“เอ่อ…ทีมโฆษณามาพร้อมแล้วครับบอส” ดิเรกรายงานพลางมองเลยบ่ากว้างเข้าไปในห้อง ทยุตพลันยักไหล่นิดๆ ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้อง ส่วนทีมงานต่างก็พากันทยอยเดินตามหลังบอสหนุ่มเข้ามาในห้องเช่นเดียวกัน ในขณะที่พิมพ์ประไพรยืนอยู่หลังโซฟา
“เอ่อ…เมื่อมากันพร้อมแล้ว เราเริ่มประชุมย่อยกันเลยนะครับ” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเอ่ยด้วยเสียงไม่ค่อยมั่นใจนัก
“จะไม่มีการคุยอะไรค่ะ ฉันขอถอนตัวจากโฆษณาชิ้นนี้ค่ะ” พอพูดจบพิมพ์ประไพรก็เชิดใบหน้าขึ้น ทุกคนในห้องถึงกับอึ้งไปตามๆ กัน ด้วยเพราะไม่คาดคิดว่าเธอจะกล้าตัดสินใจแบบนี้
“ขอโทษนะคะ ฉันคงทำงานนี้ไม่ได้แล้ว ขอตัวค่ะ” พิมพ์ประไพรไม่ยอมมองหน้าทยุต เธอเลือกเดินออกจากห้องอย่างสง่าโดยมีสายตาคมเข้มไล่มองตามหลัง
“จะให้ไปตามเธอไหมครับบอส” ดิเรกถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่ทว่าทยุตกลับยกมือขึ้นห้ามแทนคำตอบ
“แล้วเรื่องพรีเซ็นเตอร์ล่ะครับ?” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดถามขึ้นอย่างหวั่นๆ ด้วยเพราะกลัวงานจะเสร็จไม่ทันตามกำหนด
“ต้องพิมพ์ประไพรเท่านั้น!” และนี่คือคำประกาศิตที่ดังออกมาจากปากของทยุต “เตรียมงานอื่นไปก่อน ส่วนเรื่องพรีเซ็นเตอร์ผมจะจัดการเอง เริ่มถ่ายทำเมื่อไหร่?”
“อาทิตย์หน้าครับ”
“เหลือเฟือ…” ทยุตรีบเดินออกจากห้องโดยมีดิเรกก้าวตามออกไปเพื่ออารักขา เหลือไว้แต่คนในห้องที่พากันมองตามอย่างหนักใจ
“บอสจะไปไหนต่อครับ”
“สืบให้ด้วยว่าคืนนี้เธอมีนัดที่ไหน ฉันต้องการรู้ภายในครึ่งชั่วโมง” ทยุตสั่งขณะเดินออกจากลิฟท์ไปที่รถ ดิเรกรีบโทรสั่งการทันที
พอออกจากพีเอเอ็นกรุ๊ปพิมพ์ประไพรก็รีบขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางเธอก็ก่นด่าทยุตอย่างโมโห ระหว่างที่อารมณ์หงุดหงิดอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์พลันดังขึ้น หญิงสาวเลี้ยวรถจอดข้างฟุตบาทเพื่อรับสาย เมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอใบหน้าสวยก็ยิ้มอย่างดีใจ
“พีช…”
“หวัดดีครับพี่ไพร ยุ่งอยู่หรือเปล่า” พรตดนัย (พด-ดะ-นัย) เอ่ยถามพี่สาวอย่างเกรงใจ พิมพ์ประไพรสูดลมหายใจยาวเบาๆ เพื่อปรับเสียงตัวเองให้เป็นปกติ
“น้องรักโทรมายุ่งยังไงก็ต้องว่างจ้ะ ว่าแต่โทรทางไกลมาแบบนี้มีอะไรหรือเปล่าพีช”
“ผมโทรมาเรื่องค่าเทอมสุดท้ายครับพี่ไพร” พรตดนัยเอ่ยด้วยความเกรงใจ เพราะรู้ดีว่าตั้งแต่พ่อกับแม่เสียชีวิตไป พี่สาวก็รับภาระทุกอย่างภายในบ้าน รวมไปถึงค่าเล่าเรียนของเขาด้วย
“พี่เตรียมไว้แล้วจ้ะ พีชไม่ต้องห่วงนะ อีกสองสามวันพี่จะโอนเข้าบัญชีให้” พิมพ์ประไพรจำต้องโกหกเพื่อไม่ให้น้องชายกังวล มือบางข้างที่ว่างกุมขมับกลุ้ม เธอเริ่มกังวลถึงเงินค่าเทอมที่จะส่งไปให้น้องชาย
“ถ้าพี่ไพรลำบาก ผมดรอปไว้สักเทอมก็ไม่เป็นไรนะพี่” พรตดนัยสงสารพี่สาวจนอยากจะหยุดเรียนตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่พี่สาวกลับขอร้องเขาไว้เพราะเหลืออีกปีเดียวก็จะจบแล้ว
“ไม่ได้นะพีช อีกนิดเดียวเอง พี่ไม่ลำบากอะไร รอเราจบมาแล้วค่อยรีบกลับมาหาเงินคืนพี่ และก็อยู่ช่วยพี่ดูแลคุณย่าก็พอ พี่จะหยุดอยู่เกาะให้พีชเลี้ยงเลยเอา” หญิงสาวพูดติดตลกเพื่อให้น้องชายผ่อนคลาย
“ผมสัญญาครับพี่”
“จ้ะพี่เชื่อ เรื่องเงินไม่ต้องห่วง พี่ได้งานโฆษณาของพีเอเอ็น ค่าตัวแพงเลยล่ะ” เธอบอกทั้งๆ ที่ปฏิเสธเขาไปแล้ว หัวใจดวงน้อยรู้สึกเหนื่อยล้าเต็มที
“ผมรักพี่ครับ” เสียงที่เต็มไปด้วยความผูกพันทำเอาพิมพ์ประไพรน้ำตาคลอ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
“พี่ก็รักพีชจ้ะ เอาไว้ค่อยคุยกันนะ พี่ต้องรีบไปทำงานแล้วล่ะ” พิมพ์ประไพรบอกแล้วก็คุยอีกสองสามประโยคแล้ววางสาย จากนั้นเธอก็นั่งคิดหาทางแก้ปัญหาอยู่ในรถเงียบๆ ก่อนจะขับรถกลับบ้าน
พิมพ์ประไพรขับรถเพียงไม่นานก็มาถึงบ้านหลังใหญ่ ซึ่งแต่ก่อนเคยมีแม่บ้านหลายคน แต่เวลานี้เหลือเพียงคุณย่าของเธอและคนเก่าคนแก่เพียงสองคน ในสายตาคนนอกรู้เพียงว่าเธอคือคุณหนูของบ้านหลังใหญ่และเกิดในตระกูลเก่าแก่ที่มีพร้อมทุกอย่าง แต่หลังจากเกิดภาระฟองสบู่แตก ธุรกิจของบิดาก็ล้มละลาย จนพ่อของเธอล้มป่วยเพราะทำใจไม่ได้และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในขณะที่มารดาก็เสียชีวิตไปตั้งแต่เธอได้แค่หกขวบ
“อ้าวแม่ไพร กลับมาแล้วเหรอลูก” คุณเพียงดาวเอ่ยถามหลานสาว พิมพ์ประไพรหันไปมองห้องครัวที่อยู่ทางด้านซ้าย
“คุณย่า ป้านวล ทำอะไรกันคะ?” พิมพ์ประไพรเดินไปนั่งข้างคุณย่า พลางมองขนมหน้าตาน่ากินยิ้มๆ “น่ากินจังเลยค่ะคุณย่า”
“น่ากินก็ไปหยิบช้อนกับจานมาสิ ย่าจะตักให้”
“เอาไว้ก่อนดีกว่าค่ะ พอดีไพรมีงาน มาเอาของแล้วจะไปทำงานต่อ ว่าแต่ทำไมวันนี้ทำเยอะจังคะ?”
“มีคนมาสั่งค่ะคุณไพร คุณย่าก็เลยรับทำซะเลย” ป้านวลซึ่งเป็นคนเก่าคนแก่ของบ้านเอ่ยตอบขณะนวดแป้งเบาๆ พิมพ์ประไพรจับมือคุณย่ามากุม
“คุณย่า ไพรบอกแล้วไงค่ะว่าไพรเลี้ยงย่ากับป้านวลได้” เพียงดาวยิ้มให้หลานสาวสุดที่รัก และสงสารจับใจที่ต้องรับภาระทุกอย่างภายในบ้าน
“ย่ารู้ แต่มีคนเขาชอบกินขนมชาววัง เราก็เลยฉวยโอกาสทำขายซะเลยจะได้มีเงินมาจ่ายค่าน้ำค่าไฟไง”
“ไพรกลัวย่าจะเหนื่อยนะสิคะ ถ้าย่าเป็นอะไรไปอีกคนไพรกับตาพีชจะอยู่ยังไง” หญิงสาวขยับไปซุกหน้ากับอกอุ่นของคนเป็นย่าอย่างออดอ้อน คุณเพียงดาววางมือจากใบตองมาโอบร่างระหงลูบแผ่นหลังบางอย่างปลอบประโลม
“ไม่ต้องห่วงหรอก ย่ากระดูกแข็งไม่ตายง่ายๆ แน่นอนจนกว่าจะได้อุ้มเหลน แล้วก็จะรออยู่ให้เห็นตาพีชกลับมาทำงานที่เมืองไทยด้วย”
พิมพ์ประไพรเอนตัวออกจากอกอุ่น “รออีกสี่เดือนตาพีชก็กลับมาแล้วค่ะ คุณย่าจะได้กอดตาพีชแน่นอน” เธอหอมแก้มยับย่นที่เต็มไปด้วยริ้วรอยอย่างแสนรัก
“ไพรไปเอาของก่อนนะคะ เออ…ไพรจะไปถ่ายแบบที่อยุธยาอาจจะกลับพรุ่งนี้นะคะป้านวล ฝากดูแลคุณย่าด้วยนะคะ”
“ค่ะ! ไม่ต้องห่วง ป้าจะดูแลคุณย่าชนิดยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยล่ะ” ป้านวลขานรับ คุณเพียงดาวตีแขนเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว
“ฉันไม่ใช่เด็กนะแม่นวล จะมาดูแลอะไรกันนักหนา ไปได้แล้วลูก ถ้าดึกมากก็ไม่ต้องกลับนะ อยู่ค้างกับเคทเลยก็ได้” คุณเพียงดาวบอกหลานสาวด้วยความรู้สึกเป็นห่วง
“ค่ะคุณย่า ไพรหยิบของแล้วจะออกไปเลยนะคะ” ร่างโปร่งระหงเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องนอน เธอหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินออกมาดู ก่อนจะถอนลมหายใจออกยาวๆ เพื่อตัดใจ
“แม่ขา ไพรขอเอาไปจำนำก่อนนะคะ หาเงินได้เมื่อไหร่ไพรจะรีบเอากลับมาเป็นสมบัติของเราเหมือนเดิมนะคะ” พิมพ์ประไพรหยิบเอากล่องใส่กระเป๋าสะพาย ก่อนจะรีบวิ่งไปที่รถและขับรถออกไปในทันที