ตอนที่ 6
“นิด! เป็นอะไรไป ทำท่าเหมือนคนจะร้องไห้เลย”
“ไม่มีอะไรหรอกพี่มล อ๋อ! นิดซื้อขนมมาเผื่อพี่มลด้วย เจ้านี้อร่อยมากเลยนะคะ” ว่าแล้วนิธาราก็หันไปหยิบถุงขนมมาส่งให้อีกฝ่าย
“ขอบใจมากนะนิด แต่วันหลังไม่ต้องหอบหิ้วมาก็ได้ พี่เกรงใจ” กมลวรรณจับมือนุ่มขึ้นมาบีบเบาๆ อึดอัดใจเป็นที่สุดที่ไม่สามารถบอกเรื่องที่ตัวเองไปเห็นมากับตาให้ฟังได้
“ไม่เป็นไรค่ะพี่มล แล้วตกลงพี่จะลาคลอดวันไหนเหรอคะ”
“เดือนหน้า แล้วงานหมั้นของนิด พี่คงไม่ได้นะ เพราะวันนั้นหมอนัดตรวจพี่พอดีเลย นิดไม่โกรธพี่นะ” กมลวรรณบอกด้วยความเสียดาย แล้วก็อยากรู้ว่าพิณแก้วจะทำยังไงต่อไปในเมื่อคนที่ตัวเองคิดจะเอามาเป็นของตัว กำลังจะหมั้นกับผู้หญิงที่คุณหญิงฤทัยรัตน์เป็นคนเลือกให้ลูกชาย
“นิดไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นพี่มล แต่จริงๆ แล้วนิดอยากให้งานหมั้นเป็นงานเล็กๆ มากกว่า แต่ทางคุณหญิงไม่ยอม นิดก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน” คนกำลังจะได้เข้าพิธีหมั้นเอ่ยบอกด้วยสีหน้าอมทุกข์ เพราะเธอไม่ชอบงานเอิกเกริก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเคยพูดกับมารดาไปแล้ว ท่านก็บอกว่าให้ทำตามความต้องการของคุณหญิง
“งานหมั้นลูกชายคนเดียวทั้งทีคุณหญิงฤทัยรัตน์คงไม่ยอมให้น้อยหน้าใครหรอก แต่พี่ว่าจัดงานหมั้นใหญ่ๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน คนจะได้รู้ว่าคุณสิริมีเจ้าของแล้ว”
นิธาราฟังแล้วก็อยากจะแย้งออกไปดังๆ ว่าเธอไม่อยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของพี่สิริเลยสักนิด แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มให้กับว่าที่คุณแม่
“พี่ไปทำงานก่อนนะนิด แอบมาเม้าท์ซะนาน ป่านนี้ คุณสิริคงมาถึงบริษัทแล้ว”
“ค่ะพี่มล” จบคำแล้วกมลวรรณก็เดินไปแผนกของตัวเอง ส่วนนิธาราก็หันมาทำงาน แต่ทำไปได้สักพัก ก็มีคนมาส่งดอกไม้ช่อใหญ่ให้ สร้างความแปลกใจให้กับคนรับไม่น้อย ผิดกลับเพื่อนร่วมงาน พากันวี้ดว้าย เพราะคิดว่าคนที่ส่งดอกไม้มาคือเจ้านายหนุ่ม ที่อยากจะเซอร์ไพร้ส์ว่าที่คู่หมั้น
‘ขอให้มีความสุขกับงานหมั้น’
ข้อความที่ส่งมาพร้อมดอกไม้ยิ่งทำให้คนรับสงสัยว่าใครกันแน่ที่ส่งดอกไม้มาให้ และเธอไม่เชื่อว่าจะเป็นพี่สิริ
“นิด!” เสียงขานเรียกคุ้นหูนั้นทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้ง ส่วนดอกไม้ช่อโตจะเก็บซ่อนก็ไม่ทัน สิริทำหน้าไม่พอใจทันทีเมื่อเห็นดอกไม้ช่อโตบนโต๊ะทำงานของว่าที่คู่หมั้น
“ดอกไม้ใคร” สิริเอ่ยถามเสียงแข็ง ส่งผลให้ผู้ร่วมงานใกล้เคียงพากันตกใจ แล้วพากันก้มหน้าก้มตาทำงานแต่หูคอยฟัง
“นิดก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” นิธาราเอ่ยตอบตามความจริง เพราะเธอนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าใครเป็นเจ้าของ
“แล้วนิดรับดอกไม้มาทำไม” สิริเอื้อมมือไปหยิบดอกไม้ช่อโตมาไว้ในมือแล้วมองหาถังขยะ
“พี่สิริ พี่จะทำอะไร อย่านะคะ”
“อย่ามาห้าม! แล้วก็รู้ไว้ด้วยว่าพี่ไม่ชอบให้นิดรับดอกไม้จากใคร” สิริเดินอาดๆ เอาดอกไม้ช่อโตไปทิ้งทันทีเมื่อเห็นถังขยะวางอยู่ไม่ไกล
“พี่สิริ! พี่ทำเกินไปหรือเปล่า” นิธาราเอ่ยถามเสียงแข็ง หลังจากห้ามไม่ให้ว่าที่คู่หมั้นนำดอกไม้ไปทิ้งไม่ได้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ยินดียินร้ายกับการได้ช่อดอกไม้ก็ตามที แต่พี่สิริก็ไม่ควรนำไปทิ้งแบบนั้น
“มันเกินไปตรงไหน แล้วอย่าให้พี่รู้ว่าเธอรับดอกไม้จากคนอื่น!”
“พี่ไม่มีสิทธิ์มาสั่งห้ามนิดรับของจากใคร เพราะพี่สิริไม่ใช้เจ้าของชีวิตของนิด”
“นิด!!” สิริโกรธมากทีเดียวที่โดนตอกกลับแบบนี้
“พี่มีธุระอะไรกับนิดหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มี นิดขอตัวทำงาน” นิธาราตัดบทด้วยการอ้างเรื่องงาน เผื่อพี่สิริจะฉุกคิดได้ว่าที่นี่ทำงาน ไม่ใช่ที่บ้านหรือที่ส่วนตัวที่จะมาโต้เถียงกันให้อับอายคนอื่น
“ไม่มี!” สิริกระแทกเสียงตอบแล้วเดินกลับไปยังห้องทำงาน และทันทีที่เจ้านายหนุ่มเข้าไปในห้องทำงานได้แล้ว พนักงานก็เริ่มจับกลุ่มคุยกันทั้งที่คนที่อยู่ในหัวข้อสนทนายังคงนั่งทำงานอยู่ แต่นิธาราก็ทำทีไม่สนใจก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
สักพักกมลวรรณก็เดินมาที่โต๊ะทำงานของนิธารา หลังได้เห็นสีหน้าของเจ้านายหนุ่มที่ดูไม่ดีเลย แล้วก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานยังหันมาสั่งให้พิณแก้วเข้าไปพบในห้องทำงาน
“นิด”
“พี่มล มีอะไรเหรอคะ” นิธาราวางมือจากงานเงยหน้าขึ้น
“ทะเลาะกับคุณสิริเหรอ เมื่อครู่พี่เห็นคุณสิริทำหน้าตาราวกับไปโกรธใครมางั้นแหละ” กมลวรรณเอ่ยถามอย่างไม่อ้อมค้อม
“ค่ะ แต่ก็ปกตินะคะ เพราะช่วงนี้นิดกับพี่สิริทะเลาะกันเกือบทุกวัน นิดเริ่มชินแล้ว” นิธาราบอกแบบไม่ปิดบัง
“พี่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านิดกับคุณสิริจะทะเลาะกันเกือบทุกวัน คนกำลังจะหมั้นกันแท้ๆ” พูดแล้วก็อยากจะบอกเรื่องที่ตัวเองไปเห็นมากับตา เมื่อครั้งไปร้านอาหารแล้วได้เห็นเต็มตาว่าเจ้านายหนุ่มกับพิณแก้วขึ้นรถไปด้วยกัน
“เชื่อเถอะพี่มล”
“นิด...” กมลวรรณหยุดพูดแล้วก็มองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าพนักงานคนอื่นๆ เพราะไม่อยากให้ใครมาได้ยิน
“มีอะไรเหรอพี่มล”
“นิดอย่าหาว่าพี่ถามละลาบละล้วงอะไรเลยนะ คือพี่จะถามว่าช่วงนี้คุณสิริมีท่าทีแปลกๆ กับนิดบ้างไหม อย่างเช่นนัดแล้วไม่มาตามนัด ยกเลิกนัด ไม่ไปรับ ไม่ไปส่ง อะไรประมาณนี้นะ” กมลวรรณกระซิบถาม เพราะยังไม่ค่อยวางใจบรรดาพนักงานคนอื่นที่เห็นตั้งใจทำงานกันจริงจังเสียเหลือเกิน