ฉันนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ผ้าปูที่นอนสีดำดูเข้ากับโทนสีของห้องอย่างลงตัวบ่งบอกถึงบุคลิกเจ้าของห้อง
“ใจ๋ลุกขึ้นจากเตียง” เสียงทุ้มของเจ้าของห้องที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำออกคำสั่ง
“อะไรกันใจ๋เพิ่งมาเอง” ฉันหันมองไปทางห้องน้ำก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มขึ้นสีแดงเถือกเพราะบนตัวของพี่เสือมีเพียงผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวที่พันอยู่รอบเอว ผมเปียกๆ นั่นเวบานเำมันหยดลงมาทำไมถึงได้ดูดีขนาดนั้นกัน
“อย่าให้ต้องพูดซ้ำนะใจ๋”
ฉันทำหน้าบึ้งมองพี่เสือผู้เป็นเจ้าของห้อง ตอนเด็กๆ ฉัน จ๋าย ไทเกอร์และพี่เสือ ชอบมาเล่นซ่อนแอบกันในห้องนี้ประจำ ตั้งแต่เด็กจนโตฉันก็มักจะเข้ามาเล่นในห้องของพี่เสือบ่อยๆ
พี่เสือเอ็นดูฉันเหมือนน้องสาวคนหนึ่งถึงแม้จะรู้ดีว่า….ฉันคิดยังไงกับเขา
แต่ใจ๋คนนี้ไม่ท้อหรอก สักวันพี่เสือจะต้องชอบใจ๋คอยดูสิ
“โตแล้วนะใจ๋ อย่าทำแบบนี้ใครมาเห็นมันจะดูไม่ดี”
“บ่นใจ๋อีกแล้ว”
“พี่บอกตั้งกี่ครั้งว่าอย่าแอบเข้ามาในห้องแบบนี้อีก เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น…..” ฉันดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าของคนตัวสูง ก่อนจะพูดต่อ “พี่เสือก็มาเป็นแฟนใจ๋สิ”
แปะ!! ทันทีที่พูดจบพี่เสือก็ยกมือขึ้นมาตีหน้าผากฉันอย่างแรง
“แก่แดด เป็นเด็กเป็นเล็ก”
“ใจ๋จะยี่สิบแล้วนะ โตพอจะเป็นแฟนพี่เสือได้แล้ว”
“หยุดพูดแล้วลงไปข้างล่างพี่จะแต่งตัว”
“เดี๋ยวใจรอลงไปพร้อมกัน”
“ใจ๋” เมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยเรียกชื่อก็รู้ได้ทันทีว่าพี่เสือกำลังดุ
“อือใจ๋ลงไปรอด้านล่างก็ได้”
บ้านของฉันกับพี่เสือรั้วติดกันอีกทั้งพ่อแม่ของเราสองคนก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนทำให้เราสองครอบครัวสนิทกันมากๆ และวันนี้เราก็นัดกินข้าวด้วยกันมันเป็นแบบนี้ปกติอยู่แล้ว
ฉันชื่อใจ๋ เรียนอยู่ปีสองมีฝาแฝดหนึ่งคนชื่อจ๋าย แต่จ๋ายไปเรียนที่ต่างประเทศ นานๆ ทีจะกลับมาที่บ้าน
“โดนไล่ลงมาอีกแล้วอะดิ” ไทเกอร์น้องชายของพี่เสือเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันเดินหน้าบึ้งลงมาจากบันได
“พี่เสือให้ลงมารอข้างล่างไม่ได้ไล่ซะหน่อย”
“เป็นผู้หญิงนะใจ๋ขึ้นไปห้องผู้ชายแบบนั้นมันดูไม่ดี เฮียไล่ลงมาก็สมควรแล้ว”
“พูดมากน่าไทเกอร์”
“ตัดใจเถอะ อย่าไปรู้สึกกับเฮียมันเลย ถ้ามันจะชอบคงชอบไปนานแล้ว”
ไทเกอร์อายุเท่ากับฉันและเราก็เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน คำที่เพิ่งเอ่ยออกมาเขามักจะเตือนฉันประจำ เพราะนอกจากจ๋ายก็มีไทเกอร์ที่รู้เรื่องของฉันทุกเรื่อง เราสนิทกันมากๆ
