แม่ลูกอ่อน
ซ่อนชู้
พุทธศักราช 2562
บ้านไม้หลังใหญ่ โอบล้อมไปด้วยสวนชมพู่ในอำเภออัมพวา
“นวลกับลูกพักห้องนี้นะจ๊ะ… ”
‘ทองสร้อย’ กล่าวกับ ‘นวล’ ผู้เป็นน้องสะใภ้ ขณะกำลังพากันเดินเข้ามาในบ้านไม้หลังใหญ่ที่นวลเพิ่งย้ายมาอยู่ หลังจาก ‘ยุทธ’ ซึ่งเป็นสามีของหล่อนตัดสินใจลาออกจากโรงงานย่านสมุทรปราการที่ทำมานานหลายปี เพื่อเดินทางไปทำงานในประเทศลิเบีย ทำให้นวลต้องตัดสินใจหอบลูกน้อยในวัยหนึ่งขวบกว่าๆ กลับมาอยู่บ้านของพ่อแม่สามีที่อัมพวา
‘ถ้าพี่ไม่อยู่… นวลจะอยู่คนเดียวได้ยังไง บ้านเช่าในกรุงเทพฯ ใช่ว่าจะปลอดภัย วันดีคืนดีก็มีพวกขี้ยามางัดแงะขโมยของ จะให้พี่ทิ้งนวลกับลูกไว้ได้ยังไง ไปอยู่กับพ่อแม่พี่ดีกว่า ที่นั่นอยู่กันหลายคน’
เป็นคำพูดของยุทธที่กล่าวกับนวล ก่อนเดินทางไปทำงานต่างประเทศ
“มาอยู่ด้วยกันที่นี่นะลูก… แม่จะได้ช่วยเลี้ยงหลาน”
นางชบาผู้เป็นแม่ผัว กล่าวกับสะใภ้ด้วยน้ำเสียงเมตตา แววตาเอ็นดูนวลกับลูกชายตัวเล็กของหล่อนที่มาขออยู่ร่วมชายคาอาศัย ในระหว่างสามีไม่อยู่
“ขอบคุณมากจ้ะแม่… ”
นวลยกมือไหว้แม่ผัว ซึ้งใจเมื่อเห็นทุกคนให้การต้อนรับหล่อนเป็นอย่างดี
“ขอบคุณพี่สร้อยด้วยนะจ๊ะที่ช่วยเตรียมห้องพักให้หนู”
นวลยกมือไหว้พี่สาวของสามี ทองสร้อยเป็นคนน่ารัก ลักษณะของรอยยิ้มเต็มปากบ่งบอกถึงความเป็นคนเปิดเผยไร้เล่ห์เหลี่ยม
“ไม่เป็นไรจ้ะนวลเป็นน้องสะใภ้ของพี่ ก็เหมือนน้องสาวของพี่คนหนึ่ง ทุกคนในบ้านหลังนี้ดีใจที่นวลกับลูกมาอยู่ด้วย”
ทองสร้อยกล่าวขณะอุ้มร่างจ้ำม่ำของ ‘เจได’ ลูกชายของนวลไว้ในอ้อมแขน
ทองสร้อยรักเด็กมาก ครั้นเมื่อได้เจอกับหลานซึ่งกำลังอยู่ในวัยน่ารักน่าชังอย่างเจได หล่อนแสดงท่าทางรักใคร่เอ็นดูออกมาอย่างเห็นได้ชัด ตามประสาคนที่ไม่มีลูกเป็นของตัวเอง
“ทำไมพี่สร้อยไม่มีลูกสักคนล่ะจ๊ะ”
นวลถามด้วยความสงสัย เพราะรู้ว่าทองสร้อยมีสามีชื่อ ‘พันน์’ เป็นเขยของบ้านหลังนี้
“พี่มีลูกยากจ้ะ… ก่อนหน้านี้ก็เคยไปหาหมอ กระทั่งเจอเนื้องอกที่รังไข่ หลังจากผ่าตัดเนื้องอกก็เกิดอาการพังผืดตามมา ยิ่งทำให้มีลูกยากขึ้นไปอีก… ทั้งที่พี่กับผัวอยากมีลูกใจจะขาด”
เสียงของทองสร้อยเศร้าลงไปอย่างเห็นได้ชัด เมื่อต้องบอกถึงสาเหตุที่หล่อนยังไม่มีลูกจนป่านนี้
“ไม่เป็นไรจ้ะพี่สร้อย… งั้นหนูยกลูกชายให้พี่เอาไปเลี้ยงเป็นลูกเลยดีไหมจ๊ะ”
นวลแกล้งกระเซ้าอย่างอารมณ์ดี
“พี่เอาจริงนะ”
ทองสร้อยตอบ เรียกเสียงหัวเราะดังลั่นไปทั้งห้อง
ในเวลาต่อมา
ขณะที่นวลกำลังอุ้มลูกน้อยพาดบ่า ทอดสายตาผ่านกรอบหน้าต่างห้องนอนออกไปยังสนามหญ้าหน้าบ้าน พลันสายตาปะทะเข้ากับชายร่างกำยำไปด้วยมัดกล้าม ความสูงใหญ่ที่ต่างไปจากคนไทยและผิวสีแทนละติน ทำให้เขาดูเหมือนชาวต่างชาติ กำลังหิ้วข้าวของลงมาจากรถกระบะ
“นวลใช่ไหม… ”
ชายที่นวลกำลังจ้องมองด้วยความตะลึงงันในความหล่อเหลา ตะโกนถาม เมื่อเหลือบมาเห็นหล่อนอุ้มลูกน้อยยืนอยู่ข้างหน้างต่างและจ้องเขาไม่วางตา
“ใช่จ้ะพี่… พี่พันน์ใช่ไหมจ๊ะ”
เรือนหลังนี้มีผู้ชายแค่สองคน นวลรู้ว่าผู้ชายตัวใหญ่และหล่อมากจนหล่อนตะลึงมองคนนี้คงเป็นใครอื่นไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ ‘พันน์’ ลูกเขยคนขยันของบ้านหลังนี้ เขาเป็นสามีของทองสร้อย
“จ้ะ… ”
พันน์พยักหน้า เดินตรงเข้ามาใกล้หน้าต่าง ยื่นถุงขนมที่ซื้อมาจากตลาดให้กับนวล
“ขนมจ้ะ… พี่ซื้อมาฝาก”
เขาเดินมาหาหล่อน
“สักครู่นะจ๊ะ”
นวลรีบเอาลูกที่พาดบ่ากล่อมจนหลับ วางลงในเปล เดินกลับมาที่หน้าต่าง
และในขณะที่หล่อนต้องก้ม เอื้อมมือมารับของฝากผ่านช่องหน้าต่าง เต้านมแม่ลูกอ่อนอวบใหญ่โน้มลงมาอวดความรัดรึงตึงแน่นอยู่ภายใต้เสื้อบางๆ
‘โอ้ว… ’
พันน์แอบอุทานในใจ ตาเบิกโพลงจ้องมองสองเต้าเต็มตึงอยู่ในเสื้อคอกระเช้าบางๆ เห็นชัดเพราะหล่อนไม่ได้สวมเสื้อใน น้ำนมสีขาวชื้นเป็นวงคราบจางๆ บอกตำแหน่งหัวนมสองข้างแทงตุงขึ้นมาจากเสื้อของนวล ทำเอาพันน์ถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงลำคอแห้งผาก หล่อนช่างเป็นแม่ลูกอ่อนที่เซ็กซี่นัก
“ขอบคุณจ้ะพี่พันน์”
นวลกล่าว ยิ้มหวานให้เขา
“วันนี้พี่พันน์ไปไหนมาทั้งวันจ๊ะ”
นวลถามด้วยความสงสัย หล่อนเพิ่งย้ายเข้ามาวันแรก ตั้งแต่เช้าจนป่านนี้ก็เพิ่งเห็นพันน์ขับรถกลับเข้ามาบ้านในตอนใกล้ค่ำ
“พี่เอาของไปส่งที่ตลาดจ้ะ”
พันน์ตอบเสียงหวาน ทุกวันนี้นอกจากจะทำสวนผักและผลไม้ พันน์ก็ยังรับซื้อผลไม้จากชาวบ้านในละแวก เพื่อนำไปส่งขายต่ออีกที จึงต้องขับรถเข้ากรุงเทพฯ บ่อยๆ
อีกหนึ่งสัปดาห์ผ่านมา
ตอนค่ำ หลังจากให้นมลูกน้อยจนหลับคาเต้าแล้วอุ้มใส่เปล นวลทอดร่างลงบนเตียงนอน พยายามจะหลับเพราะดึกมากแล้ว ทว่าหล่อนก็ไม่อาจหลับลงได้
ก็จะอะไรเสียอีกล่ะ… ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเสียงครางของสามีภรรยาสองคู่ที่ขนาบอยู่สองข้างของห้องนอนหล่อน
ด้านซ้ายเป็นห้องของพันน์กับทองสร้อย ส่วนด้านขวานั้นเป็นห้องของพ่อผัวกับแม่ผัวของหล่อน และช่างบังเอิญที่มวยสองคู่ต้องมาชกในวันเดียวกัน
“อ๊ะ… อ๊า… พี่พันน์จ๋า… เบาๆ นะ ของฉันปริหมดแล้ว… อูย… ของพี่พันน์ใหญ่เหลือเกิน… งือออ… เท่าแขนฉันแน่ะ”