไซ้ไล่เลียง เขาจะพูดว่าไปซื้อเจ้าสาวมาก็กระไรอยู่ อีกอย่างจะบอกว่า ตอนนี้เขาเป็นเจ้าบ่าวที่ไม่ได้เต็มอกเต็มใจเลยสักนิดเดียวก็คงจะไม่ได้
ปุลวัชรยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเหมือนกับไม่มีความรู้สึกรับรสใด ๆ ยิ่งมาได้ยินพวกนี้พูดแบบนี้อีก ยิ่งสะกิดความหวงแหนในความโสดของตัวเองขึ้นมา
“นี่ ๆ ระวังนะเว้ยไอ้ปุ่น มึงอย่าเมามากนะ ไม่อย่างนั้นน่ะ มึงจะพลาดมีอะไรกับเจ้าสาวในคืนวันแรกของการเข้าหอ” แล้วหัวเราะเป็นการตบท้าย พาให้เพื่อนที่ได้ยินพากันหัวเราะดังครืน
“มึงแต่งงานสายฟ้าแลบแบบเนี้ย ไม่ใช่ว่า เจ้าสาวของมึงน่ะท้องหรอกนะ”
“ท้องก่อนแต่งหรือวะไอ้ปุ่น”
“โอ้ย… คิดกันได้นะพวกมึง”
“เฮ้ย! แต่มันน่าสงสัยนี่นา ท้องก่อนแต่ง มึงจึงรีบจัดงานขึ้นอย่างรวดเร็วแบบนี้ไง”
ทุกคนปากไม่มีหูรูด แถมยังพูดมากตามประสาคนที่สนิทสนมกัน ปุลวัชรชนแก้วของเขากับแก้วของเพื่อน ๆ แบบรัว ๆ
“หุบปากเน่า ๆ ของพวกมึงได้แล้ว ยังไงพวกมึงก็ได้กินดื่มฟรี อ้าวชน… ดื่มโว้ย” เสียงแก้วกระทบกันดังก๊องแก๊ง
“ขอให้มึงมีความสุขนะ เจ้าสาวสวย ๆ แบบนี้ คงจะหอมจะหวานไปทั้งตัวเลย” ทำหน้าชวนฝันและมีแววตาอิจฉา
“เสียดายเนอะ พวกเรายังไม่ได้รู้จักมักจี่กับเธอเลย แค่เห็นหน้า ได้สบสายตาหวาน ๆ คู่นั้นแล้ว ก็อยากจะคุยกับเธอ เสียงของเธอจะไพเราะเพราะพริ้งแค่ไหน จะเสียงหวานเหมือนกับเสียงนกการเวกหรือเปล่า”
“หุบปาก” ปุลวัชรได้แต่ส่ายหน้า เขาชี้ไปที่เพื่อนคนที่พูดมากเพื่อหยุดปาก “มึงบอกพวกกูล่วงหน้า กูจะจัดงาน ปาร์ตี้ฉลองความโสดของมึงให้อย่างยิ่งใหญ่ และจะเหมาสาว ๆ สวย ๆ ทรวงอกใหญ่ ๆ หุ่นสะบึ้มมาให้มึงอึ๊บเรียงตัวเลย ฮา”
“มึงจะเปย์หรือ” อีกคนเอ่ยถาม
“ใช่นะสิ เสียดายจริง ๆ กูอดได้หิ้วสาว ๆ มาร่วมงานในคืนนี้เลย ไม่อย่างนั้นนะ กูจะพาน้องดีดี้ น้องแพทตี้ น้องวาว่า น้องอั้ม น้องอุ้ม น้องเนย อู้ย! เยอะแยะนับมือยังไม่หมดว่ะ” เอ่ยไล่ชื่อสาว ๆ ไปเรื่อย ๆ
“ใช่ ไอ้ปุ่น มึงทำให้พวกกูพลาดโอกาสดี ๆ เลยนะ”
“งานสละโสดงานแรกในกลุ่มของพวกเรา สรุปไอ้คนที่มันหวงความโสดนักหนา ได้แต่งงานเป็นคนแรกในกลุ่มของพวกเราเลยว่ะ”
“จริงด้วยสินะ ไอ้ปุ่น… ไหนมึงบอกว่าจะไม่แต่งงานไง”
“คนเรามันเปลี่ยนใจกันได้เว้ย” ปุลวัชรยังไม่ยอมพูดความจริง
“จริงหรือเปล่า กูว่านะ พ่อกับแม่ของมึงต้องจ้างมึงแต่งงานในราคาแพงแน่เลย” เพื่อน ๆ รู้ทัน
“แล้วทำไม” เขารู้ว่าไอ้เพื่อนพวกนี้ฉลาดเป็นกรด เพราะมันต้องอ่านเกมออก และรู้ใจปุลวัชร
“ไม่อย่างนั้น คนที่หวงชีวิตโสดอย่างมึง และไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหน แถมมึงก็ยังระแวดระวังตัวสุด ๆ ไม่ยอมทำให้ใครท้องด้วย แบบนี้มึงจะแต่งงานไปทำไม ถ้าไม่มีผลประโยชน์ร่วมด้วย จริงไหมวะ”
“กูเห็นด้วย”
“หึ คนที่เห็นแก่ผลประโยชน์ อาจจะไม่ใช่กูก็ได้” เขาหัวเราะเสียงเย็น หมายไปถึงเจ้าสาวของเขา
“พูดอย่างนี้ หมายความว่ายังไงวะไอ้ปุ่น”
“ก็นั่นนะสิ มึงพูดมีเลศนัยนะเนี่ย”
“ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ มึงคิดว่ามันหมายถึงอะไร ก็คิดไปตามนั้นก็แล้วกัน” เขาบอกปัด ๆ ไปอีกครั้ง
“โอ้โห” เพื่อนอีกคนอุทานออกมา
“แสดงว่า มึงถูกบังคับให้แต่งงานรึเนี่ย”
เพื่อน ๆ พากันทำตาโต และจ้องมองเขาเป็นตาเดียวกัน
“พ่อคาสโนวาของเราหมดอิสรภาพซะแล้ว อุตส่าห์หลีกหนี และหาวิธีการที่จะไม่แต่งงาน แต่สุดท้ายก็ต้องจนมุมจนได้”
ปุลวัชรรีบโบกมือ
“เฮ้ย! พวกมึงหยุดวิพากษ์วิจารณ์ได้แล้วนะ ไม่งั้นกูจะไล่พวกมึงกลับบ้านให้หมด” เขาชี้หน้าเพื่อน เริ่มมีอารมณ์โกรธ
“อุ้ย ไม่เอาแบบนี้สิครับ พวกผมยังไม่เมากันเลยครับ”
“ใช่ พวกกูยังไม่เมา”
“ถ้าอย่างนั้น พวกมึงก็ยกแก้วเหล้า แล้วก็หุบปากเน่า ๆ ไปซะ”
“ได้เลยครับคุณปุ่น พ่อมหาจำเริญ ขอให้พ่อมีความสุขกับเจ้าสาว และรีบมีลูกไว ๆ นะขอรับ” เพื่อนอีกคนแซว
ทุกคนจึงพากันหัวเราะครื้นเครง แล้วพวกเขาก็หันมาสนใจเครื่องดื่มตรงหน้า จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องไปนินทาถึงสาว ๆ ที่พวกเขาควง และพบเจอกันต่อ
“จากนี้ไป คุณปุลวัชรก็ต้องใช้ชีวิตไปกับคู่แต่งงาน และคงจะเลิกควงสาว ๆ และเลิกปี้สาว”
ปุลวัชรเงยหน้ามองคนที่พูด “แต่งงานมันก็ส่วนแต่งงาน แต่ชีวิตและความสุขของกู ก็ยังคงดำเนินต่อไปโว้ย”
“ไอ้คุณปุ่นครับ พูดอย่างนี้ ระวังเจ้าสาวจะมาได้ยินนะครับ แล้วเธอจะเสียใจ”
“ช่างปะไร” ปุลวัชรคงจะเริ่มเมา
“กลิ่นตุ ๆ ลอยมาแล้วเว้ย”
“เอาแบบนี้ดีไหม ไอ้ปุ่นเพื่อนรัก” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น
“อะไร” ปุลวัชรหันขวับ
“เจ้าสาวของมึงสวยมากขนาดนางฟ้าเดินดิน ถ้าวันไหนถูกมึงเท กูขอนะ”
“ไอ้เชี่ย” ทุกคนพากันชี้หน้าไอ้คนพูด ทำท่าโกรธเหมือนเป็นปุลวัชรเอง เพื่อนคนนั้นเริ่มรู้ตัว
“ไอ้เชี่ย มึงพูดแบบนี้ได้ไงวะ ประเดี๋ยวไอ้ปุ่นมันก็ชกมึงหน้าแหกหรอก” อีกคนสำทับ
เพื่อนคนนั้นรีบยกมือไหว้ “ขอประทานโทษครับ ผมปากพล่อย” แล้วเขาก็ตบปากตัวเองไปหลายที
“นี่ไอ้ปุ่น สาว ๆ ของมึงมีใครรู้เรื่องนี้บ้างหรือเปล่าวะ” ทุกคนไม่เห็นเพื่อนสาวคนสนิทของปุลวัชรในงานนี้เลย
“บอกก็โง่น่ะสิ ใช่ไหมวะไอ้ปุ่น” เพื่อนอีกคนเป็นคนพูด และตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะ
“กูว่าพวกมึงเนี่ย ไม่มีใครอยากแดกเหล้าจริง ๆ ใช่ไหม” ปุลวัชรว่ากระแทก
“ขอโทษครับ ขอโทษ พวกกูจะไม่พูดเรื่องแบบนี้ให้แสลงหูคุณปุลวัชรอีกแล้วครับ มาพวกเรา มาฉลองความโสดให้กับไอ้ปุ่นเป็นคืนสุดท้าย”
“ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ”
“ไชโย ไชโย ไชโย”