“หิวแล้ววันนี้มีอะไรกินบ้างน้า” ฉันทำเมินคำพูดของไทเกอร์แล้วเดินลูบท้องเข้ามาดูของกินในห้องอาหาร
“เถียงไม่ได้ก็หนีตลอด”
จริงๆ มันไม่ได้หิวอะไรขนาดนั้นหรอก ก็แค่ไม่อยากพูดเรื่องนั้น ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเขาไม่รัก แต่ใจมันรักเขาไปแล้วจะให้ทำยังไง
ฉันไม่ใช่คนชอบเที่ยวชอบดื่มเลยสักนิด แต่พอเห็นพี่เสือไปคลับก็อยากจะไปด้วย เรียกว่าไปกันท่าดีกว่า พอเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นทีไรใจมันก็เจ็บทุกที
@ห้องอาหารของบ้านพี่เสือ
วันนี้เหมือนวันครอบครัวที่เรามารวมตัวกินข้าวด้วยกัน แต่รู้สึกว่าบรรยากาศมันดูแปลกๆ ต่างออกไปจากทุกครั้ง สีหน้าของแม่ของฉันและแม่ของพี่เสือแสดงความกังวลออกมาชัดเจน
“น้องใจ๋อายุเท่าไรแล้วนะลูก” แม่ของพี่เสือถามฉัน
“ยี่สิบแล้วค่ะ”
“โตเต็มวัยแล้วสินะ แบบนี้ก็มีแฟนได้แล้วสิ”
“ดื้อแบบนี้ใครจะอยากได้เป็นแฟน” พี่เสือเอ่ยแทรกคำพูดของแม่ ฉันจึงทำปากเบ้บใส่
อยากจะพูดว่าระวังจะได้ใจ๋เป็นแฟนซะเองแต่กลัวผู้ใหญ่ตกใจ ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ต้องเป็นคนดีมีมารยาทนิดนึง เป็นผู้หญิงพูดแบบนั้นมันดูไม่งาม
“เอาล่ะ วันนี้พ่อมีเรื่องสำคัญอยากจะถามกับลูก” พ่อของพี่เสือวางช้อนลง ก่อนจะถามลูกชายทั้งสองคน
“เสือ ไทเกอร์ ลูกสองคนมีแฟนหรือยัง”
“ไม่มีครับ” ทั้งสองคนตอบพร้อมกันและแสดงสีหน้างุนงงออกมา เพราะปกติคุณลุงจะไม่ถามเรื่องแบบนี้
“แล้วหนูใจ๋ล่ะ มีแฟนหรือยัง”
“ยะ ยังค่ะ”
“อืม ถ้าอย่างนั้นลุงอยากให้หนูเลือก”
“คะ?” ฉันขมวดคิ้ว ตอนนี้ทุกคนเงียบกันหมดไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมาเลย “คุณลุงจะให้ใจ๋เลือกอะไรหรอคะ”
“ระหว่างเสือกับไทเกอร์หนูอยากจะหมั้นกับใคร”
“พ่อ!!/พ่อ!!” ทั้งพี่เสือและไทเกอร์ต่างอุทานออกมาพร้อมกันอย่างตกใจรวมทั้งฉันด้วย เพราะไม่คิดว่าจะถูกถามแบบนี้
สมองมันอื้อและขาวโพลนไปหมดไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไร จู่ๆ ทำไมคุณลุงถึงให้มาเลือกอะไรแบบนี้
“……..”
“คือเราสองครอบครัวคุยกันไว้ว่าถ้าลูกๆ โตขึ้นก็อยากจะให้หมั้นกัน”
“นี่มันยุคสมัยไหนแล้วพ่อ” พี่เสือแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เลือกสิลูก แม่อยากให้ใจ๋เลือกด้วยตัวเอง” แม่หันมาพูดกับฉันที่ยังตกใจกับเหตุการณ์อยู่
ฉันมองหน้าไทเกอร์และพี่เสือสลับกัน แน่นอนว่าหากต้องเลือกมันมีคำตอบตายตัวอยู่ในใจแล้ว และตอนนี้พี่เสือก็กำลังส่ายหน้าบอกเป็นนัยๆ ว่าห้ามเลือกเขา
“ใจ๋” เสียงของพ่อที่เรียกทำให้ฉันสะดุ้ง ด้วยความที่พ่อค่อนข้างดุ
ความกลัวทำให้ฉันพูดคำตอบที่อยู่ในใจออกมา
“พี่เสือค่ะ ใจ๋อยากหมั้นกับพี่เสือ”