เมื่อมาถึงสถานที่ที่ต้องชดใช้ความผิดของตัวเอง เพลงจันทร์ถึงกับปากซีดขาสั่น น้ำลายไม่รู้กี่อึกต่อกี่อึกที่กลืนแล้วกลืนอีก ยิ่งคิดยิ่งนึกถึงเพลงของพี่เบิร์ดธงไชย
‘กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง เหมือนมีอะไรที่ดึง ไม่ให้เราเลือกทางใด..’
“คุณเลขาฯ เข้ามาสิครับ”
คีรีมองดวงตากลมโตของแม่สาวน้อยตรงหน้าที่กำลังเบิกโพลงอยู่ ก็ต้องกลั้นยิ้มแล้วตีหน้าดุเข้าไว้เพราะไม่อย่างงั้นจะเสียแผน ‘แกล้ง’ หนูจันทร์คนดีของคุณแม่เขา
“ขะ..เข้าไปทำไมคะบอส”
“อ้าว! ไม่เข้ามาแล้วจะได้..รับผิดชอบในความผิดที่คุณทำให้ผมต้องเสียคู่ควงไปถึงสองคนในวันเดียวกัน แถมยังถูกฝากรอยรักไว้บนใบหน้าแบบนี้ด้วยเหรอ”
“บอสจะให้ฉันทำอะไรก็บอกตั้งแต่ตรงนี้ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวพยายามเจรจาหาทางออก เพราะตอนนี้สมองของเธอคิดไปไกลถึงดาวอังคารแล้วว่ากำลังจะได้เสียเป็นเมียผัวกับผู้ชายที่เจ้าหล่อนคิดว่าใครได้มาเป็นสามีคงเป็นชะนีที่ดวงกุดที่สุดในสามโลก สมควรต้องไปรดน้ำทำบุญไม่ใช่เจ็ดวัดเก้าวัด แต่ต้องไปให้ทั่วประเทศไทยหรือไปไกลให้ทั่วโลกเลย
“ถ้าไม่เข้าห้อง ก็ทำเรื่อง…ไม่ได้สิครับ”
“ระ..เรื่อง อะไรคะบอส”
คุณเลขาฯ สาวที่เปลี่ยนมาเป็นแม่บ้านชั่วคราวให้กับคีรี ยกแขนขึ้นมาปาดเหงื่อที่แม้จะอยู่ในห้องแอร์มันก็ยังไหลออกมา เวลาผ่านไปนานกว่าสี่ชั่วโมงที่หญิงสาวในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย ซึ่งไม่รู้ว่าชายหนุ่มไปหามาจากไหนถึงได้พอดีกับขนาดตัวของเธอเป๊ะๆ กำลังขัดๆ ถูๆ พื้นหินอ่อนซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการทำความสะอาดห้อง ใช่แล้วค่ะ! อีตาคีรีใช้ดิฉันมาทำความสะอาดห้องเพื่อชดใช้ความผิด แม้จะแอบเสียดาย เอ๊ย! แอบโล่งใจที่ยังไม่ต้องได้เสียเป็นเมียผัวกับเขา แต่ดิฉันก็อดที่จะแอบด่าไม่ได้นะคะ เพราะนอกจากฮีจะใช้แบบไม่เกรงอกเกรงใจตั้งแต่ทำความสะอาดห้องยันซักกางเกงใน ซึ่งมันต้องเคยไปสัมผัสกับหนอนน้อยที่ซุกอยู่ในขนอันปุกปุยของเขา แล้วยังมีหน้ามายืนจิบชาไขว้ขาทำเท่ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองแล้วก็แอบชำเลืองมองมายังแจ๋วแบบเพลงจันทร์บ่อยๆ คงเพราะกลัวว่าจะไปทำข้าวของเขาเสียหาย
‘ชิ!’
“เสร็จแล้วค่ะ”
เพลงจันทร์ที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดิมเรียบร้อยแล้วจึงเดินมาหาบอสขาของเธอ ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนอิริยาบถจากยืนเท่เป็นนั่งขาไขว่ห้างอยู่บนโซฟาสีขาวที่อยู่ตรงกลางห้องรับแขก
“บอสมีอะไรให้ฉันทำอีกไหมคะ”
“ไม่มีแล้วล่ะ วันนี้ขอบใจมากนะ คุณช่วยป้าโสภาแกได้เยอะเลย”
เพลงจันทร์หันไปมองที่มุมห้องอีกด้านหนึ่งที่มีผู้หญิงวัยกลางคนซึ่งน่าจะมีชื่อเสียงเรียงนามว่าป้าโสภายืนยิ้มแฉ่งแข่งกับตะวันให้เธออยู่
“สวัสดีค่ะคุณเลขาฯ ขอบคุณนะคะ เห็นคุณคีบอกว่าคุณอุตส่าห์อาสามาทำความสะอาดห้องให้เองเลย แหม..ช่างเป็นเลขาฯ ที่น่ารักจริงๆ นะคะ”
ไม่รู้ว่าป้าแกพูดจริงหรือกำลังประชดเธออยู่กันแน่ แต่ตอนนี้หญิงสาวไม่อยากคิดอะไรให้มันเหนื่อยสมองไปกว่านี้แล้ว เพราะวันนี้เธอใช้พลังงานทั้งหมดไปกับการทำความสะอาดเพนต์เฮาส์ที่โคตรกว้างไปจนหมด สิ่งเดียวที่เพลงจันทร์ต้องการในตอนนี้คือลากสังขารตัวเองกลับบ้านและไปนอนโง่ๆ อยู่บนเตียงของเธอ
“ค่ะป้า งั้นฉันกลับแล้วนะคะ”
คีรีมองตามคนที่พึ่งออกจากห้องของเขาแล้วระบายยิ้มออกมาน้อยๆ อันที่จริงเขาไม่ได้โกรธเจ้าหล่อนเลยสักนิด เพราะว่ายาณีกับยาหยีก็แค่คู่ควง ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิตเขาที่มีผู้หญิงผ่านเข้าแล้วก็ผ่านออกไป วนเวียนอยู่อย่างนี้ ซึ่งแต่ละคนก็อยู่ไม่เกินสามเดือน แต่ที่วันนี้ลากคุณเลขาฯ ให้มาชดใช้กรรมโดยการใช้ทำความสะอาดเพนต์เฮาส์ซึ่งมีแม่บ้านประจำคือป้าโสภาอยู่แล้ว เพราะแค่ ‘อยากแกล้ง’ เท่านั้นแหละ