ตอนที่ 8 ชื่อตอน ภูตความฝัน 25+

1332 Words
​ร่างหนากัดฟันกรอดแล้วถอดถอนกายออกช้าๆ จับเรียวขางดงามยกขึ้นพาดไปบนบ่า กดแทรกเรือนกายลงในเรือนกายของนางอย่างรุนแรงจนสุดลำ พรวดดดด...!!! "อื้อ อื้อ" ยามที่แก่นกายใหญ่โตกดกระแทกบดลงคราเดียวจนมิดลำ กลีบกุหลาบของนางขาดวิ่น สิ่งใหญ่โตตอกอัดลงในเรือนกายของนางอย่างรุนแรงจนลึกสุดลำกาย นางดิ้นเร่าดวงตาเหลือกลานขึ้นมาขึ้น เจ็บแสบและจุกที่กลางกายมันใหญ่โตจนขานางสั่นไปหมดแล้ว "ซี้ด หลิ่งซือ ข้าขอโทษ ข้าทานทนมิไหวแล้ว " หลิงซือรู้ตนแล้วว่าเหตุใดบุรุษจึงพร่ำขอโทษนาง บุรุษผู้นี้ยังมิได้ล่วงล้ำนางจนสุดกาย แท้จริงคือเมื่อแก่นกายใหญ่โตกดแทรกกระแทกกายมุดลงในกายนางทั้งลำ นี้ต่างหากคือสุดกาย นางร้องมิออกอีกต่อไป ร่างหนาดึงเรียวขาของนางจนแยกออกสุดกาย ร้องครวญครางขึ้นมา "ซี้ด แน่นยิ่งนัก ข้าใหญ่โตมาก ทำให้เจ้าเจ็บข้าขอโทษ อา" ร่างหนาโยกขยับแก่นกายตนในร่างของหลิ่งซืออย่างรุนแรง นางกัดผ้าคาดปากจนแน่น เจ็บแปลบจากการขยับของความใหญ่โตในกายของนางทุกครา "อื้อ อื้อ" ร่างหนาดูดดึงยอดอกของนาง ขบกัดในอุ้งปากอย่างรุนแรง จากความเจ็บเจียนตายนางคล้ายคลุ้มคลั่ง ยามที่ท่อนเนื้อขนาดใหญ่ขยับโยก ใบหน้าของนางแดงก่ำหายใจมิทัน แรงที่ขยับโยกแน่นหนักขยับแต่ล่ะครา คล้ายกายของนางถูกดึงรั้งไปกับท่อนเนื้อนั้นช่างทุกข์ทรมานยิ่ง "อื้อ อ่า อื้อ อื้อ" "แน่นยิ่งนัก ซี้ด เจ้าทำให้ข้าคลั่ง หลิ่งซือ กายของข้าจะระเบิดแล้ว” ร่างหนาขยับกายหนักๆวนไปมาแรงๆแล้วตอกอัดกลีบเนื้อสาวของนางกับที่นอนนุ่ม "ซี้ด อร่า" เรียวขาขาวๆสั่นกระตุกไปทั้งราตรี ภายในของนางบีบรัดรุนแรงแข่งกับการบดคว้านแก่นกายใหญ่โตลงในเนื้อนุ่มขรุขระของนาง "อา หลิ่งซือคนงาม อูย ซี้ด" ร่างหนากระแทกกายอย่างรุนแรงจนตนเองนั้นปลดปล่อยน้ำขุ่นข้นออกมาจนล้นทะลักในกายของนาง จึงค่อยๆถอดถอนแก่นกายของตนเองออกไปช้าๆ ร่างงดงามสลบลงไป ร่างหนาจุมพิตนางและทิ้งหยกวารีเอาไว้ในมือของนาง ก่อนจะเร่งแต่งกายตนแล้วหลบออกจากจวนขุนนางอย่างว่องไว หลังคืนเดือนเพ็ญได้เกิดน้ำหลากมาท่วมบ้านเรือนของชาวบ้าน องค์หลี่หวางองค์ปัจจุบันหลี่ลู่เจ๋อ สั่งการให้หลินจ้าวหลิว ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในแม่น้ำเหลือง จ้าวหลิวเร่งรีบไปตามคำบัญชา ใช้พรายน้ำและทหาร ค้นหาผู้รอดชีวิตและใช้พลังหยุดมวลน้ำมิให้ลงมามากนัก แต่ก็มิเป็นผล เมื่อหยุดน้ำที่เมืองตอนล่าง ย่อมท่วมที่เมืองตอนบน หลินจ้าวหลินปวดประสาทยิ่งนัก ปลดพลังออกไปเกิดเสียงระเบิดของมวลน้ำดังลั่นขึ้นมา “ตู้ม ตู้ม “ "กรี้ด น้ำท่วมหนักหนีเร็ว" หลินจ้าวหลิวกระโดดลงไปในน้ำ ว่ายพาผู้คนขึ้นฝั่งตั้งแต่เช้าจรดค่ำมิเคยพัก จวบจนผ่านไปหนึ่งเดือน สถานการณ์ดีขึ้น ร่างหนาทะยานขึ้นฟ้ากลับเมืองหลวงไปทันใดโดยมิยอมมิเอ่ยลาผู้ใด ผู้คนอ้าปากค้างมองท่านจ้าวหลิวลอยไปบนท้องฟ้าอย่างตกตะลึง ในเรือนของขุนนางมีงานเลี้ยงใหญ่โต หลิ่งซือถูกนำมาอวดโฉมต่อหน้าผู้คนมากมาย ในยามนี้นางนั่งลงและดีดพิณต่อหน้าแขกเหรื่อ ขุนนางและคหบดีต่างจ้องมองนางดวงตาเป็นมันวาว บ้างดีล้วนหมายตาให้นางนั้นแต่งงานกับบุตรของตน แต่ส่วนใหญ่นั้น จ้องมองนางหมายตั้งให้นางเป็นฮูหยินรองอย่างออกหน้าออกตา เสียงหวานๆของนาง เอ่ยร้องเพลงรักแว่วหวาน มารดาของนางมองไปที่ดวงตาของสามีตนแล้วส่งสายตาสงสัยขึ้นมา "บุตรีของเราร้องเพลงรักในงานเลี้ยงเช่นนั้นหรือ” ต้องมีผู้ใดส่งสาส์นมาเกี้ยวพาราสีนางแล้วเป็นแน่ มิคาดเพียงแค่นึกบางสิ่งก็ล่องลอยมา เสียงขลุ่ยที่นอกกำแพงจวนดังไพเราะเสนาะหู บิดาของนางนั่งไม่ติดรีบออกไปดูที่นอกจวน นายท่านสุ่ยถือดาบออกไปหวังเพื่อทะเลาะวิวาท แต่มิคาดกลับได้พบกับบุรุษผมสีเงินยวงสว่างไสวยืนพิงอยู่ที่กำแพงจวน ร่างแกร่งตั้งใจเป่าขลุ่ยเลาน้อยส่งสายตาเศร้าสร้อยออกมา บิดาตื่นตะลึงคล้ายพบเพชรเม็ดงามเข้าแล้ว เปลี่ยนใจมิทักทายบุรุษผู้เด่นดังขยับออกมาแอบมองว่าบุรุษผู้มิมีเทียบเชิญจะทำอันใดได้กัน จ้าวหลิวรอคอยเพลงรักของหลิ่งซือให้แว่วออกมาอีกครา จึงเป่าขลุ่ยผสานกับเสียงพิณไพเราะของนางอีกครา ยืนพิงกำแพงหินเย็นเยียบท้าลมหนาว จวบจนค่ำคืนงานเลี้ยงจบลงไปแล้วเริ่มมีผู้คนทยอยออกมา ร่างสูงจึงหลบกลับที่จวนไป บิดาจึงหลบไปแล้วเอ่ยเค้นบุตรีว่าไปรู้จักหลินจ้าวหลิวที่ใดมากันแน่ "เอ่อ ข้าพบท่านหลิวที่ริมน้ำเทศกาลลอยโคมเจ้าค่ะท่านพ่อ" "แล้วบุรุษผู้นั้นส่งสิ่งใดให้เจ้าหรือไม่หลิ่งซือ " หลิ่งซือร้อนรนวิตกกังวลต่อบิดาจึงเผยหยกในแขนเสื้อออกมาให้บิดาดู "หยกสกุลหลิน โอ้ ฟ้ามาโปรดเราแล้ว เจ้าได้รับของหมั้นหมายจากหลินจ้าวหลิว บุตรีข้าต่อไปอย่าได้ส่งสายตาให้บุรุษอื่นอีก บิดาหมายตาบุรุษผู้นี้ไว้มากนัก จงอย่าทำให้บิดาผิดหวังนะหลิ่งซือ ฮ่า ฮ่า ฮ่า " ร่างบางถอนหายใจโล่งอก ผู้เป่าขลุ่ยในวันวานคือท่านหลิวเป็นแน่แล้ว นางถอนหายใจยาว คราแรกนึกว่าบุรุษผู้นั้น จะทอดทิ้งนางให้ตายคาเรือน มิพบเจอมาหนึ่งเดือนแล้วนางแทบบ้าตาย จวบจนวันวานมารดาบังคับให้เล่นเพลงพิณ นางจึงต้องแสร้งทำตนให้สดชื่นเข้าไว้ นางยกหยกมาแตะที่มือเบาๆ แล้วขอมารดาออกไปเดินชมตลาดเหมือนเช่นเคย เมื่อมารดาอนุญาตแล้ว นางจึงแต่งกายออกไปจากเรือน ร่างบางนั่งรถม้าออกไปชมตลาดและลงไปที่ตลาดเมื่อถึงร้านรวงริมทาง นางเอ่ยให้คนขับรถม้ารอคอยนางเช่นทุกครา ร่างบางเดินไปพร้อมกับอาไฉเช่นที่เคย มิคาดนางเดินชนบุรุษผู้หนึ่งจนเกิดเสียงดัง "ขออภัยคุณชา...ย" เสียงของนางขาดหายยามที่เห็นบุรุษตัวดำคล้ำและมีหนวดเคราขึ้นรกครึ้มเป็นสีเงิน เรือนผมสีเงินเป็นประกายใบหน้าดูอิดโรยร่างหนารับนางเข้าในอกแล้วกระซิบเบาๆ "เป็นเช่นใดบ้างหลิ่งซือ " หลิ่งซือตาโตแล้วขยับออกไปนิดๆ ไว้ระยะห่างกับบุรุษมิให้ผู้คนนั้นครหา แม้ว่านางจะถูกปล้นสวาทไปแล้วก็ตามทีเถิด "คุณชายหายหน้าไปนานเลยนะเจ้าคะ " อาไฉทำดวงตาลุกวาว คุณหนูไปรู้จักบุรุษผู้นี้ได้อย่างไรกัน ท่าทางอิดโรยเช่นนี้ด้วยช่างไร้สง่าราศีดูมอมแมมนัก "ไปนั่งในโรงเตี้ยมคุยกับข้าได้หรือไม่ ตรงนี้คงมิงามสำหรับเจ้า" "ดียิ่งเจ้าค่ะคุณชาย ข้าก็คิดเช่นนั้น" ร่างหนาเดินตามนางช้าๆอย่างอ่อนแรง เมื่อนั่งลงพิงที่เก้าอี้ จึงสั่งอาหารอ่อนๆสองสามอย่าง " เจ้าต้องการสิ่งใดก็สั่งเถิด ข้าสั่งสิ่งที่ข้าต้องการแล้ว " "ท่านหายไปที่ใดมาตั้งแสนนานกันเจ้าคะคุณชาย"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD