"เปิดห้องนอน"

2563 Words
ณ ไร่องุ่น หญิงสาวดูเวลา ตอนนี้ก็เกือบ 3 ทุ่มแล้ว ที่นี่นอกจากมีไร่องุ่นแล้ว ยังมีโฮมสเตย์ ไว้ให้นักท่องเที่ยวพักอีกด้วย “เปิดห้อง 1 ห้องค่ะ” “พักกี่ท่านคะ” พนักงานเอ่ยถาม “1 ค่ะ เช็คเอ้าท์พรุ่งนี้ ค่ะ” หญิงสาวตอบ “ทั้งหมด xxx บาทค่ะ” หญิงสาวจ่ายเงินให้พนักงาน “นี่ค่ะ กุญแจเบอร์ 023 เดินตรงไป เลี้ยวซ้าย บ้านหลังที่สามทางซ้ายมือค่ะ” หญิงสาวยื่นมือไปรับกุญแจและคีย์การ์ด “เช็คเอ้าท์ได้ถึงเที่ยงนะคะ คุณลูกค้า รหัสไวไฟ มีวางไว้ที่โต๊ะนะคะ” พนักงานเอ่ยบอก “ค่ะ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบ หญิงสาวเดินมาห้องพักเลย เพราะไม่มีกระเป๋าเสื้อผ้าหรือของใช้ติดมาอยู่แล้ว พอเข้าห้องพัก เธอรีบต่อสัญญาณไวไฟ ทักไปหากัญญาทันที กลัวท่านจะเป็นห่วง เธอเล่าให้กัญญาฟังแค่ว่ามาพักที่ไร่องุ่น แล้วแถวนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แต่ไม่ได้บอกว่าหลงทาง เพราะกลัวแม่เป็นห่วง ด้านกัญญาที่ติดต่อบุตรสาวไม่ได้ เตรียมจะเดินทางมาที่หัวหิน แต่เมื่อได้รับการติดต่อจากบุตรสาว ก็รู้สึกโล่งใจ และได้สั่งกำชับบุตรสาว ว่าทีหลังห้ามขาดการติดต่อไปนานๆ แบบนี้อีก ระหว่างคุยไลน์กับแม่ ก็มีไลน์ ทักเข้ามารัวๆ มีสายโทรไลน์เข้ามาแล้วไม่ได้รับ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผู้ชายที่โทรมายกเลิกนัดเธอเมื่อตอนเช้าแล้วหายเงียบไปทั้งวัน แล้วก็มีไลน์เพื่อนๆ ที่ทักมาพูดคุยกับหญิงสาวตามปกติ ซึ่งหญิงสาวก็ตอบเพื่อนไป เพื่อไม่ให้เพื่อนเป็นห่วง แต่หญิงสาวไม่ได้กดเปิดอ่านไลน์ของชายหนุ่ม อาจด้วยหลงทางปนอารมณ์น้อยใจที่ชายหนุ่มเงียบหายไปก่อนหน้านี้ และกำลังคิดถึงปัญหาใหญ่ในตอนนี้ คือ จะเอาเสื้อที่ไหนเปลี่ยน ไม่มีเสื้อผ้าติดรถมาเลย เธอจึงเลือกที่จะอาบน้ำแล้วใส่ชุดเดิม เพิ่มเติมคือ ไม่ใส่ชั้นในนอน เอาไปพึ่งลมเอาไว้ใส่ในวันพรุ่งนี้หลังจากอาบน้ำเสร็จ ดูแบตเตอรี่ไอแพด เหลือ 30% จึงปิดไอแพดไป เพื่อเก็บแบตเตอรี่เอาไว้ใช้งานในวันพรุ่งนี้ และด้วยความเหนื่อยล้า หญิงสาวได้พล่อยหลับไป โดยที่ไม่รู้เลยว่า อีกด้านชายหนุ่มทั้งโมโห ทั้งเป็นห่วง เดินวนอยู่หน้าห้องพักของเธอ โดยไม่เป็นอันทำอะไร เพราะติดต่อหญิงสาวไม่ได้ “หายไปไหนกันนะ ยัยตัวแสบ หรือมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรือเปล่า” หญิงสาวตื่นสายอีกแล้ว เพราะไม่มีนาฬิกาปลุก กว่าจะตื่นก็เกือบ 9 โมง จึงรีบอาบน้ำใส่ชุดเดิม เตรียมกลับที่พัก จะได้เอารถไปคืนด้วย เพราะค่าเช่ารถวันละ 1,000 บาท คืนเกินเวลา คิดเป็น 1 วัน ก่อนกลับเธอได้สอบถามเส้นทางกับพนักงานอีกครั้ง และใช้ไอแพดเปิดดูเส้นพร้อมแคปหน้าจอไว้ เผื่อระหว่างทางไม่มีสัญญาณอีก แต่อาจด้วยผลบุญที่หญิงสาวพึ่งทำมา ทำให้โชคดีมีคนงานในไร่องุ่น ต้องออกมาซื้อของในหัวหิน จึงอาสาขับนำให้หญิงสาวขับรถตามออกมา คราวนี้เธอเลยไม่หลง และกลับถึงที่พักได้อย่างปลอดภัย หญิงสาวรีบเอารถเช่าไปคืน เพื่อจะได้อาบน้ำอีกรอบ และเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ด้วย แต่.... เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น.... หลังจากทำเรื่องคืนรถเรียบร้อย เธอเดินกลับมาที่ห้องพัก กำลังเปิดประตูเข้าไป จู่ๆ ก็มีมือใครบางคนมาจับที่แขนของหญิงสาว ด้วยความตกใจ หญิงสาวรีบสะบัดแขนออกอย่างแรง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสะบัดมือที่จับแขนเธอออกไปได้ เธอจึงยกแขนอีกข้าง เตรียมจะต่อยเจ้าของมือที่จับเธอ แต่พอเห็นหน้าอีกฝ่ายเท่านั้นแหระ หญิงสาวลดมือลง “ไปไหนมา หายไปทั้งคืน กลับมาเอาป่านนี้ห๊ะ!” “ไปไหว้พระมา” หญิงสาวตอบ “ทำไมไม่รับสาย ไลน์ไม่ตอบ ไหว้พระทั้งคืนเลยรึไง” ชายหนุ่มถามต่อ “แล้วมีธุระอะไร ปล่อยแขนชมได้แล้ว เจ็บนะ” ชายหนุ่มมองแขนหญิงสา เห็นว่าเริ่มแดง จึงจับผ่อนมือลง แต่ยังไม่ยอมปล่อย “แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์” ชายหนุ่มเก็บอาการไม่อยู่ตะคอกใส่หญิงสาว “ไม่ได้เอาโทรศัพท์ไป ลืมไว้ในห้อง” พร้อมอธิบายเหตุการณ์เมื่อวานให้ชายหนุ่มฟัง พอเล่าจบหญิงสาวเริ่มงงกับตัวเอง ว่าทำไมต้องอธิบายให้คนตรงหน้าฟังด้วย ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย ด้านชายหนุ่ม เมื่อฟังหญิงสาวอธิบายจบ คิ้วของชายหนุ่มก็ขมวดเข้าหากันอัตโนมัติ กับเรื่องเหลือเชื่อที่หญิงสาวเล่าให้ฟัง จะเป็นไปได้จริงๆ เหรอ อะไรจะประจวบเหมาะกันขนาดนั้น ซึ่งหญิงสาวก็พอเข้าใจว่า ชายหนุ่มคงไม่เชื่อเธอสักเท่าไหร่ จึงอยากพิสูจน์ให้ชายหนุ่มดู “เดี๋ยวไปหยิบโทรศัพท์มาให้ดู” หญิงสาวใช้มืออีกข้างเปิดประตู “ปล่อยแขนได้แล้ว จะไปหยิบโทรศัพท์” หญิงสาวเอ่ยบอกชายตัวสูงที่จับแขนเธอไว้ไม่ยอมปล่อย เขาจึงยอมปล่อยมือตามคำขอ หญิงสาวจึงเดินเข้าห้องไปหยิบโทรศัพท์ที่ลืมวางไว้บนเตียงไปให้เขาดูว่าลืมจริงๆ แต่......ชายหนุ่มไม่รอให้หญิงสาวเดินออกมา เขาเดินตามเข้ามายืนอยู่ด้านหลังของเธอ เมื่อหญิงสาวหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนเตียง แล้วหันกลับมาเจอชายหนุ่ม ตกใจจนร้องลั่นห้อง “ว้าย!! เข้ามาทำไม” หญิงสาวถามด้วยความตกใจ “…”เงียบ “นี่ไง โทรศัพท์ บอกแล้วว่าลืมไว้จริงๆ” หญิงสาวชูโทรศัพท์ให้ชายหนุ่มดู “…” เงียบ “เห็นแล้วก็ออกไปได้แล้ว” หญิงสาวรีบไล่ชายหนุ่มให้ออกไป เพราะกลัวกลิ่นของเสื้อผ้า จะโชยเข้าจมูกชายหนุ่ม แต่แทนที่ชายหนุ่มจะเดินออกไปตามคำของหญิงสาว แต่กลับเดินเข้ามากอดหญิงสาวแทน โดยไม่พูดไม่จาอะไร หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว จึงตกอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ด้วยส่วนสูงของทั้งคู่มีความแตกต่างกัน ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวซุกอยู่ตรงหน้าอกของชายหนุ่มพอดี หญิงสาวได้ยินเสียงหัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงมาก แรงพอๆกับจังหวะการเต้นของหัวใจเธอ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่กำลังกอดเธออยู่จะได้ยินหรือไม่ หญิงสาวเริ่มได้สติจึงพยายามดิ้น เพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา ชายหนุ่มปล่อยหญิงสาวออกจากอ้อมกอดแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม เพราะกลัวหญิงสาวจะยิ่งไม่พอใจ “ทำบ้าอะไรของนาย!” หญิงสาวถามออกไป พยายามเก็บอาการใจเต้นแรง ชายหนุ่มไม่ตอบคำถาม แล้วเดินออกไปจากห้องทันที … พอชายหนุ่มเดินออกไปพ้นประตูห้อง หญิงสาวรีบล๊อคห้องทันที แล้วเช็คโทรศัพท์ว่ามีใครโทรเข้ามาบ้าง แต่แบตก็หมด จึงชาร์จ แล้วไปอาบน้ำ นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาเปิดโทรศัพท์ดู โอ้วว....พระเจ้า ผู้ชายหน้านิ่งที่เพิ่งกอดเธอ เขาโทรหาเธอ 100 กว่าสาย เธอไล่ดูเวลาโทร เรียกว่าโทรทุก 5 นาทีเลยทีเดียว ซึ่งสายล่าสุดที่โทรเข้ามาคือ ตอน 3 ทุ่มกว่า คาดว่าแบตคงจะหมดก่อนไม่งั้นไม่รู้จะโทรอีกกี่สาย ของคนอื่นก็มีแต่ไม่กี่สาย มีของยัยกั้ง กับยัยโบตั๋นเพื่อนเธอ และพ่อกับแม่โทรเข้ามาอีก 10 กว่าสาย พอเข้าดูในไลน์ นางแชทมาเป็นร้อย ๆ ข้อความ แรกๆ แค่ถาม หลังๆ เริ่มบ่น ว่าหายไปไหน ทำไมไม่รับสาย เป็นบ้าหรอ....บลาๆๆ พอเริ่มมืด เริ่มขอร้องให้เธอรับสาย หรือตอบกลับข้อความ ซึ่งเวลาที่ส่งข้อความสุดท้ายมา คือ ช่วงเวลาที่เธอกลับมาถึงห้องนั่นเอง “เค้าโทรหาเธอ จนไม่ได้นอนเลยใช่ไหม” ทำให้ความรู้สึกผิดเกาะกุมเข้ามาในหัวใจ และทำให้เธอเริ่มคิดเข้าข้างตนเอง ถ้าไม่อคติ ผู้ชายคนนี้ เรียกว่าเพอร์เฟคเลยทีเดียว ทั้งหน้าตาที่หล่อเหลา หล่อทรงแบด เวลาหน้านิ่งก็ดูเท่ เวลายิ้ม รอยยิ้มของเขาสะกดจิตคนมองมากๆ ใบหน้าหล่อจนหาคนเทียบได้ยาก รูปร่างสูงโปร่งไม่ต่ำกว่า 185 ซม.แน่ๆ ส่วนเธอสูง 160 ซม.เอง หญิงสาวเริ่มทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและชายหนุ่ม แต่เธอไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเขามากนัก รู้เพียงว่าเขาชื่อ เอส ดูจากการแต่งตัว การใช้รถ ฐานะก็คงดีไม่น้อย อายุน่าจะมากกว่าเธอ คงประมาณ 26-27 ปี ได้ ชายหนุ่มต้องเป็นที่หมายปองของสาวๆ จำนวนมากแน่นอน “แล้วคนที่หล่อขนาดนี้ จะมาชอบผู้หญิงแบบเธอได้ยังไง” ด้วยความรู้สึก ผิดเธออยากขอโทษชายหนุ่ม เพราะเขาเองก็เคยช่วยเหลือเธอไว้ เธอเองไม่รู้จักใคร และไม่มีเพื่อนอยู่ที่นี่เลย มีเพียงเขาเท่านั้น จึงทักชายหนุ่มไปด้วยการส่งสติ๊กเกอร์ Hi ไปทางไลน์ ....เขาเปิดอ่านแต่ไม่ตอบ เมื่อหญิงสาวเห็นว่าอีกฝั่งเปิดอ่านแล้ว แต่ไม่ยอมตอบกลับมา “เมื่อวานมีธุระอะไรกับชมหรือเปล่าคะ” (“....”) เปิดอ่านแต่ไม่ตอบ “รู้ว่าเธออ่านอยู่ เธอโกรธอะไรชมหรือเปล่า” หญิงสาวรู้ว่าเขาเปิดอ่านอยู่ เพราะส่งปุ๊บขึ้นอ่านแล้วปั๊บ “นี่โง่จริง หรือแกล้งโง่” รอบนี้ชายหนุ่มตอบกลับมา เอ๊ะ เขาตอบหรือหลอกด่าเธอกันแน่นะ แต่ช่างมันก่อนง้อไปก่อนหระกัน “เรื่องเมื่อวาน ชมขอโทษนะ” พิมพ์ตอบไป พร้อมสติ๊กเกอร์ ยกมือไหว้ขอโทษ “ชมลืมโทรศัพท์จริงๆ ไม่ได้จงใจไม่รับโทรศัพท์ซะหน่อย แถมขับรถหลงอีก จนนึกว่าจะไม่ได้กลับมาซะแล้ว” พร้อมส่งสติ๊กเกอร์ร้องไห้ไป “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก รู้บ้างไหมว่าเป็นห่วง” หญิงสาวอ่านแล้วตกตะลึงกับคำว่า เป็นห่วงที่เขาส่งมา เธอคลี่ยิ้ม วนอ่านข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ พร้อมกับใจที่เต้นตึกๆ พร้อมจะระเบิดออกมาให้ได้ แต่ยังไม่ทันตอบอะไรกลับไป ก็ได้รับข้อความจากชายหนุ่ม “เดี๋ยวก็ไปสร้างปัญหาทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีก” รอยยิ้มของหญิงสาวหุบลงทันที หัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อสักครู่ กลายเป็นแทบจะหยุดนิ่งไปเลย นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่นี่ เค้าแค่กลัวเราไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนเท่านั้นเอง “รู้แล้ว” เธอรีบตอบกลับไป ชิ๊! “ทีหลังจะไปไหนก็บอก แล้วจะพาไปเอง” “ไม่เป็นไร ชมไปเองได้” ทำมาบอกจะพาไป แล้วใครที่โทรมายกเลิกนัดกัน “อย่าดื้อ พูดครั้งเดียว นี่ไม่เข้าใจหรอ” ชายหนุ่มคนนี้ ทำไมชอบมาบังคับเธอจัง ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย “พูดดีๆ ฟังกันบ้างสิ เดี๋ยวตอนเที่ยง ไปกินข้าวกัน” ชายหนุ่มจอมเผด็จการบอกเธอ “ไม่อยากไป อยากนอนมากกว่า” หญิงสาวตอบ “กินก่อนค่อยมานอน” “หิวก็ไปกินสิ ตัวไม่ได้ติดกันสักหน่อย” “ถือว่าไถ่โทษที่เมื่อวานเธอไม่รับโทรศัพท์แล้วกัน” “ก็ได้” หญิงสาวรับคำ “ดีมาก.. พูดง่ายๆ จะได้โตไวๆ” หญิงสาวนึกถึงเรื่องราวระหว่างตัวเองกับชายหนุ่ม ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ด้วยความอ่อนประสบการณ์และไม่อยากเข้าข้างตนเองจนเกินไป จึงโทรไปขอความช่วยเหลือจากกั้ง “กั้ง ทำไรอยู่” “ว่าไง วันนี้ไม่ไปผจญภัยที่ไหนหรอ” “พักก่อน เมื่อวานแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่มีเรื่องอยากปรึกษาแกวะ” “ไหนว่ามาสิ แม่สาวน้อย” “ย่ะ แม่คนเก่ง รอบรู้ทุกเรื่อง” จากนั้นหญิงสาวเล่าเรื่องชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกันให้กั้งฟัง รวมถึงอาการของตัวเธอเอง เวลาเจอชายหนุ่ม “กูฟันธงเลยค่ะ สาว” กั้งบอกเพื่อนรัก “ไหน ตอบเพื่อนมาสิ” “เค้าชอบมึงค่ะ แล้วมึงก็ชอบเค้าเหมือนกัน” กั้งเอ่ยบอกเพื่อนรัก พร้อมกับเสียงหัวเราะ “แน่ใจหรอ” “มากกก คนไม่ชอบกัน ทำไมต้องแสดงอาการขนาดนั้นวะ ฮ่าๆๆ” กั้งย้ำคำตอบ “มึงรู้ได้ไง ว่ากูชอบเค้า ตัวกูเองยังไม่รู้เลย” “เอ้า นังเพื่อนบื้อหนิ ถ้ามึงไม่ชอบ มึงไม่โทรมาถามกูหรอกค่า” “แต่เพิ่งรู้จักนะ เค้าจะชอบเราจริงๆ หรอ” “แบบนี้ต้องพิสูจน์สิคะ” กั้งเสนอ “ทำไงวะ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสนใจ จากนั้นกั้ง อธิบายแผนให้หญิงสาวฟัง... “จะได้ผลจริงๆ หรอ ไม่เยอะไปแน่นะ” หญิงสาวเอ่ยทักท้วง “แล้วแต่นะ ไม่ต้องทำก็ได้ ถ้าไม่อยากรู้” “เอ่อๆๆ ขอคิดดูก่อน” แล้ววางสายกั้งไป เธอจะทำยังไงดี หญิงสาวกำลังขบคิด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะการคิด หญิงสาวจึงกดรับ “ฮัลโหล...” “แต่งตัวเสร็จยัง นี่เที่ยงแล้วนะ” “เสร็จแล้วๆ” หญิงสาวมัวแต่คุยกับกั้งจนลืมดูเวลา “รีบเปิดประตูให้ผมเข้าไปสิ” “เดี๋ยวก่อน ห้องไม่ค่อยเรียบร้อยค่ะ” (ความจริงไม่ใช่ห้องหรอก แต่ตัวเธอนี่แหระ ที่ยังไม่ได้แต่งตัว ยังนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่) “ไม่เป็นไร ผมก็ไม่ได้คิดว่าห้องเธอจะเรียบร้อยไปกว่าเมื่อเช้าหรอกนะ” ความหมายของเค้าจะบอกว่าห้องเรียบร้อยอยู่แล้ว มันก็รกอยู่แล้วกันแน่นะ “ขอเวลา 5 นาที นะ” หญิงสาวบอกชายหนุ่ม “จะเปิดหรือไม่เปิด ถ้าไม่เปิดจะพังประตูเข้าไปแล้วนะ” “ถ้าพังเข้ามา เราจะแจ้ง รปภ. เหมือนกัน” เธอรีบเดินไปหยิบชุดในตู้มาใส่แต่ไม่ทัน เขาถีบประตูเข้ามา “ปังๆๆๆ” “เห้ยๆๆ เปิดแล้วๆ ใจเย็นๆ” หญิงสาวรีบห้าม แล้วเปิดประตูให้เข้ามาก่อนประตูจะพังจริงๆ โดยที่ลืมไปว่าตัวเองยังใส่แค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว “เกิดประตูพังขึ้นมา ต้องชดใช้เงินอีก ทำอะไรคิดบ้างสิ” หญิงสาวบ่นชายหนุ่ม ที่ยืนหน้านิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ เขาจ้องหญิงสาวม่พูดไม่จา ทำให้สายตาของหญิงสาวมองตาม “กรี๊ดด มองอะไร ออกไปรอข้างนอกก่อน” ชายหนุ่มไม่ฟังที่เธอสั่ง แถมเดินตรงไปที่เตียง แล้วล้มตัวลงนอนทันที “มานอนอะไรตรงนี้” “รอเธอแต่งตัวไง” พูดน้ำเสียงนิ่งๆ “ออกไปรอข้างนอกสิ รอในนี้ชมจะแต่งตัวได้ยังไง” “จะอายอะไร ไม่เห็นมีอะไรน่าดูเลย” ขณะพูดชายหนุ่มยังคงจ้องไปที่หญิงสาว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD