The devil's Lover ❤️ เล่ห์รักยัยตัวร้าย <1>เรื่องของเรามันเริ่มจาก...

2584 Words
เช้าวันต่อมา ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้กอหญ้าค่อย ๆ ขยับตัวเข้าไปหาความอบอุ่นที่เธอซุกตัวนอนหลับมาตลอดทั้งคืนกลิ่นน้ำหอมที่ไม่คุ้นจมูกดั่งนาฬิกาปลุกที่ชวนให้เด็กสาวค่อยๆลืมตาตื่นด้วยความรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกายราวกับถูกรถขนาดใหญ่บดทับจนรู้สึกร้าวไปทุกส่วน กลิ่นหอมที่ยังคงลอยมาแตะจมูกทำให้กอหญ้าค่อยๆเงยหน้าขึ้นจนกระทั่งหน้าผากของเธอสัมผัสเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่นุ่มหยุ่นราวกับก้อนเต้าหู้เด็กสาวถึงกับชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่ใบหน้าของเธอจะเผยความละอายใจออกมา นี่เมื่อคืนเธอเมามากจนเผลอเข้ามานอนห้องของผิงผิงเลยเหรอเนี่ย แต่เอ๊ะ!! หรือว่าเมื่อคืนเธอเผลอมีเรื่องตบตีกับสายขิมจนถูกผิงผิงลากกลับห้องมานะ กอหญ้าขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมพยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแต่ไม่ว่าเธอจะพยายามนึกเท่าไรเธอก็นึกไม่ออกในขณะที่กำลังว้าวุ่นใจคนข้างกายที่กำลังนอนหลับสนิทก็พลันขยับเข้ามาใกล้ๆพร้อมดึงเธอเข้ามาซุกตรงซอกคอของเขาทำให้ความคิดที่กำลังจมดิ่งวนอยู่ในอ่างเล็กที่ยังหาคำตอบไม่ได้ของกอหญ้าพลันกลับคืนมา “นอนดีๆหน่อยได้ไหมผิงผิง” กอหญ้าเอ่ยบอกคนข้าง ๆ ที่เธอคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทพร้อมขยับใบหน้าออกมาจากบริเวณซอกคอที่เธอซุกอยู่จนกระทั่งสายตาของเธอปะทะเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปปั้นแกะสลักฝีมือไมเคิลแองเจโล จิตรกรชื่อดังของอิตาลี ดวงตาคู่สวยพลันเบิกกว้างมองคนที่นอนอยู่เคียงข้างด้วยความตื่นตระหนกตกใจหัวใจของเธอพลันดีดตัวหนึ่งทีแล้วเต้นแรงขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุสองมือรีบยกขึ้นปิดปากเอาไว้เมื่อเธอเกือบจะหลุดเสียงกรีดร้องออกมาให้คนที่กำลังนอนหลับสนิทตกใจตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับเธอที่ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าทำไมคนที่นอนอยู่ข้างๆเธอถึงได้กลายเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนนี้ไปได้ “นี่ตกลงว่าเราเข้าห้องผิดหรือถูกลากเข้ามาในห้องนี้กันแน่วะกอหญ้า” กอหญ้าพึมพำเสียงเบาหวิวด้วยความคิดที่สับสนวุ่นวายก่อนที่เอวของเธอจะถูกคนที่กำลังนอนหลับยื่นมือมารวบทีเดียวเธอก็กลับเข้าไปนอนซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง วินาทีที่ริมฝีปากของเขาแนบลงบนแก้มของเธอภาพความทรงจำที่เธอพยายามนึกถึงก็ค่อยๆไหลเข้ามาในหัวราวกับเขื่อนแตก เรื่องระหว่างเขาและเธอมันเริ่มจาก... บาร์ “เบาได้เบาเว้ยเพื่อนตั้งแต่เข้ามามึงซัดไปหลายแก้วแล้วนะ” ซันนี่เอ่ยเตือนกอหญ้าด้วยความเป็นห่วงเธอไม่ได้ห่วงกลัวว่าโรคตับแข็งจะถามหาเพื่อนหรอกนะแต่เธอกลัวว่าเพื่อนสนิทของเธอจะเมาจนทิ้งคำว่า สติ เอาไว้ที่บาร์น่ะสิถ้าไม่เชื่อทุกคนก็รอดูคืนนี้ได้เลย “มึงจะห้ามมันทำไมว่ะซัน...” “ซันนี่จ้ะซันนี่ กรุณาเรียกชื่อกูให้ถูกด้วยผิงผิง” ผิงผิงยังพูดไม่ทันจบประโยคซันหรือซันนี่เพื่อนชายที่ใจเป็นหญิงเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มก็รีบเอ่ยทักท้วงให้ผิงผิงเรียกชื่อเธอให้ถูกทันที “เออ ซันนี่ก็ซันนี่ มึงนี่ก็ย้ำกูจังเผลอนิดเดียวรีบท้วงเลยนะ” “มันแน่นอนอยู่แล้ว ก็ในเมื่อกูเปลี่ยนชื่อเป็นซันนี่แล้วมึงก็ต้องเรียกชื่อกูให้ถูกด้วย” “พวกมึงนี่ก็ขยันกัดกันเหลือเกินนะ สามวันดีสี่วันไข้ไม่เบื่อมั้งไง” กอหญ้าเหน็บให้เพื่อนสนิททั้งสองคนที่ยักไหล่น้อยๆอย่างไม่แยแสกับคำพูดของเธอก่อนที่ทั้งสองคนจะยกแก้วเหล้าขึ้นจิบเบาๆซึ่งตรงข้ามกับกอหญ้าที่ยกแก้วตรงหน้าขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมดแก้วด้วยสีหน้าเรียบสนิทราวกับว่าเธอกำลังดื่มน้ำเปล่าอย่างไรอย่างนั้นเลย “ถ้ามึงจะยกซดเหมือนลำยองขนาดนี้เมาขึ้นมากูไม่แบกกลับห้องนะบอกไว้ก่อน” ซันนี่รีบพูดออกตัวก่อนคนแรกเมื่อดูแล้วเห็นท่าคืนนี้กอหญ้าคงจะเมาจนลืมสติเอาไว้ที่บาร์แห่งนี้แน่ ๆ “กูมีขาเดินหลับห้องเองได้มึงไม่ต้องห่วง” กอหญ้ายกมือขึ้นตบหลังเพื่อนเบา ๆ ก่อนที่เธอจะคีบน้ำแข็งใส่แก้วและชงเหล้าเข้มๆให้ตัวเอง “ระวังเอาไว้บ้างก็ดีนะ วันนี้ขาของมึงอาจจะพามึงเดินเข้าห้องผิดก็ได้ใครจะไปรู้ล่ะจริงไหม” ผิงผิงเอ่ยแซวกอหญ้าที่รีบยกนิ้วขึ้นส่ายไปมาเป็นเชิงปฏิเสธคำกล่าวหาของเพื่อนรักที่กำลังดูถูกความสามารถในการเอาตัวรอดของเธออยู่ต่อให้เธอเมามากแค่ไหนเธอก็ไม่มีวันเข้าห้องผิดหรอก..มั้งนะ “ไม่มีทางแน่นอน” กอหญ้าพูดขึ้นด้วยความมั่นใจเพราะสกิลการดื่มของเธอนั้นถือว่าคอแข็งใช้ได้ทีเดียวโดยที่เธอไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเวลาที่ตัวเองเมานั้นสติที่เคยเต็มร้อยกลับเหลือน้อยจนแทบเท่ากับศูนย์ “ว่าแต่นังสายขิมมันเป็นอะไรมากปะ กูเห็นมันนั่งจ้องหน้ามึงตั้งแต่เข้ามาแล้ว” คำพูดของผิงผิงทำให้กอหญ้าคิดถึงเรื่องฝึกงานของเธอที่เกิดความผิดพลาดขึ้นและไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลยเมื่อทางบริษัทที่ทางมหาวิทยาลัยส่งเรื่องไปตอบรับเธอเข้าฝึกงานเรียบร้อยแล้วซึ่งความผิดพลาดในครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเธอหรือสายขิมคู่อริเบอร์หนึ่งของเธอแต่อย่างใด “คงหงุดหงิดมั้งที่ไม่ได้ไปฝึกงานบริษัทที่ตัวเองเล็งเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรก” คำพูดของกอหญ้าทำให้คิ้วของซันนี่และผิงผิงพร้อมใจขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยเพราะเรื่องฝึกงานของพวกเธอเพิ่งจะเสร็จเรียบร้อยไปเมื่อไม่กี่วันนี้นี่เอง “หงุดหงิดเรื่องที่ฝึกงานแล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึงด้วยวะกอหญ้า” ซันนี่เอ่ยถามกอหญ้าเพื่อให้คลายข้อสงสัยที่กำลังก่อตัวเป็นเกลียวคลื่นอยู่ในใจ “ไม่เกี่ยวได้ยังไงก็ในเมื่อบริษัทที่มันอยากจะไปฝึกงานดันสลับกับกูน่ะสิ” “ห๊ะ มึงว่ายังไงนะ” ผิงผิงกับซันนี่พร้อมใจกันตะโกนถามกอหญ้าอีกครั้งด้วยความตกใจทำให้คนที่เพิ่งบอกสาเหตุที่สายขิมเอาแต่จ้องหน้าเธอได้แต่ยกมือขึ้นปิดหูเอาไว้ราวกับกลัวหูดับ “แล้วพวกมึงจะพากันตะโกนทำไมเนี่ย” กอหญ้าต่อว่าสองสาวที่ไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อยแถมตอนนี้ทั้งคู่ยังพากันจ้องหน้าเธอเพื่อรอฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นตาไม่กระพริบอีกด้วย “ก็ไม่มีอะไรมาก อาจารย์เขาแค่หยิบเอกสารของกูกับมันสลับกันน่ะก็เลยทำให้กูต้องไปฝึกงานที่ AK Group ส่วนมันก็ไปแทนกูแค่นั้นเอง” “เดี๋ยวนะกอหญ้า นี่มึงไม่คิดที่จะเล่าเรื่องนี้ให้พวกกูฟังบ้างหรือไง” ผิงผิงเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่ส่ายหน้าไปมาน้อยๆราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญมากพอที่จะต้องเล่าให้เธอกับซันนี่ฟัง “ก็มันไม่ใช่เรื่องสำคัญสักหน่อยในเมื่อมึงก็ฝึกงานที่บริษัทของป๊ามึง ส่วนมึงก็ฝึกงานที่บริษัทของครอบครัวมึง ส่วนกูก็แค่ดวงไม่ดีถูกสลับที่ฝึกงานแค่นั้นเอง” กอหญ้าบอกเพื่อนด้วยท่าทีที่ไม่เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอมองว่าการฝึกงานไม่ว่าจะฝึกที่ไหนเธอก็ต้องตั้งใจทำงานออกมาให้ดีที่สุดเพื่อให้ผ่านการฝึกงานก็แค่นั้นเอง “สำหรับมึงอะไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่สำหรับนังสายขิมกูว่ามันคงสำคัญมากแน่ ๆ ดูจากสายตาที่กำลังมองมาที่มึงราวกับจะฉีกเนื้อมึงออกเป็นชิ้น ๆ แล้ว มันคงกำลังโกรธมึงจนแทบอยากจะอาละวาดเลยแหละ” ความคิดเห็นของซันนี่ทำให้กอหญ้าเพียงปรายตามองสายขิมที่กำลังจ้องมาที่เธอด้วยสายตาที่จงใจแสดงออกให้เธอรู้ว่าโกรธและเกลียดเธอมากเพียงไรเพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนที่เธอจะหันมาสนใจแก้วเหล้าตรงหน้าต่อเพราะเรื่องที่ฝึกงานเธอเคลียร์กับสายขิมไปตั้งแต่สามวันก่อนที่พวกเธอกับเพื่อนๆในห้องจะเดินทางมาเที่ยวพักผ่อนก่อนออกฝึกงานแล้ว สำหรับกอหญ้าเธอจบเรื่องไปตั้งแต่วันที่ฟาดฝีปากใส่กันที่หน้าห้องน้ำแล้วส่วนสายขิมจะจบหรือไม่จบก็ช่างหัวสายขิมปะไรเธอไม่เก็บมาคิดให้เปลืองพื้นที่ในสมองหรอก อย่างวันนี้เรื่องที่สายขิมกำลังนั่งจ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกลียดถ้าซันนี่ไม่พูดขึ้นมาเธอก็คงไม่รู้เพราะกอหญ้าไม่ได้ให้ความสนใจในตัวสายขิมเลยแม้แต่น้อย “ช่างหัวมันปะไรอยากจะโกรธหรือเกลียดกูก็ตามสบาย เพราะตั้งแต่ปีหนึ่งมันก็ไม่เคยรักกูอยู่แล้วนี่นาจริงไหม?” กอหญ้าเอ่ยบอกเพื่อนอย่างคร้านจะใส่ใจให้เสียเวลาก่อนที่เธอจะนั่งดื่มต่อจนเริ่มรู้สึกมึนหัวเล็กน้อยแต่รสชาติที่ขมปลายลิ้นหวานล้ำเมื่อไหลสู่ลำคอของเหล้าราคาแพงตรงหน้า ทำให้กอหญ้าตัดใจเลิกดื่มไม่ลงเธอยังคงนั่งดื่มกับเพื่อนไปเรื่อย ๆ แก้วแล้วแก้วเล่าจนกระทั่งซันนี่และผิงผิงเริ่มคุยกับเธอด้วยลิ้นที่พันกันเธอก็ยังคงไม่เลิกดื่ม “เดย์ ธัน เรารบกวนแบกผิงผิงกับซันนี่ไปส่งที่ห้องพักหน่อยสิดูท่าคงจะเมาจนดื่มไม่ไหวแล้ว” เมื่อเห็นสภาพของเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พากันเมาจนฟุบหลับอยู่บนโต๊ะกับโซฟากอหญ้าก็หันไปเอ่ยขอความช่วยเหลือจากเพื่อนผู้ชายในห้องให้พาทั้งสองคนขึ้นไปส่งที่ห้องพัก ซึ่งสองหนุ่มเมื่อได้รับคำไหว้วานทั้งคู่ก็ไม่รอช้าที่จะเข้ามาพยุงเพื่อนในห้องที่เมาไม่ได้สติเพื่อพาขึ้นไปส่งตามคำขอของสาวสวยที่กำลังฉีกยิ้มให้พวกเขาด้วยแววตาหยาดเยิ้ม “แล้วกอหญ้าล่ะไม่กลับห้องพร้อมสองคนนี้เหรอ?” เดย์หันมาถามกอหญ้าที่ยังคงนั่งดื่มต่อไม่ยอมลุกขึ้นเดินตามพวกเขามาด้วยความสงสัยเพราะตอนนี้ในบาร์เพื่อน ๆ ในห้องต่างก็เริ่มพากันแยกย้ายกลับห้องพักแล้ว “เราขออยู่ต่ออีกสักพักก็แล้วกันเหล้ากำลังหวานทำใจเลิกดื่มไม่ได้จริงๆ” คำตอบที่ติดตลกของกอหญ้าทำให้เดย์ได้แต่หลุดยิ้มขำก่อนที่เขาจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจและค่อย ๆ พยุงผิงผิงเดินจากไปทิ้งให้กอหญ้านั่งดื่มเพียงลำพัง ขอแก้วนี้แก้วสุดท้ายก็แล้วกัน เมื่อเริ่มรู้สึกมึนและเมาจนมองเห็นภาพตรงหน้าไม่ค่อยชัดเจนกอหญ้าก็บอกตัวเองว่าให้ดื่มแก้วที่เธอเพิ่งชงเป็นแก้วสุดท้ายก่อนที่เธอจะยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมดแก้วด้วยความชื่นใจ “ฮ่า เหล้ายี่ห้อนี้หวานชะมัด เอิ๊ก” เสียงหวานพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ทิ้งท้ายก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ลุกขึ้นจากโซฟาและสะบัดหน้าไปมาแรง ๆ สองสามครั้งเพื่อเรียกสติจากนั้นร่างบางที่อยู่ในชุดสายเดี่ยวสุดเซ็กซี่เข้าชุดกับกระโปรงสั้นที่โชว์เรียวขาเนียนสวยก็ค่อย ๆ เดินออกไปจากบาร์ด้วยอาการซวนเซเล็กน้อยเมื่อสติที่เคยเต็มร้อยนั้นเหลือน้อยเต็มทีแล้ว ติ้ง เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกกอหญ้าก็พาตัวเองเดินเข้าไปพร้อมพยายามเพ่งมองตัวเลขตรงหน้าเพื่อกดไปยังชั้นห้องพักของเธอแต่เพราะว่าดื่มมากเกินไปตัวเลขตรงหน้าถึงได้ดูลายตาไปหมด เธอพยายามเพ่งมองอีกครั้งนิ้วเรียวจึงจิ้มลงบนเลข ๆ หนึ่งที่เธอมั่นใจว่ามันคือชั้นห้องพักของเธออย่างแน่นอนทั้ง ๆ ที่ชั้นที่กดลงไปนั้นคือชั้นห้องพักสำหรับเจ้าของโรงแรมแห่งนี้เท่านั้น “อ๊ะ ถึงแล้ว” เมื่อประตูเปิดออกยังชั้นที่พักของเธอกอหญ้าก็รีบหอบร่างของตัวเองออกมาจากลิฟต์ทันทีซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับใครบางคนที่กำลังวางสายจากเลขาคู่ใจอยู่พอดี เสียงประตูลิฟต์ที่เปิดออกทำให้ภีมวัจน์ที่กำลังจะเปิดประตูเข้าห้องชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหันไปมองร่างบางที่กำลังเดินออกมาด้วยอาการเซจนแทบพยุงตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ หึ แค่มานอนให้ฉันกระแทกถึงกับต้องดื่มเหล้าย้อมใจ ภีมวัจน์ได้แต่คิดอยู่ในใจเงียบ ๆ ก่อนที่เขาจะมองสาวสวยในชุดเซ็กซี่ที่แทบจะปิดบังเรือนร่างเย้ายวนของเธอไม่มิดอีกครั้งด้วยความสนใจใบหน้าสวยเฉี่ยวที่ยิ่งมองก็เหมือนยิ่งต้องมนต์สะกดทำให้ภีมวัจน์ตัดสินใจก้าวยาว ๆ เข้าไปกระชากแขนของเธอให้เดินตามเขาเข้ามาที่ห้อง ปัง เสียงประตูที่ปิดลงไม่ได้ทำให้สติของกอหญ้ากลับคืนมาเลยแม้แต่น้อยร่างบอบบางของเธอถูกพันธนาการอยู่ภายใต้วงแขนใหญ่ของภีมวัจน์ที่กำลังมองดวงหน้างามของผู้หญิงตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลงใหลไปชั่วขณะ “เอิ๊ก ปวดหัวอะอยากนอนแล้ว” กอหญ้าพึมพำเสียงเบาด้วยความรู้สึกปวดศีรษะจนแทบจะระเบิดเมื่อแอลกอฮอล์ที่เธอดื่มเข้าไปเป็นจำนวนมากกำลังออกฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่ภีมวัจน์กลับตีความหมายคำพูดของเธอไปอีกทาง “หึ เธอได้นอนทั้งคืนสมใจแน่ ๆ คนสวย แต่นอนให้ฉันกระแทกนะทูนหัวไม่ใช่นอนหลับ” จบประโยคริมฝีปากสีไวน์ก็ก้มลงบดขยี้กลีบปากนุ่มสีแดงเพลิงช่วงชิงจูบแรกไปจากร่างบางของกอหญ้าที่เมามายจนแทบไม่ได้สติทำให้เธอหลงคิดไปเองว่าลมหายใจอุ่นร้อนที่กำลังเป่ารดใบหน้าของเธอ ริมฝีปากที่เจือไปด้วยลมหายใจหอมกรุ่นที่กำลังบดจูบเธออย่างดูดดื่ม มือใหญ่ที่กำลังสัมผัสและบีบเคล้นไปทั่วร่างกายของเธอจนรู้สึกเสียวสะท้านนั้นคือความฝันที่แสนหวาบหวามฝันที่เธอบอกตัวเองว่ามันคือฝันดีที่สุดในค่ำคืนนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD