ตอนที่ 12
“พิณรู้ค่ะ แต่ตอนนี้ใกล้ได้เวลาแล้วนะคะ” พูดจบเจ้าตัวก็พยายามดันชายหนุ่มออกห่าง ทำทีว่าไม่อยากให้กอด แต่จริงๆ แล้วเธออยากจะรั้งคุณสิริไว้ที่นี่
“ผมไม่สน”
“แต่..” พูดไม่ทันจบ ปากร้อนก็ทาบลงมา เสี้ยววินาทีความวาบหวามก็บุกจู่โจม หญิงสาวเปิดปากรับลิ้นอุ่นให้ซอกซอนเข้าไปภายในด้วยความเต็มใจ ขณะที่สิริก็ตั้งใจจะตักตวงความหวานล้ำจากปากจิ้มลิ้มที่ทำให้เขาติดใจให้มากที่สุด ก่อนที่เขาจะหมั้นกับผู้หญิงอีกคนให้นานที่สุด แต่ทุกสิ่งที่วาดฝันก็ต้องสะดุดลง เพราะเสียงที่คุ้นหู
“สิริ!!!” คุณหญิงฤทัยรัตน์ตวาดเสียงดังลั่น ก่อนจะหันมองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของลูกชาย
“คุณแม่! คุณแม่มาได้ยังไง” สิริตกใจ ก่อนจะถอยห่างจากพิณแก้ว
“ตาสิริ ผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้เป็นใคร แล้วไม่รู้หรือไงว่าผู้ชายที่ตัวเองยอมให้กอดจูบกำลังจะหมั้น” คุณหญิงฤทัยรัตน์ถามเสียงกราดเกรี้ยว สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจ
“คุณแม่ครับ เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจะอธิบายให้คุณแม่ฟัง หลังจากผมหมั้นกับนิดแล้วนะครับ” เพราะไม่อยากสูญเสียผู้หญิงอีกคนไป สิริจึงขอต่อรองกับคนเป็นแม่
“แต่ฉันอยากรู้ตอนนี้”
“ขอเป็นหลังงานหมั้นนะครับคุณแม่”
“แล้วแกจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนี้” คุณหญิงตวัดหางตามองไปยังคนที่ถูกเอ่ยถึง ขณะที่พิณแก้วก็ได้แต่ยืนน้ำตาคลอ
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ คุณแม่ลงไปรอข้างล่างก่อนนะครับ นะครับ” สิริเดินเข้าไปโอบกอดผู้เป็นแม่ ก่อนจะพาท่านออกจากห้อง ฝ่ายคุณหญิงฤทัยรัตน์ก็ได้แต่มองค้อนคนเป็นลูกพร้อมกำชับว่ารีบจัดการให้เรียบร้อย แล้วลงไปในงาน เพราะใกล้ฤกษ์หมั้นเต็มทีแล้ว
“ผมจะรีบลงไปเลยครับคุณแม่”
“อย่าดีแต่รับปากแล้วกัน รีบๆ จัดการ แล้วก็รีบลงไป แต่แกอย่าพาผู้หญิงคนนี้เข้าไปในงานเด็ดขาด ไม่งั้นได้เห็นดีกัน” คุณหญิงฤทัยรัตน์กำชับก่อนจะยอมไปรอลูกชายในงานและทันทีที่มารดาออกไปแล้วสิริก็เข้าไปสวมกอดผู้ช่วยเลขา
“คุณสิริ รีบไปเถอะค่ะ” พิณแก้วดันร่างใหญ่ออก แต่มีหรือที่อีกคนจะยอม สิริโน้มใบหน้าลงมาประทับจูบอ้อยอิ่งบนปากจิ้มลิ้ม
“คุณสิริ!” เมื่อทุกอย่างจะไม่หยุดอยู่แค่จูบ เสียงหวานก็ดังขึ้นทันทีเมื่อปากร้อนเคลื่อนไปซุกไซ้ทั่วลำคอ
“อย่าขัดใจผม พิณแก้ว” สิริปรามเสียงเข้ม ก่อนจะซบหน้าลงไปคลุกเคล้าซอกคออีกครั้ง นานกว่าจะปล่อยให้ผู้ช่วยเลขาเป็นอิสระ
“ไปได้แล้วค่ะ” เสียงหวานติดจะสั่นเอ่ยเตือน ยกมือดันใบหน้าของเจ้านายหนุ่มเอาไว้เมื่อเขาทำท่าจะจูบอีก
“คอยดูเถอะ หลังงานหมั้นผมจะทำโทษคุณให้หนัก” สิริคาดโทษ
“พิณไม่กลัวคุณหรอกค่ะ แต่ตอนนี้คุณลงไปได้แล้วนะคะ อย่าทำให้คุณหญิงโกรธเลย”
“ผมไปก็ได้ แต่คุณอย่าโกรธคุณแม่ของผมได้ไหม”
“พิณไม่โกรธท่านหรอกค่ะ”
“ขอบคุณที่รัก” ขาดคำสิริก็จูบลา ก่อนจะยอมลงไปในงาน แล้วเดินไปหาผู้เป็นแม่
“ทำไมแกลงมาช้า” คุณหญิงฤทัยรัตน์เอ็ดลูกชายเบาๆ เพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน
“ถึงมาช้าแต่ผมก็มาทันฤกษ์นะครับคุณแม่” สิริตอบกลับหน้าทะเล้น
“แกนี่จริงๆ เลย” คุณหญิงฤทัยรัตน์ส่ายหน้าอย่างระอาลูกชาย ขณะเดียวกันก็มีสายตาคู่หนึ่งคอยมองดูอยู่ และก็รู้ว่าคู่หมั้นหนุ่มหายไปไหน
“นิด” คนเป็นแม่ขานเรียกเมื่อเห็นสีหน้าลูกสาวแล้วรู้สึกไม่สบายใจ
“คะแม่” นิธาราเอ่ยถามด้วยสีหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะแม่ไม่ได้เพียงแค่สะกิด แต่ยังหยิกเธอจนเนื้อเขียว
“จะอะไรอีกล่ะ ดูเราทำหน้า งานหมั้นตัวเองทั้งแท้ๆ แทนที่จะทำหน้าตาให้มันดีๆ นี่อะไรทำหน้าทำตาเหมือนโดนบังคับให้หมั้น แล้วก็ยิ้มซะบ้าง เดี๋ยวแขกจะเข้าใจผิดว่าโดนบังคับให้หมั้น”
“หน้าตานิดก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนะแม่” คนเป็นตอบกลับเสียงเอื่อยๆ รู้สึกเบื่อหน่ายจนอยากจะหนีไปให้ไกล
“เดี๋ยวเถอะ ทำหน้าทำตาให้มันยิ้มแย้มหน่อย เร็วเข้า นั่น คุณสิริเดินมาโน้นแล้ว” ผู้เป็นแม่พูดจบก็หันไปยิ้มให้กับคู่หมั้นของลูกสาว ทางด้านนิธาราก็ถอนใจอย่างคนเบื่อโลก เธอไม่อยากหมั้น เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าพี่สิริมีคนรักอยู่แล้ว ถ้าหากได้หมั้นได้แต่งกันไปคงไม่วายต้องเลิกกัน แต่เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ในเมื่อผู้ให้กำเนิดสั่งว่าอย่าทำให้คุณหญิงฤทัยรัตน์เสียใจ
“นิดไปกันเถอะ ใกล้ฤกษ์แล้ว” สิริเดินเข้าไปโอบเอวคู่หมั้นสาวแล้วพาเข้าไปในงาน ส่วนนิธาราดันตัวออกห่างจากคู่หมั้นหนุ่มราวกับรังเกียจ
“นิด!” สิริตวาดใส่เสียงค่อนดัง
“นิดเดินเองได้” ตอบจบแล้วเธอก็เบี่ยงตัวออกมาแล้วเดินไปตามลำพัง ทางด้านสิริก็ยืนหัวเสียอยู่ที่เดิม ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของแขกในงานและลุ้นว่างานหมั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่ ในเมื่อสองหนุ่มสาวดูท่าจะโกรธเคืองกันมากทีเดียว
“ตาสิริ ทำไมแขกถึงได้พากันซุบซิบแล้วมองมาที่แก” คุณหญิงฤทัยรัตน์ที่มองดูผู้คนแล้วก็ชักสงสัยจึงถามลูกชาย
“ไม่มีอะไรครับ” ตอบมารดาแต่สายตายังคงจับจ้องไปที่คู่หมั้นสาว ที่เขาจะไม่รีรออีกต่อไปแล้ว หลังจากหมั้นเขาจะต้องเป็นเจ้าของเธอให้ได้!
“ไม่มีได้ยังไง ก็แม่เห็นคนในงานจับกลุ่มซุบซิบแล้วก็พากันมองมาที่แก หรือแกทะเลาะกับยัยนิด คนในงานถึงได้มองแก” คุณหญิงฤทัยรัตน์คาดคั้นบุตรชายด้วยสีหน้าไม่พอใจ เพราะไม่อยากให้ครอบครัวตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน
“คุณแม่ อย่าเพิ่งมาซักไซ้ผมตอนนี้ได้ไหมครับ” สิริตอบมารดาด้วยใจยังคุกรุ่น ที่คู่หมั้นสาวมีท่าทีรังเกียจ
“ก็แล้วแกทำอะไรไว้ล่ะ” คนเป็นแม่ถามเสียงเครียด เพราะกลัวว่างานหมั้นจะล่ม แล้วยิ่งมารู้มารู้เห็นว่าลูกชายพาผู้หญิงอีกคนมาด้วย ทั้งที่ตัวเองกำลังจะหมั้นก็ยิ่งหวั่นใจกลัวว่าลูกชายจะหนีงานหมั้นไปกกกับผู้หญิงไร้ยางอาย
“คุณแม่”
“ฉันไม่ถามแกแล้วก็ได้” คนเป็นแม่ยอมแพ้ เพราะกลัวลูกชายจะหนีงานหมั้น แต่ขณะที่กำลังรอฤกษ์สวมแหวน ก็มีกลุ่มคนเกือบสิบคนเดินเข้ามา คุณหญิงฤทัยรัตน์ รวมทั้งคนอื่นๆ ต่างพากันหันไปมองด้วยความสงสัย
“นั่นใครกันคะคุณหญิง” แม่สาย แม่บ้านคนเก่าแก่เอ่ยถาม
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยเห็นหน้าสักคน หรือจะมาผิดงาน” คนเป็นนายตอบเสียงเรียบๆ แต่ใจก็นึกหวั่นอยู่เหมือนกัน เพราะกลัวว่าคนเหล่านั้นจะมาทำลายงานหมั้น ส่วนคนว่าจ้าง ก็คงจะเป็นผู้หญิงไร้ยางอายที่มากอดจูบกับลูกชายตน