ตอนที่ 5

1071 Words
“ว่าไงจ๊ะนวล… ” เจ้าของบ้านเงยหน้ามองสาวใหญ่ที่ทรวดทรงยังสะสวยไม่สร่าง กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาหล่อเหลาซึ่งพิเดชไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน “เจมส์… นี่พ่อเลี้ยงพิเดช” นวลจันทร์แนะนำหลานชายกับเจ้าของบ้าน “สวัสดีครับพ่อเลี้ยง” เจมส์ยกมือไหว้นายใหญ่ของบ้าน พิเดชเป็นหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้าปี เป็นคนตัวสูงใหญ่มาดแมน ผิวสีน้ำตาลเข้ม รูปร่างกำยำตามแบบฉบับของเกษตรกรผู้ใช้ชีวิตกลางแจ้งเป็นส่วนใหญ่ จมูกโด่งเป็นสัน ใบหน้าคมคร้ามหล่อเหลาสะดุดตา สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก๊อต บนศีรษะสวมหมวกปีกกว้างเหมือนคาวบอย “เห็นหน้าฝรั่ง… นึกว่าจะพูดภาษาไทยไม่ได้” พ่อเลี้ยงกล่าวพลางจ้องมองหน้าหนุ่มลูกครึ่งสเปนรูปร่างสูงใหญ่ด้วยแววตาฉงน เพราะว่าเมื่อหลายวันก่อนนวลจันทร์เพิ่งขออนุญาตฝากหลานชายเข้ามาทำงานในไร่อ้อยของเขา “อ๋อ… ไอ้เจมส์เป็นลูกครึ่งค่ะพ่อเลี้ยง” นวลจันทร์บอก พิเดชไม่รู้มาก่อน ว่าหลานชายของหล่อนเป็นหนุ่มลูกครึ่งสเปนหน้าตาหล่อเหลา หน่วยก้านสูงใหญ่สะดุดตาจนน่าจะไปเป็นพระเอกหนังมากกว่ามาทำงานในไร่อ้อย “หล่อนะเรา… หน่วยก้านดีจัง… ทำอะไรเป็นบ้างล่ะเอ็ง” พ่อเลี้ยงถามเจมส์ “ทำได้ทุกอย่างครับพ่อเลี้ยง ผมขับรถได้ งานช่าง งานไร่งานฟาร์มได้ทั้งนั้น หนักเบาผมไม่เกี่ยงครับ… แล้วแต่พ่อเลี้ยงจะสั่งครับ” เจมส์ตอบ สุ้มเสียงหนักแน่นอย่างคนสู้งาน “แบบนี้ก็ดี… ตอนอยู่อเมริกาเคยทำงานในฟาร์มมาก่อนรึ?” พ่อเลี้ยงสงสัย รู้สึกแปลกใจที่เจมส์เลือกมาทำงานในไร่อ้อยของเขา “ครับ… ตอนเด็กๆ ผมอยู่เท็กซัสครับ” เจมส์ตอบ “อ๋อ… แบบนี้นี่เอง” ในชีวิตของพิเดช เขาเคยไปเที่ยวรัฐเท็กซัสของอเมริกามาแล้วหลายครั้ง ด้วยชื่นชอบเมืองนั้นถึงขั้นหลงใหลไลฟ์สไตล์ชีวิตแบบอเมริกันคาวบอยแท้ ที่นั่นมีฟาร์มมากมาย ผู้คนในชนบทยังทำการเกษตรเป็นอาชีพ “ถ้ามาจากเท็กซัส งั้นก็ต้องขี่ม้าเป็นสินะ” พ่อเลี้ยงกำลังต้องการคนงานดูแลม้า    “ครับนาย” ชายหนุ่มพยักหน้า ขี่ม้าไม่ใช่ปัญหาของลูกผู้ชายที่เติบโตมาจากเมืองคาวบอยเท็กซัสอย่างเจมส์ “ดี… งั้นวันนี้ทำงานที่คอกม้าไปก่อน ทำไปสักระยะเดี๋ยวฉันจะหางานที่เหมาะสมให้อีกที” เจ้าของบ้านสั่งพลางยกหลังมือขึ้นมองนาฬิกา วันนี้เขามีนัด “ครับนาย” เจมส์พยักหน้ารับ “นวลจ๋า… เธอช่วยดูแลเรื่องที่พักให้หลานชายด้วยนะ”  “ค่ะพ่อเลี้ยง” สาวใหญ่พยักหน้ารับด้วยน้ำเสียงนอบน้อม พิเดชเรียกหล่อนว่า ‘นวล’ จนติดปาก เพราะว่าเขามีอายุมากกว่าหล่อนถึงสิบปี ตอนนี้พิเดชอายุสี่สิบห้า แต่นวลจันทร์เพิ่งแตะสามสิบห้าเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง สายตาของพิเดชที่มองนวลจันทร์ น้ำเสียงที่พูดกัน ทำให้เจมส์พอจะรู้ว่าสองคนนี้น่าจะมีอะไรมากกว่านายกับบ่าว “นวลจ๊ะ… วันนี้ยัยเกดจะมาถึงบ่ายๆ เดี๋ยวเย็นๆ ฉันกลับมาคงได้เจอกัน… ฝากดูแลลูกสาวฉันด้วย” พ่อเลี้ยงเปรยถึง ‘เกดสุดา’ ลูกสาวคนเดียวที่เขารักปานแก้วตาดวงใจ กำลังเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ตามที่ได้นัดหมายล่วงหน้าเอาไว้ ว่าจะมาพักผ่อนที่ไร่ของเขาในช่วงปิดเทอมใหญ่ “ค่ะพ่อเลี้ยง” นวลจันทร์พยักหน้ารับ รู้ว่าวันนี้พ่อเลี้ยงพิเดชมีธุระรออยู่ เขาต้องไปประชุมที่อำเภอร่วมกับสมาคมเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยและมันสำปะหลัง          วันต่อมา ตอนเช้าตรู่ ที่สนามหญ้า หน้าบ้านไม้สักหลังใหญ่ ของพ่อเลี้ยงพิเดช ตระหง่านอยู่ท่ามกลางเนินดินทำเลงาม โอบล้อมไปด้วยไร่อ้อยและข้าวโพดหลายร้อยไร่ “ป้านวลคะ… นั่นใครคะ” เกดสุดาลูกสาวพ่อลเลี้ยง หล่อนมาถึงแล้ว คุณหนูอยู่ในชุดกางเกงผ้ายืดขาสั้น เสื้อยืดแขนกุดสีขาวครีม กำลังยืนออกกำลังกาย ชูแขนแอ่นสะโพกโยกซ้ายโยกขวาอยู่ท่ามกลางสนามหญ้าหน้าบ้าน เสียงใสร้องถามนวลจันทร์ที่กำลังเดินถือขวดน้ำดื่มตรงเข้ามาหาหล่อน “อ๋อ… ไอ้เจมส์หลานป้าจ้ะคุณหนู” นวลจันทร์เหลือบมองไปยังเรือนหลังเล็กที่อยู่ท้ายบ้าน เห็นหลานชายรูปร่างสูงใหญ่ไซส์ฝรั่ง กำลังเตรียมตัวจะออกไปทำงานในไร่ “คนงานหรือคะ?” หัวคิ้วโค้งเป็นแนวสวย รับกับกรอบดวงตา ชิดเข้าหากันด้วยความฉงนใจ ถ้าผู้ชายคนนี้เป็นคนงานในไร่ ก็เรียกได้ว่าเป็นคนงานที่หล่อเหลาสะดุดตาที่สุด เท่าที่เกดสุดาเคยได้พบเห็นมา “ใช่ค่ะคุณหนู… ต้องขอบคุณพ่อเลี้ยงที่อุตส่าห์รับไอ้เจมส์หลานป้าไว้ทำงานในไร่ ไม่งั้นมันคงจะต้องเข้าไปหางานทำในกรุงเทพฯ” “หรอคะ… ” เกดสุดายังไม่หายสงสัย ในเวลาต่อมานวลจันทร์จึงเล่าให้ฟัง ว่าแม่ของเจมส์ซึ่งก็คือน้องสาวของหล่อน ไปได้สามีเป็นคนสเปนแต่ย้ายมาตั้งรกรากอยู่ในอเมริกัน แม่กับพ่อของเจมส์พบรักกันที่เมืองพัทยา หลังจากแต่งงานกันเงียบๆ ก็พากันย้ายไปทำฟาร์มอยู่ที่รัฐเท็กซัสในสหรัฐอเมริกา พ่อของเจมส์เป็นฝรั่งรักสันโดษ ฐานะปานกลาง ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก บรรพบุรุษของเขาสืบเชื้อสายมาจากคาวบอยเก่าในรัฐเท็กซัส เจมส์เกิดและเติบโตมาจากที่นั่น จึงไม่แปลก ถ้าเขาจะหลงใหลชีวิตชนบทจนตัดสินใจเข้ามาทำงานในไร่ของพ่อเลี้ยงพิเดช ตามคำแนะนำของนวลจันทร์ผู้เป็นป้าที่ทำงานอยู่ก่อน “แล้วพ่อกับแม่ของเขาล่ะคะ” เกดสุดาสงสัย แววในดวงตาของนวลจันทร์ดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะตอบว่า “โชคร้ายที่พ่อกับแม่ของเจมส์ต้องมาจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อห้าปีก่อน… ฝนตกถนนลื่น ขับรถตกเขาตายทั้งคู่” “ตายจริง… ” เกดสุดายกมือขึ้นแตะอก อุทานตกใจ “ค่ะ… ตอนนั้นเจมส์อายุได้ยี่สิบปีพอดี หลังจากพ่อแม่ตายชีวิตก็ผกผัน เพราะว่าที่อเมริกาเจมส์ไม่มีญาติที่ไหน สุดท้ายก็ต้องกลับมาอยู่กับตายายที่เมืองไทย ก่อนที่ป้าจะพามาทำงานที่นี่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD