ตอนที่8

1423 Words
"น้ำหวานลูก"หญิงสาววัยสิบเก้าปีที่เดินเข้ามาในบ้านถึงกับต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงของผู้เป็นแม่เรียก ใบหน้าที่อ่อนหวานสมกับดั่งชื่อที่แม่ของเธอนั้นตั้งให้ หันไปมองแม่ของเธอที่กำลังเดินออกมาจากห้องรับแขก "ขาคุณแม่"น้ำเสียงที่หวานไม่ต่างกับชื่อทำเอาผู้เป็นแม่นั้นอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ มณีจันทร์มองลูกสาวของตัวเองในวัยสิบเก้าปีที่กำลังยืนยิ้มให้เธออยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่มีแต่ความรักจนเปี่ยมล้น "กลับมาจากมหาลัยแล้วเหรอคะ เป็นยังไงบ้างสำหรับการเรียนในมหาลัยในอาทิตย์แรก" "ก็สนุกดีค่ะน้ำหวานได้เพื่อนใหม่เยอะแยะเลย"ว่าพูดกับเดินเข้ามากอดแขนผู้เป็นแม่อย่างออดอ้อน มณีจันทร์มองลูกสาวของตัวเองที่ส่งยิ้มให้ เธอได้แต่รู้สึกผิดอยู่ในใจที่ต้องทำอะไรแบบนั้นลงไป แต่ตอนนี้เธอไม่มีหนทางเลือกแม้ว่ามันจะทำให้ลูกสาวต้องทนทุกข์ใจแต่ถึงยังไงเธอก็ต้องทำมัน "น้ำหวานลูก พรุ่งนี้หนูมีเรียนไหม" "พรุ่งนี้น้ำหวานไม่มีเรียนค่ะ คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ" "งั้นพรุ่งนี้หนูทำตัวให้ว่างหน่อยนะลูก พรุ่งนี้จะมีแขกมาที่บ้านเรา"ยิ่งได้เห็นยิ้มที่สดใสผู้เป็นแม่ก็เจ็บปวดในหัวใจเธอไม่อยากบังคับลูก แต่ในเมื่อเรื่องนี้มันไม่มีทางแก้เธอก็ไม่รู้จะทำเช่นไร "แขก ใครเหรอคะคุณแม่น้ำหวานรู้จักไหม" "แขกของคุณพ่อน่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูก็จะรู้เอง"มณีจันทร์ได้แต่ส่งยิ้มไปให้ลูกสาวของเธอเพียงเท่านั้นก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกไป น้ำตาของผู้เป็นแม่แทบจะไหลเมื่อครอบครัวของสามีในตอนนี้กำลังตกที่นั่งลำบากจนต้องทำสิ่งที่กระทบต่อจิตใจของลูกสาว รุ่งเช้าของวันต่อมาน้ำหวานถูกผู้เป็นแม่ปลุกให้ลุกขึ้นตั้งแต่เช้า การแต่งตัวของเธอในวันนี้ถูกแม่เธอเป็นคนจัดสรรให้เองจนเธอรู้สึกมึนงงกับการกระทำของผู้เป็นแม่ "น้ำหวานฟังแม่นะลูก แม่กับพ่อรักหนูที่สุด ที่แม่กับพ่อทำแบบนี้ก็เพื่อชีวิตที่ดีของครอบครัวเรานะลูก"คำพูดของผู้เป็นแม่ทำเอาเธอรู้สึกมึนงงขึ้นไปอีก สีหน้าของแม่ในตอนนี้มีแต่ความตึงเครียดไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อนเอาเสียเลย เช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อที่ไม่ว่าเธอจะกลับบ้านมาตอนไหนท่านก็เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงานจนเธอรู้สึกเป็นห่วงท่าน "แม่พูดอะไรคะน้ำหวานงงไปหมดแล้ว" "ไม่มีอะไรหรอกจ้ะลงไปด้านล่างกันดีกว่าป่านนี้แขกของพ่อคงจะมาถึงแล้ว"มณีจันทร์เงยหน้ากลั้นน้ำตาที่กำลังจะใหลก่อนที่จะจับจูงมือของลูกสาวเดินออกไป น้ำหวานมองแผ่นหลังของผู้เป็นแม่ด้วยความฉงนใจทำไมวันนี้แม่ของเธอถึงได้มีอาการแปลก ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน "น้ำหวานมาแล้วค่ะคุณ"คนที่อยู่ในห้องต่างหันไปมองสองแม่ลูกที่เดินเข้ามาใหม่เป็นตาเดียว น้ำหวานเองก็เช่นกันเธอกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ มีชายหญิงสองคนที่ดูดีมีอายุกำลังนั่งมองมาที่เธอ และผู้ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะมีอายุที่มากกว่าเธอกำลังนั่งทำหน้าไปสบอารมณ์อยู่ด้านข้างของชายหญิงคู่นั้น แต่ใบหน้าของชายผู้นั้นกลับทำเอาเธอแทบจะละสายตาจากเขาไม่ได้ผู้ชายอะไรถึงจะมีอายุที่มากกว่าแต่ใบหน้าของเขากลับเหมือนวัยรุ่นและดูหน้าดึงดูจนเธอแทบจะละสายตาไม่ได้ "น้ำหวานมานั่งข้างพ่อสิลูก"ผู้เป็นพ่อเรียกลูกสาวมือหนาหยาบกร้านตบลงบนโซฟาข้างตัวเองเบา ๆ เด็กสาวรีบเดินเข้านั่งข้างกายผู้เป็นพ่อก่อนที่จะยกมือไหว้แขกที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม "ขอโทษด้วยนะคะที่จันทร์พาลูกลงมาช้า"มณีจันทร์หย่อนกายนั่งข้างลูกสาวตอนนี้เท่ากับว่าสองตระกูลกำลังนั่งมองหน้า สายตาของน้ำหวานคอยลอบมองชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า เขาไม่แม้จะชายตาแลเธอ เสียด้วยซ้ำ "เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะครับ"พ่อของน้ำหวานมองอังเดรเพื่อนในสมัยเรียนที่เขาเป็นคนเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ เพราะตอนนี้บริษัทของเขากำลังเจอสภาวะล้มละลาย จนต้องแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่าที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน "น้ำหวานลูกนี่คือคุณลุงอังเดรกับป้ามีญ่า ท่านจะมาสู่ขอลูกเพื่อไปเป็นภรรยาให้กับลูกชายของเขา" "พ่อว่ายังไงนะคะ สู่ขอหนู"ทุกอย่างมันมืดดับเมื่อได้ยินในสิ่งที่ผู้เป็นพ่อพูด ก่อนจะหันไปมองหน้าครอบครัวอีกฝ่าย "ใช่จ้ะ ลุงอังเดรมาสู่ขอลูก"มณีจันทร์รีบเอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าลูกสาวของตัวเองเหมือนจะช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้น "นี่มันเรื่องอะไรกันคะพ่อแม่ หนูพึ่งจะอายุสิบเก้าแล้วทำไมถึง"ตอนนี้เธอรู้สึกสับสนและมึนงงกับสิ่งที่เผชิญอยู่ในตอนนี้ "น้ำหวาน ฟังพ่อนะลูกตอนนี้บริษัทของบ้านเรากำลังมีปัญญาคนที่จะช่วยเราได้ก็มีแต่ลุงอังเดรนี่แหละ" "ทำไมพ่อไม่บอกน้ำหวานล่ะคะว่าบริษัทเรากำลังมีปัญหา น้ำหวานจะช่วยพ่อแก้ไขมัน" "ไม่ทันแล้วละลูกตอนนี้หุ้นส่วนคนอื่น ๆ ต่างถอนหุ้นไปหมดเหลือเพียงแค่พ่อคนเดียวที่ถือหุ้นอยู่"สีหน้าลำบากใจของผู้เป็นพ่อทำเอาเธอรู้สึกเครียดตามเสียไม่ได้ "มันไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอคะพ่อที่จะไม่ทำให้บริษัทเราต้องล้มละลาย"เธอเองก็ลำบากใจไม่แพ้กัน จะให้เธอไปแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่แม้จะมองมาที่หน้าของเธอนั้นเธอก็คงจะทำไม่ได้ "ไอมีน่ะมันก็มี" "วิธีอะไรคะ"เหมือนกับมีทางแห่งแสงสว่างที่ลอดผ่านเข้ามาน้ำหวานมองหน้าผู้เป็นพ่อด้วยความหวัง "ต้องให้ใครสักคนมาซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด ถึงจะประคองบริษัทของเราต่อไปได้"ซึ่งคงไม่มีใครยอมทุ่มเงินหลายร้อยล้านมากว้านซื้อหุ้นไปแน่นอน "ช่วยครอบครัวของเราสักครั้งเถอะนะลูก เห็นแก่วิญญาณของปู่ย่าก็ได้ท่านคงไม่สบายใจถ้าหากบริษัทที่สร้างมากับมือตัวเองต้องล้มละลาย"มณีจันทร์เห็นท่าเริ่มไม่ดีก็รีบหยิบเรื่องของปู่กับย่าที่น้ำหวานเคารพรักและนับถือมากกว่าใคร ๆ ขึ้นมาหลอกล่อ ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะได้ผลเมื่อเธอนั้นยอมตกลง "น้ำหวานตกลงค่ะ"ทั้งพัชรพลและมณีจันทร์ต่างมีสีหน้าที่ดีใจ แต่ประโยคต่อไปของลูกสาวทำเอาเขาทั้งคู่มีสีหน้าที่เจื่อนลง "แต่น้ำหวานขอหมั้นไว้ก่อนได้ไหมคะ เพราะว่าตอนนี้น้ำหวานยังเรียนอยู่ถ้าแต่งงานไปเพื่อนที่มหาลัยของน้ำหวานจะมองน้ำหวานยังไง"คุณอังเดรยิ้มออกมาสายตาผ่านร้อนผ่านหนาวมองใบหน้าของลูกสาวเพื่อน "ได้สิลุงไม่มีปัญหาแล้วคุณล่ะมาดาม มีปัญหาอะไรหรือเปล่า" "ฉันก็ไม่มีปัญหา ส่วนลูกก็ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมจากัวร์"หันไปถามลูกชายที่นั่งซังกะตายอยู่ข้าง ๆ จากัวร์ปรายตามองมาที่น้ำหวานด้วยสายตาที่เดาความหมายไม่ได้ "ครับ ผมไม่มีปัญหา"จำใจที่จะต้องตอบแบบนั้นออกไปเพราะก่อนที่จะออกมาจากบ้านก็ถูกแม่กับพ่อขู่เอาไว้ว่าถ้าไม่ยอมตกลงหมั้นกับลูกสาวเพื่อนท่านจะทุบสนามแข่งรถของเขาทิ้งซึ่งนั้นมันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องจำใจยอมตอบตกลง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD