บทที่ 6

2084 Words
บ่ายวันนี้ อิงนภาเข้ามาทำงานที่สตูดิโอเหมือนปกติ เธอมีกุญแจสำรองแม้ว่าข้างในจะไม่มีใครอยู่ เธอเปิดเข้ามาจัดการทำความสะอาดเหมือนทุกครั้ง สาวน้อยแต่งตัวด้วยชุดสบาย ๆ กางเกงวอร์มขายาวกับเสื้อยืด ผมยาวสลวยก็มัดม้วนขึ้นเป็นทรงดังโงะ จากทำความสะอาดชั้นล่างเสร็จก็ถึงตาต้องขึ้นไปทำชั้นบน เท้าเล็กจะก้าวขึ้นบันไดก็หยุดชะงักอย่างชั่งใจ ด้วยไม่อยากกลับขึ้นไปบนห้องนั่นอีก แต่ก็ต้องก้าวเมื่อมันเป็นงาน ขึ้นมายังห้องทำงานของเจ้าของสตูดิโอเธอก็รีบเก็บกวาดให้เสร็จ จะได้รีบกลับ เพราะตอนนี้ก็บ่ายสามโมงแล้ว จะต้องทำเสร็จก่อนที่พวกเขาจะกลับมาจากทำงานข้างนอก แต่เหมือนฟ้าจะไม่เข้าข้าง เมื่อเสียงพูดคุยดังลั่นจากชั้นล่างขึ้นมาข้างบน “เฮ้อ! เหนื่อยจังเลยครับพี่ รูปค่อยเช็กพรุ่งนี้ได้ไหมครับ” ธนาถามเจ้านายหนุ่ม “อือ! ก็ได้ แล้วนี่ใครมา ทำไมประตูสตูดิโอเราไม่ล็อก หรือพวกมึงลืมล็อก” ฝันดีถามเสียงขรึม “ล็อกครับพี่ น้องพีร์อาจจะมาทำความสะอาดก็ได้ครับ” มาทศเป็นคนตอบ ‘น้องพีร์’ ของมาทศทำให้ฝันดีสะดุดหู เพราะมันชื่อเดี๋ยวกับเด็กนั่งดริงก์ที่ทิ้งเขาไป ใช่ ชื่อนี้เขาจำไม่ผิดแน่ “น้องพีร์? แม่บ้านชุดนักศึกษาหน้าจืดคนนั้นเหรอ” ถามสองหนุ่มกลับ แล้วก็ต้องสบถหยาบออกมา “เชี่ย! ทำไมฉันจำไม่ได้ว่าเป็นเธอ” เท้ายาวรีบก้าวยาว ๆ เดินตามหาสาวน้อยตามห้องต่าง ๆ ของสตูดิโอ แต่ก็ไม่เจอ ทำเอาธนาและมาทศมองตามเจ้านายที่เป็นเหมือนพี่ชายของตนด้วยความมึนงงและไม่เข้าใจ และเหลือแต่ชั้นสองที่เขายังไม่ทันได้ขึ้นไปดู แต่ยังไม่ทันได้ขึ้นไป คนตัวเล็กก็กำลังเดินลงบันไดมายังทางเขาและลูกน้องยืนอยู่ “เสร็จแล้วเหรอครับน้องพีร์” ธนาถามหญิงสาวที่เดินถืออุปกรณ์ทำความสะอาดลงมาจากบันได อิงนภามองคนตัวโตที่จ้องมองมาทางตน ก่อนจะหลบตาแล้วยิ้มแห้ง ๆ ตอบธนา “ค่ะพี่สอง” เธอตอบสั้น ๆ “แล้วนี่จะกลับบ้านเลยไหมครับน้องพีร์” เป็นมาทศเอ่ยขึ้นบ้างเมื่อคนตัวเล็กลงมาพ้นจากบันไดแล้ว “พวกมึงเอาของไปเก็บไป กูมีอะไรจะพูดกับหนูพีร์” สั่งลูกน้องเสร็จก็ฉวยโอกาสคว้าข้อมือเล็กจนอุปกรณ์ทำความสะอาดที่หญิงสาวถือมาตกหล่นลงไปกับพื้น ทำเอามาทศกับธนาตกใจกับการกระทำอุกอาจของเจ้านาย และที่สำคัญเมื่อกี้ฝันดีเรียกอิงนภาว่า ‘หนูพีร์’ ไปสนิทรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไร เพราะไม่เคยเห็นทั้งสองคนพูดคุยกันสักครั้งและแทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลยตลอดเวลาที่อิงนภาทำงานอยู่ที่นี่ อิงนภาถูกฉุดลาดให้เดินตามไปยังห้องครัว ส่วนมาทศกับธนาไม่ได้ทำตามคำสั่งของเจ้านาย แต่ทั้งสองแอบตามไปฟังว่าฝันดีจะคุยอะไรกับแม่บ้านคนสวยประจำสตูดิโอ “ปล่อยหนะ...ฉันนะคะ” เธอเกือบหลุดแทนตัวเองว่า ‘หนู’ ไปเสียแล้ว “ทำไมล่ะหนูพีร์ คิดว่าแต่งตัวแบบนี้แล้วพี่จะจำหนูไม่ได้เหรอ ทำไมไม่อยู่ถึงเช้า หนีกลับทำไม” ฝันดีถามและกำข้อมือเล็กแน่น ไม่ปล่อยตามที่สาวน้อยบอกสั่ง “คุณพูดเรื่องอะไรคะ ดิฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย” เบือนหน้าหนีไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม “ไม่เห็นรู้เรื่องเหรอ” มือใหญ่ชี้ไปที่ต้นคอระหงที่เป็นรอยตีตราจองของเขา มันเด่นชัดขนาดนี้หล่อนยังกล้าปฏิเสธอีกว่าไม่เห็นรู้เรื่อง “มดกัดหนูพีร์ต่างหากค่ะ” หล่อนหลุดแทนตัวเองสนิทสนมกับเขา ปิดปากตอนนี้ไม่ทันเสียแล้ว "หึหึ แม่เด็กนั่งดริงก์” บังคับดวงหน้าเล็กให้หันมามองตนเองและบังคับให้แหงนเงยขึ้น ริมฝีปากหนาก็ฉกจูบปากน้อยที่กำลังจะเปล่งคำออกมาทันที “อะ! อื้อ!" อิงนภาครางอู้อี้ในลำคอ มือน้อยดันใบหน้าหล่อออกห่าง แต่ก็ยากเหลือเกินเมื่อเขานั้นบังคับท้ายทอยของหล่อนอยู่ มืออีกข้างเคลื่อนมาถอดแว่นที่ใส่ไปทำงานออกไปวางไว้หลังตู้เย็น แล้วก็มาบังคับใบหน้างามจูบเร่าร้อนสอดแทรกเรียวลิ้นสากเข้าไปสำรวจโพรงปากน้อยของสาวน้อย ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะขัดขืนตน ด้านมาทศกับธนาที่แอบมองอยู่ประตูห้องครัวก็ได้แต่เบิกตากว้างกับภาพที่เห็น ทั้งสองไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอิงนภากับฝันดีรู้จักกันและสนิทกันถึงขั้นนี้แล้ว “กูว่าเราไปกันเถอะไอ้สอง” มาทศกระซิบเพื่อน “กูก็ว่างั้นแหละมึง พี่ฝันแอบเงียบว่ะ!" แล้วสองคนก็ย่องเดินจากไปจากหน้าห้องครัว “แบบนี้ยังเรียกมดกัดอีกไหมหนูพีร์ เด็กนั่งดริงก์ นางสาวอิงนภา” ฝันดีถอนจูบหยาบโลนของตนออกมาพร้อมกับเอ่ยประชดออกมา อิงนภาเม้มปากแน่นไม่โต้ตอบพูดอะไรออกมาก็มันคือเรื่องจริง หญิงสาวขยับตัวถอยห่างจากคนตัวโตหนึ่งก้าวเดิน “ทำไมไม่รอให้เช้าก่อนค่อยกลับ ฮึ” “ดิฉัน...” “หนูพีร์ แทนตัวเองแบบนี้กับพี่สิ พี่ไม่ชอบเป็นคนอื่นคนไกล เพราะเราจะเป็นมากกว่าเมื่อคืน รู้ไหมทำให้พี่แทบคลั่ง หยอดน้ำสักหยดก็ไม่ได้หยอด หนูพีร์เล่นหลับไปก่อน งั้นตอนนี้...” หยุดท้ายประโยคลากเสียงจ้องมองสาวตัวเล็กกว่าแล้วก็เบนสายตาไปทางออกจากห้องครัว “หนูพีร์จะกลับแล้วค่ะ ทำงานเสร็จพอดี” เธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร “จะกลับหรือจะไปเป็นเด็กนั่งดริงก์อีกล่ะ ถ้าคิดจะไปนั่งดริงก์อีกไม่ต้องไปเลยนะ พี่ฝันขอสั่ง ถ้าไป ได้เห็นดีกันแน่” “คือหนูพีร์กับคุณฝันไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำไมคุณต้องมาออกคำสั่งกับหนูพีร์ด้วยคะ หนูพีร์ต้องทำงานหากินใส่ปากท้อง ไม่ได้สุขสบายร่ำรวยเงินทองเหมือนคุณนะคะ” ครั้งนี้สาวน้อยโต้ตอบเสียงดัง แล้วเดินเบียดแทรกผ่านคนตัวโตเดินออกจากห้องครัวไปทันทีอย่างไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะตามตนมาด้วย “เมื่อคืนไม่เห็นทำตัวพยศ แล้วทำไมตอนนี้พยศได้ล่ะหนูพีร์ พี่สั่งห้ามไม่ให้ไปนั่งดริงก์แล้วก็มาทำงานที่นี่ก็พอแล้ว เงินเดือนพี่ให้เพิ่มพิเศษจากทางบริษัทก็ได้ อยากได้เท่าไรก็บอกมา แต่พี่ห้ามไม่ให้ไปใส่ชุดแบบเมื่อคืนอีก” ฉุดกระชากข้อมือเล็กดึงรั้งให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับตน “หยุดพูดเรื่องเมื่อคืนได้แล้วค่ะ มันผ่านไปแล้ว อีกอย่างมันคืองานของหนูพีร์ หนูพีร์เอาตัวรอดได้ แต่จะไม่รอดก็เพราะมาทำงานกับคุณนี่แหละค่ะ” สาวน้อยสะบัดมือใหญ่กุมข้อมือของตนออก "หึหึ แล้วคิดว่าจะเอาตัวรอดได้กี่น้ำกันหนูพีร์ เพราะพี่...” ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! เสียงสั่นเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงของฝันดีสั่นขัดจังหวะเสียก่อน เขาจึงปล่อยมือที่กุมมือเล็กมาล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาดูว่าใครโทร.มาขัดจังหวะตน แต่พอเห็นชื่อที่โชว์บนหน้าจอโทรศัพท์เขาก็ยิ้มหวานแล้วกดรับสายโดยไม่สนใจอิงนภา “ว่ายังไงครับน้องแสบ” น้ำเสียงอ่อนโยนกรอกถามคนในสายทันทีที่กดรับ มือที่ว่างอีกข้างก็ล้วงกระเป๋ากางเกงเดินขึ้นไปยังชั้นสองของสตูดิโอ อิงนภามองตามแผ่นหลังใหญ่ไปด้วยความน้อยใจ หล่อนก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ด้วย เมื่อไม่ถูกสนใจหรือรั้งไว้แล้วจึงเดินไปเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ตกก่อนหน้าไปเก็บไว้ที่เดิมก่อนจะกลับบ้าน ส่วนคนที่เดินคุยโทรศัพท์เสียงอ่อนเสียงหวานเดินเข้ามาในห้องทำงานของตน เดินไปยังเตียงนอนที่อยู่อีกมุมแล้วล้มตัวลงนอนด้วยท่าทางสบายตัว “แสบอยากปรึกษาพี่ฝันก็เท่านั้นค่ะ” ฝันดียิ้มเล็กน้อยเมื่อรู้ดีว่าตะลิงปลิงไม่มีเรื่องอื่นปรึกษาหรอกนอกจากเรื่องของมโน หลังจากกลับมาจากมัลดีฟส์ครั้งนั้น ฝันดีกับตะลิงปลิงก็สนิทสนมกันมากขึ้น จากตอนแรกเขาคิดว่าเขานั่นหลงรักหญิงสาว แต่พอได้พูดคุยรู้จักจริง ๆ แล้วเขาคิดกับเธอแค่เพียงน้องสาวเท่านั้น ด้วยความเป็นลูกชายคนเดียวของจึงทำให้ฝันดีเอ็นดูหล่อนเป็นพิเศษ “เรื่องอะไรล่ะครับ ทุกวันนี้มันแทบอยากฆ่าพี่แล้วนะครับ มันหึงพี่กับน้องแสบนะรู้ไหม” ผู้ชายด้วยกันดูออกว่ามโนนั่นรักและหวงตะลิงปลิงมากแค่ไหน แต่ทำเป็นฟอร์มไม่สนใจ ทั้ง ๆ ตัวเองนั่นจะคลั่งตายเพราะความหึงหวงอยู่แล้ว “คนเลวแบบนั้นไม่มีหัวใจหรอกค่ะพี่ฝัน แสบว่าแสบจะหย่าค่ะ” “เพิ่งแต่งงานกันเอง พี่ว่า...” “แสบปรึกษาพี่ฝันอยู่นะคะ ไม่ใช่ให้พี่ฝันพูดเข้าข้างเพื่อนตัวเอง” หล่อนสวนกลับโดยไม่รอฟังฝันดีพูดจบประโยค “ครับ ๆ” ฝันดีอยากหัวเราะเสียจริง บอกโทร.มาปรึกษาก็ต้องฟังสิ่งที่เขาแนะนำสิ แต่เธอกลับบังคับให้เขาฟังซะงั้น “ใช่สิคะ พี่โนน่ะเพื่อนพี่ฝัน ส่วนแสบน่ะพี่ฝันเพิ่งรู้จักไม่นาน เป็นใครก็ต้องเข้าข้างเพื่อนตัวเอง ว่าดีอย่างงั้นอย่างงี้อยู่แล้ว แสบไม่คุยกับพี่ฝันแล้วค่ะ” “เอ้า! เป็นงั้นไป พี่ยังไม่ได้พูดเข้าข้างไอ้โนเลยสักคำนะครับ” “ไม่พูดแต่แสบสัมผัสได้ค่ะ ว่าแต่พี่ฝันจะมากรุงเทพฯ เมื่อไรคะ” “ช่วงนี้ยังไม่รู้เลยครับ ที่โรงงานมีงานเยอะ แถมที่สตูดิโอก็งานเยอะด้วยครับ” “จะมาเมื่อไรโทร.หาแสบด้วยนะคะ” “ครับผม ไปเมื่อไรจะโทร.หาเลยครับ ส่วนเรื่องบอกจะหย่าพี่ว่าอย่าเพิ่งเลย เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นานเอง ดูอย่างพี่สิ ตอนนี้พยายามหนีการดูตัว” เขายกเรื่องตัวเองมาเล่า “ถ้าไม่พร้อมอย่าไปทำให้ผู้หญิงที่ไหนเจ็บช้ำล่ะพี่ แสบไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นตกอยู่ในสภาพของแสบที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้องแสร้งเป็นมีความสุขทั้ง ๆ ที่ตกขุมนรกทุกวัน เพราะเพื่อนตัวดีของพี่คนเดียวทำให้ชีวิตของแสบพัง” “ครับน้องแสบ งั้นแค่นี้นะครับ มีอะไรโทร.หาพี่ได้นะน้องสาว เลิกกับผัวเมื่อไรมาบอกพี่ได้นะ” พูดจบก็กดวางสายทันที แม้จะเพิ่งรู้จักกับตะลิงปลิงได้ไม่นานแต่เขากับเธอก็เหมือนรู้จักกันมานาน เพียงแค่เวลาสั้น ๆ เขาและหญิงสาวก็สนิทกันถึงขั้นพูดคุยปรึกษาเรื่องส่วนตัวกันแล้ว เผลอ ๆ ตะลิงปลิงรู้เรื่องของเขาเยอะกว่าเดอะแก๊งเสียอีกตอนนี้ “ไอ้ทศ ไอ้สอง หนูพีร์ไปไหน” ตะโกนถามลูกน้องที่กำลังเตรียมตัวจะกลับบ้านเหมือนกัน “กลับไปแล้วครับพี่ฝัน” ธนาตะโกนตอบกลับมา "อุวะ! ทำไมโชคดีอีกแล้วหนูน้อย พรุ่งนี้ พรุ่งนี้เสร็จพี่แน่หนูพีร์” เขาบอกกับตัวเองก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานเพื่อหยิบโทรศัพท์ เพราะวันนี้ตั้งใจจะไปไหว้เอาใจคุณแม่ที่เคารพรักกับคุณพ่อผู้มีพระคุณของเขาสักหน่อย ไปนั่งทนให้คุณนายแม่ของเขาบ่นสักชั่วโมงสองชั่วโมงให้สบายหูสักนิด หลายวันแล้วไม่ได้ฟังท่านบ่นให้คิดถึงเหลือเกิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD