ภัยร้ายมาถึงตัว 1

1193 Words
“ท่านพ่อ ลูกดีใจมากเจ้าคะ ในที่สุด ท่านก็ได้กลับมาอยู่กับครอบครัว ที่สำคัญยังได้พักยาว อีกตั้ง 3 ปี ตามราชโองการ ครอบครัวเราต้องฉลองใหญ่แล้วเจ้าคะ” ลี่หลิน เอ่ยพร้อมรอยยิ้มปรากฎเต็มใบหน้า ตรงเข้าไปกอดแขน ซบไหล่ ออดอ้อนแม่ทัพเหลียงทันที ที่เห็นร่างสูงของท่านแม่ทัพเดินเข้ามา “ท่านพี่ ท่านสบายดีใช่หรือไม่ ข้าเป็นห่วงท่านมาก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ” เจาซิงอี ประสานมียอบกายทักทายสามี “ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกอยากจะขอผ้าไหมพระราชทานได้หรือไม่เจ้าคะ ลูกจะตัดชุดสวยไว้ใช้ในงานสำคัญเจ้าคะ” เหลียงซิงหลิง ว่าแล้วก็เข้าไปเกาะแขนอีกข้างที่เหลืออยู่ ทำท่าทางออดอ้อน เลียนแบบพี่สาว “อืม … ย่อมได้ อย่างไรเสีย ของพระราชทาน พ่อก็จะให้คนจัดการให้อย่างเหมาะสมอยู่แล้ว พวกเจ้าทุกคนจะได้รับอย่างแน่นอน” แม่ทัพเหลียงพูดแล้วมอง ทั้งสามคน “อ่อ… เจ้าเล็ก เป็นอย่างไรบ้าง เหตุใดไม่เข้ามาทักทายพ่อ โตขึ้นมากเลยนะเรา” แม่ทัพหันไปคุยกับบุตรชายคนเล็ก คุณชายเพียงหนึ่งเดียวของจวน “ขอรับ… ข้าก็อยากเข้าไปกอดท่าน ติดที่ว่าคือทั้งพี่หญิงใหญ่ และพี่หญิงรอง ก็ออดอ้อนท่าน ซ้าย ขวา แล้วข้าจะแทรกเข้าไปได้อย่างไรละขอรับ ความจริงเพียงแค่เห็นหน้าท่านพ่อ ที่กลับมาอย่างปลอดภัยครอบครัวเราพร้อมหน้าพร้อมตา ข้าก็มีความสุขมากแล้วขอรับ” เหลียงป๋อหลินกล่าวพร้อมรอยยิ้มเปื้อนสุขเต็มใบหน้า พร้อมทั้งยกมือขึ้นลูบเส้นผมตัวเองแก้เก้อกับเหตุการณ์นี้ "ฮะ ฮ่ะ ฮ่า" แม่ทัพหัวเราะ และยิ้มรับ เห็นด้วยกับคำของคุณบุตรชายคนเล็ก “ดี… งั้นพวกเรากลับเข้าไปนั่งประจำที่กันเถอะ ปลายยามห้าย งานเลี้ยงจึงจะเลิก และสามารถกลับจวนได้ หากจะกลับตอนนี้ก็ดูจะไม่เหมาะสม ด้วยเป็นงานเลี้ยงที่ฝ่าบาทตั้งใจ จัดขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะโดยเฉพาะ ซึ่งข้าก็เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่สามารถจะปลีกไปได้หากไม่ถึงเวลาอันสมควร” ว่าแล้วก็เดินนำครอบครัวไปยังที่นั่งที่ถูกจัดไว้ กองดนตรีก็ทยอยออกมาทำการแสดงอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศยิ่งคึกคักเมื่อการแสดงที่ปล่อยออกมาเริ่มเข้มข้นมีสีสันมากยิ่งขึ้น ทั้งการเล่นดนตรี ร่ายรำ การแสดงศิลปะ การละเล่นที่ผู้ชมสามารถเข้าร่วมสนุกด้วยได้ รวมถึงการแสดงละครที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ในไม่ช้า ขณะที่งานเลี้ยงยังดำเนินไปเพียงแค่หนึ่งชั่วยามหลังทราบแผนการร้ายของมารดาเลี้ยงลี่หลิน ทางด้านเฉินเฟยหลงที่แจ้งแก่ฮ่องเต้ถึงภารกิจลับ ก็ได้นำองครักษ์ส่วนตัวพร้อมทั้งคนสนิท สืบทราบข้อมูลทั้งหมด อย่างรวดเร็ว เนื่องจากได้ทำการแบ่งแยกกองกำลังออกเป็นสามฝ่าย หนึ่งฝ่ายจับตามารดาเลี้ยง และคนสนิทที่แอบลักลอบนัดแนะเจอกันเพื่อทบทวนแผนการ อีกฝ่ายหนึ่งจับตาดูความเคลื่อนไหวของคุณชายสกุลกวง ว่าได้วางแผนนัดแน่ะกับใครอีกบ้างและมีการตระเตรียมการสิ่งใดไว้บ้าง ที่เหลืออีกส่วนหนึ่งคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวภายในงาน ทันใดนั้นเอง ฝั่งมู่เฉิน ก็ได้นำตัวคุณชายกวงที่ถูกคลุมหัวมัดมือมัดเท้าเข้ามาในบริเวณที่อ๋องหลงยืนหันหลังอยู่ “คุกเข่าลง” เสียงมู่เฉินสั่งพร้อมเตะข้อพับ กวงช่างอินให้คุกเข่าลง “ปล่อยข้า ปล่อย… ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ พวกเจ้าไม่รู้เหรอว่าข้าคือผู้ใด เหตุใดจึงหาญกล้าจับตัวข้ามาแบบนี้” กวงช่างอินพูดพร้อมดิ้นรนขัดคืน ขณะนั้นเต๋อมู่เฉินก็ได้ทำการดึงถุงกระสอบออกจากหัวคุณชายสกุลกวงพอดี “หึ… เจ้ารึ เจ้าคือผู้ใด ถึงได้ขวัญกล้า คิดทำร้ายสตรีของข้า บังอาจยิ่งนัก” ว่าแล้วก็หันกลับมาพร้อมยกเท้าเหวี่ยงฟาดพลิกตัวกลับไปลงที่ใบหน้าของกวงช่างอินทันที “ขวับ” “โพล๊ะ” เสียงเท้ากระทบใบหน้าอย่างรุนแรง พร้อมกันนั้นในเสี้ยววินาที พบว่าของเหลวข้นสีแดงได้ไหลลงจากปากของกวงช่างอินทันที ยิ่งไปกว่านั้น ยังไอ และสำลักสิ่งของที่อยู่ในโพรงปากออกมาทันที " แคก..พรวด” พบว่าของที่ออกมาจากปากไม่เพียงแต่เป็นเลือดสดๆ ของตนที่ไหลทะลักออกมา ยังมีซี่ฟันออกมาด้วยถึงสี่ชิ้นด้วยกัน ขณะที่กวงช่างอินกำลังนึกทบทวนเรื่องราว และตะลึงอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกำลังเงยหน้าเพื่อจะต่อว่า และใช้อำนาจของเสนาบดีฝ่ายขวาผู้เป็นพ่อข่มขวัญคนที่ทำร้ายตน ก็ต้องตกตะลึง เมื่อพบว่าใบหน้าของผู้ที่ทำร้ายตนเป็นผู้ใด ความทรนง ความกล้าหาญที่คิดว่าตนจะต้องเอาคืนแน่นอน หมดสิ้นไปในชั่วพริบตา เพราะคนตรงหน้าตนนั้น หาใช่บุคคลที่ใครจะหาเรื่องด้วยก็ได้ ตายแน่ ตายแน่ๆ แล้ว ข้า..หมดกัน คิดแล้วก็ฟุบหมอบร่างกายลงกับพื้น ทั้งยังละล่ำละลัก พยายามพูดออกมาเพื่อร้องขอความเห็นใจ “ท่านอ๋อง โปรดอภัยให้กับความโง่เขลาของข้าด้วย ท่านอ๋องได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ ข้าจะยอมรับใช้ท่านทุกอย่าง ข้าเองก็ไม่คิดว่าสตรีที่คู่หมายไม่ต้องการคนนั้น จะเป็นคนของท่าน หากข้ารู้ ข้าจะไม่มีทางโง่ ตกปากรับคำทำเรื่องสิ้นคิดแบบนี้เด็ดขาด ตอนนั้น ข้าเพียงแต่คิดว่าองค์ชายสี่หาได้สนใจนางไม่ ไม่ช้าไม่เร็วนางก็จะถูกถอนหมั้นอยู่ดี ข้าแค่อยากรับช่วงดูแลนางก็แค่นั้นเอง" ว่าแล้วก็หมอบลงอีกครั้งร่างกายสั่นเทาเต็มไปด้วยความกลัว “หึ… ใครหน้าไหนมันให้ความกล้ากับเจ้าในการจะรับนางไป คุณชายเสเพลเช่นเจ้า ภรรยา อนุเป็นโขยง วันๆ เอาแต่สำมะเลเทเมา ไม่ได้เรื่อง เจ้ามัน คางคกอยากกินห่านฟ้าชัดๆ” ว่าแล้วก็หันหลังกลับ พยายามข่มกลั้นอารมณ์ที่จะไม่ลงมือฆ่าคนผู้นี้ จะด้วยอารมณ์โกรธ หรืออารมณ์หึงหวงก็ตามแต่ หากแต่อัครเสนาบดีฝ่ายขวานั้นเป็นคนดี ทั้งยังมีประโยชน์อยู่มาก รวมถึงยังเป็นฝ่ายสนับสนุน ว่าที่รัชทายาทอยู่ลับๆ เขาเองไม่อยากให้หลานชายต้องเสียพรรคพวกไปโดยใช่เหตุ “เต๋อมู่เฉิน” “พะยะคะ” “เจ้าลากมันออกไปสั่งสอน เอาให้หลาบจำ แต่อย่าให้ถึงตาย แล้วนำไปส่งจวนอัครเสนาบดีฝ่ายขวา หากท่านอัครเสนาบดีถาม เจ้าก็เล่าความจริงไป ข้าเชื่อว่า เสนาบดีกวงเป็นคนมีเหตุผล มีมโนธรรมมากพอ ไปเถอะ” “พะยะคะ” มู่เฉิน รับคับสั่งและลากร่างกวงช่างอินออกไปทันที “ไม่นะ ม่ายยย ...ท่านอ๋องได้โปรด อย่าลงโทษข้าเลย” กวงช่างอินพยายามดิ้นรนตะเกียกตะกาย ขอร้อง อ้อนวอน หากแต่ไม่เป็นผล ร่างนั้นถูกลากออกไปอย่างรวดเร็ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD