นี่คือสถานแห่งบ้านทรายทอง ที่ฉันปองมาสู่…
เพลงจันทร์มองโรงแรมที่ขึ้นชื่อว่าแพงและหรูที่สุดในประเทศ ซึ่งเป็นบ้านทรายทอง เอ๊ย! ที่ทำงานใหม่ของเธอ เจ้าของร่างบางที่วันนี้จัดหนักจัดเต็มทั้งเสื้อผ้าและหน้าผม ซึ่งเมื่อวานเธออุตส่าห์ลงทุนไปซื้อชุดทำงานใหม่ทั้งหมดจากตลาดนัดจตุจักร กลับบ้านมากระเป๋าแทบฉีก แล้วเมื่อคืนยังลงทุนนั่งแหกขี้ตาเพื่อดูเทคนิคการแต่งหน้ายังไงให้ได้ใจเจ้านายตั้งแต่วันแรกที่พบหน้า
“เลิศเว่อร์มากยัยจันทร์”
หญิงสาวมองภาพสะท้อนจากกระจกที่อยู่เบื้องหน้าก่อนจะพูดชมเพื่อเติมความมั่นอกมั่นใจที่ปกติก็มีเกินร้อยอยู่แล้วให้มันท่วมท้นขึ้นไปอีก ก่อนจะเดินตรงไปที่ลิฟต์แล้วกดหมายเลขชั้นเจ็ดสิบเก้าซึ่งเป็นชั้นของผู้บริหารที่เลขาฯ สาวที่ (เกือบ) สวยแบบเธอต้องทำงานตั้งแต่วันนี้
ติ๊ง..
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก สิ่งแรกที่หญิงสาวทำคือสำรวจสถานที่ที่พึ่งเคยมาเป็นครั้งแรก แล้วพบว่า..
“เชี้ย! จะมีผีมาหลอกฉันไหมวะ ไม่หรอก ผีไม่หลอกคนสวย” เพลงจันทร์พยายามพูดปลอบใจตัวเองซึ่งเป็นคนขี้กลัวผีและขี้มโนแบบโคตรๆ ด้วยว่าความกลัวที่เกิดจากความเงียบงันกอปรกับยังเช้าอยู่มาก ทั้งชั้นจึงยังไม่มีใครมาแน่ๆ นอกจากเธอเพียงคนเดียว
‘อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ….’
เสียงสวดมนต์ที่ดังมาจากตรงไหนก็ไม่รู้ แต่เมื่อมันมากระทบโสตประสาทของคุณเลขาฯ ที่มาทำงานวันแรกแล้ว คนที่พึ่งจะปลอบใจตัวเองให้หายกลัวไปได้หยกๆ จู่ๆ ขนแขนของเธอก็พร้อมกันสแตนด์อัปโดยมิได้นัดหมาย ไม่บอกไม่กล่าวแบบไม่มีมารยาทเป็นที่สุด บรรยากาศที่น่ากลัวอยู่แล้วยิ่งน่ากลัวเข้าไปอีกเมื่อทั้งชั้นถูกปกคลุมด้วยกลุ่มควันดำที่ไม่ทราบที่มาที่ไป (เว่อร์! แกไม่ได้เปิดไฟมันมืดต่างหากล่ะยะ) เพลงจันทร์หลับตาปี๋ ก่อนที่จะอ้าปากพูดเพื่อให้คุณผีที่สถิตอยู่ชั้นนี้อภัยให้เธอ เพราะคิดว่าคุณผีอาจจะโกรธก็ได้ที่เห็นคนแปลกหน้าย่างกรายเข้ามาในพื้นที่ของตน “พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วย คุณผีเจ้าขา ถ้าหนูทำอะไรผิดได้โปรดให้อภัยลูกด้วยนะเจ้าคะ อยากกินอะไรไม่ต้องมาบอก เดี๋ยวลูกเลือกแล้วทำบุญไปให้เอง”
หมับ!
มือของหญิงสาวที่ประกบกันแล้วยกขึ้นไหว้ถูกมือของใครสักผี (ไม่ใช่ใครสักคน) ที่เจ้าหล่อนไม่กล้าแม้แต่จะหรี่ตาดู เพราะกลัวว่าจะเจอใบหน้าเละและแสยะยิ้มน่ากลัวให้เจ้าหล่อนแบบในหนังผีที่เคยเข้าไปนั่งดูในโรงภาพยนตร์ ซึ่งเป็นการดูหนังที่ไม่คุ้มที่สุดเพราะเข้าไปถึงก็ใช้ทั้งห้านิ้วปิดตาไว้แล้วถ่างนิ้วออกนิดเดียว เรียกว่าเห็นแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์เต็มร้อย นอกนั้นใช้จินตนาการในการรับชมล้วนๆ แต่ตอนนี้สิ ของแท้ของจริง มือผีกำลังทัชๆ มือของเธออยู่
“ตายแร่วๆ อิแม่ซอยข่อยแหน่” หญิงสาวอุทานออกมาเป็นภาษาอีสานที่จำมาจากเพื่อนสนิทที่ชอบพูดเวลาตกใจ
“คุณๆ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ป้าณีมองหญิงสาวตรงหน้าที่เมื่อวานคีรี CEO แห่ง ดิคลาสเซ่กรุ๊ป ได้แจ้งมาแล้วว่าจะเข้ามาทำงานเป็นเลขาฯ วันนี้วันแรก แต่ยิ่งนางมณีมองก็ยิ่งไม่เห็นว่าผู้หญิงตรงหน้าจะมีคุณสมบัติอะไรที่เหมาะจะมาเป็นเลขาฯ ให้กับคีรีได้เลย เพราะด้วยหน้าตายังเด็ก แถมท่าทางเหมือน…
‘บ้าหรือเปล่าวะ’
“อย่าทำหนูเลยนะคะ หนูกลัวแล้ว อยากได้อะไรคุณผีไลน์มาบอกก็ได้นะคะ ไม่ต้องมาบอกต่อหน้าแบบนี้ก็ได้”
“คุณ! คุณเป็นอะไร ผีที่ไหน”
“ก็นี่ไง!”
เพลงจันทร์รวบรวมความกล้าก่อนจะเบิกตามองคุณผีแล้วก็พบว่า..
“ไม้กวาด ยูนิฟอร์ม ไม้ถูพื้น น้ำยาเช็ดกระจก ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน เอ๊ย! รวมๆแล้วดูเหมือนผู้หญิงตรงหน้าจะเป็น.. ป้าแม่บ้านหรือคะ”
ภาพตรงหน้าทำให้เพลงจันทร์รู้สึกโล่งใจที่ไม่ใช่ผีอย่างที่คุณเธอคิด แต่ก็อับอายขายขี้หน้าและรู้สึกผิดที่ไปกล่าวหาว่าป้าแม่บ้านเป็นผีเป็นสาง หญิงสาวจึงยกมือขึ้นอีกครั้งเพื่อกล่าวขอโทษขอโพย
“ฉันขอโทษนะคะป้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่ทำไมจู่ๆ คุณถึงมาคิดว่าป้าเป็นผีไปได้ล่ะคะ”
หญิงสาวยิ้มแหยๆ ก่อนจะเริ่มโซโล่ให้ป้าแม่บ้านฟัง “คืองี้ค่ะป้า..”
“โธ่คุณ ผีน่ะไม่มีหรอก แต่ที่น่ากลัวกว่าผีน่ะท่านประธานต่างหากล่ะคะ” มณีเล่าไปก็จับที่ต้นแขนแล้วลูบป้อยๆ เพราะจู่ๆ ขนก็ลุกขึ้นมาเมื่อพูดถึงท่านประธานหนุ่มที่รัศมีความน่ากลัวทะลุดาวโลกออกไปถึงดาวอังคารเลยก็ว่าได้
“ขนาดนั้น?”
หญิงสาวยักคิ้วถามเพราะไม่เชื่อ จากที่เห็นในข่าวแทบจะทุกวันเพราะเจ้าหล่อนเป็นคนบ้าดาราจึงติดตามข่าวบันเทิงอยู่บ่อยๆ แล้วทุกครั้งที่เข้าไปอัปเดตข่าวเกี่ยวกับพี่อุคดาราเกาหลีสามีในมโนก็มักจะเห็นพาดหัวข่าว ‘คุณคีรี ทายาทโรงแรมชื่อดังและผู้บริหารหนุ่มไฟแรงควงดาราสาวอักษรย่อ น. ก. ป. บลาๆ ๆ’ เรียกได้ว่าสาวที่คีรีเป็นข่าวด้วยมีทั้งชื่อที่เป็นแบบเต็มๆ และอักษรย่อที่มีตั้งแต่ ก.ไก่ยันฮ.นกฮูก แต่ละครั้งที่เป็นข่าวเหมือนเขาจะไม่ได้ดูสลดหรือไม่ได้นึกกลัวเลยว่าจะเห็นหน้าตัวเองโชว์หราอยู่บนหน้าจอของใครบางคนเช่นตอนนี้..