3-1 ไฟไหม้ใหญ่จากจวนเก่า

1559 Words
เด็กหญิงมีชื่อว่า สวีหวินหลง ปีนี้อายุสิบสามเพราะในวัยเด็กยากไร้ร่างกายจึงค่อนข้างผอมสิ่งที่ความมีตามวัยจึงไม่ค่อยมีกลายเป็นข้อดีในการซ่อนเร้นได้ง่าย ทุกครั้งที่ตื่นนอนนางจะต้องขยับตัวออกกำลังกายเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรงอยู่ภายในห้องนอน ผลของความมีวินัยทำให้มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและคล่องแคล่วกว่าทหารดับเพลิงที่ทำงานด้วยกัน นี่เป็นงานที่ช่วยเหลือชาวบ้าน นี่อาจเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตเพราะงานที่นางเดินหาจนรองเท้าสึกก็ไม่มีใครจ้างเพราะในปีนั้นงานน้อยคนมาก ร่างกายที่ดูแข็งแรงน้อยกว่าจึงไม่ใช่ตัวเลือกของนายจ้างนางหมดแรงไปแวะพักใกล้กับที่ทำการดับเพลิงเห็นเขานำประกาศออกมาติดพอดีอ่านอยู่นานกว่าจโดะเข้าใจว่าเขารับคนจึงรีบสมัครทันทีโดยไม่ลังเล แน่นอนพี่ชายนางไม่เห็นด้วย “ไม่ได้ เจ้าเป็นสตรี งานเช่นนี้อันตรายเกินไป งานรับจ้างเล็กๆน้อยๆข้ายอมให้เจ้าทำได้แต่งานที่ควรเป็นของบุรุษเจ้าจะฝืนเข้าไปทำได้อย่างไร ไม่ได้ๆ” “ท่านพี่ ข้าทำได้ ทำได้จริงๆนะ ข้ารู้ท่านเป็นห่วงท่านดูสิข้าแข็งแรงจะตาย” นางทำท่าเบ่งกล้ามให้พี่ชายดู เขามองด้วยความไม่ชอบใจในสายตาเขาน้องสาวบอบบางไม่ควรทำงานที่หนักและเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ จึงนิ่งเงียบไม่ส่งเสียงตอบ สวีหวินหลงพยายามออดอ้อนพี่ชายอยู่นานสุดท้ายคนที่รักน้องก็ยอมรับปากให้นางไปเป็นทหารดับเพลิงได้แต่มีข้อแม้ หากนางบาดเจ็บหรือได้รับอันตรายเกินกว่าที่เขายอมรับได้ นางต้องลาออกมาทันที “ข้ายอมเจ้าก็ได้ แต่จำไว้นะหลงเอ๋อร์ หากเจ้าได้รับบาดเจ็บจนข้ารับไม่ได้ เจ้าจะต้องลาออกจากงานนี้ทันที” “ได้ๆ ข้าฟังท่านทุกอย่าง” สวีฟู่อันส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ข้าแก่กว่าเจ้าเก้าปีแต่สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมเจ้าทุกครั้ง คนที่ชอบพูดว่าเชื่อฟังข้าแต่ก็โน้มน้าวจนข้าต้องตามใจเจ้าปล่อยเจ้าไปทำงานที่เสี่ยงอันตรายจนได้ แคว้นเฟิ่งมิได้กีดขวางไม่ให้สตรีออกไปทำงานหรือรับราชการแต่นางแต่งกายเป็นเหมือนบุรุษเพื่อความรู้สึกของพี่ชายให้เขาคลายความกังวลลงบ้าง ผ่านมานานหลายปีชาวบ้านที่สนใจเพียงการทำมาหากินต่างไม่มีใครสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ เพื่อนร่วมงานต่างคิดว่านางเป็นบุรุษเป็นชายหนุ่มหน้าหวานที่ทำงานด้วยความขยันขันแข็งการงานก้าวหน้าเรื่อยมา รายงานผลการดับเพลิงเมื่อคืนก็ถูกวางไว้บนโต๊ะรอสวีหวินหลงที่แต่งกายไม่ต่างจากชายหนุ่มเข้าไปตรวจสอบก่อนส่งรายงานให้หัวหน้าหน่วยดับเพลิงที่เมื่อคืนก็นำเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มออกไปดับไฟเขตอื่นเช่นกันกลับมาก็หลับคาโต๊ะทำงานเขามิได้กลับที่พักด้วยซ้ำ “ลูกพี่ เดือนนี้ไฟไหม้เพิ่มขึ้นกว่าเดือนที่แล้วนะขอรับ” “ฝนหยุดตกนานแล้ว น้ำน้อยอากาศแห้ง ถ้าเกิดเปลวไฟสักนิดก็ลุกขึ้นได้ใหญ่โตได้แล้ว จะตื่นเต้นทำไมเป็นเช่นนี้ทุกปี” พูดจบร่างหนาสูงใหญ่ก็ฟุบลงไปบนโต๊ะหลับต่อไม่สนใจไม่รับรายงานที่ถูกยื่นให้ อีกฝ่ายได้แต่ถอนหายใจคงต้องวางรอไว้จนกว่าอีกฝ่ายจะนอนเต็มที่มีพลังฟื้นกลับมาอ่านไหวเสียก่อน เพราะอากาศในเมืองหลวงช่วงนี้แห้งและลมพัดแรงตามฤดูกาล เดือนที่ผ่านมาเกิดไฟไหม้มากกว่าปีที่แล้วครึ่งปีรวมกันเสียอีก วันนี้หัวหน้าหน่วยงานดับเพลิงและหัวหน้ากลุ่มอีกแปดคนถูกเรียกมารวมกัน “ที่ให้พวกเจ้ามารวมกันวันนี้เพราะหน่วยของเรามีคนจำกัด ถ้าเกิดเหตุไฟไหม้ยามค่ำคืนต่อเนื่องกัน พวกเราจะทำไม่ไหวจะความเสียหายกับชาวบ้านและหากมีความผิดพลาดเกิดขึ้นคงจะรับโทษทัณฑ์ไม่ไหว พวกเจ้าใครมีความคิดที่ดีก็เสนอออกมาให้พวกเราทุกคนฟัง” “หัวหน้า ข้าคิดว่าหาวิธีบอกให้ชาวบ้านดูแลตัวเองระมัดระวังไฟไหม้เพิ่มขึ้นสักหน่อย ดับฟืนไฟให้หมดรอสักเค่อสองเค่อมั่นใจว่าไม่มีไฟลุกขึ้นอีกแล้วค่อยนอนแค่นี้ก็ช่วยได้มากเช่นกัน” “นี่เป็นวิธีที่ดี เพียงแต่ใครจะช่วยพวกเรากระจายความคิดนี้ออกไป ลำพังดับไฟกับทำรายงานก็แทบไม่เหลือเวลานอนพักแล้ว” “สมควรมีคนช่วยพวกเราจริงๆนั่นแหละ” หัวหน้าหน่วยดับเพลิงคิดไปคิดมาก่อนจะสั่งการให้สวีหวินหลงที่ยืนฟังอยู่ในกลุ่มทำหนังสือไปเตือนเจ้าเมืองให้หาวิธีรับมือปัญหาที่อาจจะเกิดไฟไหม้มากเกินกว่าที่หน่วยดับเพลิงจะรับมือของได้ “เสี่ยวหวินหลง เจ้าพอจะเขียนอักษรได้ก็ร่างหนังสือมาใช้ตราประทับที่ข้าแล้วแจ้งไปที่ว่าการเมืองให้ช่วยจัดคนเดินบอกเวรยามปรับจำนวนการบอกเวรยามและการบอกให้ชาวบ้านระมัดระวังไฟไหม้ให้ถี่ขึ้นอีก” “เขาจะทำหรือขอรับ” “บอกไปเถอะ หน้าที่ของเราต้องเตือนให้เขารับรู้ ส่วนเขาจะทำหรือไม่ทำเกินความสามารถของข้า คงบังคับกันไม่ได้” ใครจะรู้ว่าการทำหนังสือแจ้งที่ว่าการเมืองฉบับนี้จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยดับเพลิงทั้งหมดรอดพ้นจากการถูกลงโทษได้ ผ่านไปไม่กี่วันก็เกิดไฟไหม้บ้านเรือนของชาวบ้านจำนวนมากในคราเดียวแม้จะสามารถช่วยดับไฟไว้ได้อย่างหวุดหวิด ฉบับนี้ถูกส่งให้ที่ว่าการเมืองเป็นที่เรียบร้อยแต่มิได้รับความสนใจจากกุนซือของเจ้าเมืองสักนิด มันถูกวางรวมๆ ไว้กับหนังสือจากส่วนงานอื่นๆอย่างไร้ค่า เพราะรายละเอียดเป็นการร้องขอให้เพิ่มการเดินบอกเวรยามและเตือนไฟไหม้ทำให้งานเพิ่มขึ้นอีกทั้งมิได้มีผลต่อชื่อเสียงของที่ว่าการเมืองแม้แต่น้อย กุนซือกลัวจะรับความขุ่นเคืองจากทหารชั้นผู้น้อยไม่ไหวจึงไม่ได้สนอหนังสือฉบับนั้นให้กับเจ้าเมือง ทุกสามสี่วันต้องมีเหตุเพลิงไหม้ทำให้หน่วยดับเพลิงนครบาลทำงานหนักมากจำนวนคนที่ได้รับบาดเจ็บมีเกือบทุกครั้ง รักษาแผลเก่ายังไม่หายดีก็ต้องออกมาช่วยดับไฟที่ลุกไหม้อีกวนเวียนอยู่เช่นนี้หลายครั้งเรียกว่าเกือบไร้เรี่ยวแรงทำหน้าที่ทีเดียว คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ท้องฟ้ามืดสนิทมีแสงไฟลุกโชตช่วงพร้อมกับกลุ่มควันลอยขึ้น “ไฟไหม้ๆ แย่แล้วไฟไหม้แล้ว” เสียงคนตะโกนร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นในยามโฉ่ว แสงเพลิงสว่างราวกับกลางวัน ความร้อนจากไฟไหม้เรือนหลังแรกทำให้เรือนที่อยู่ถัดๆไปของชาวบ้านถูกไฟลามไปจนติดขึ้นอีกหลายหลัง ความวุ่นวายเพิ่มขึ้นตามความตกใจและความวิตกกังวล เศษเขม่าปลิวว่อนตามแรงลมควันไฟร้อนและเหม็นไหม้ ชาวบ้านที่พยายามดับไฟทั้งแสบตาแสบจมูก “เอาน้ำมาดับไฟเร็ว” “ลูกข้าอยู่ไหน” “ใครเห็นท่านพ่อข้าบ้าง ท่านพ่อ” “ตักน้ำมาไวๆ ไฟไหม้ๆ ออกจากบ้านเร็ว” “ใครไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาดับไฟหรือยัง ช่วยด้วยๆ” บนถนนผู้คนต่างวิ่งหนีออกจากบ้านเรือนหอบข้าวของ บ้างก็อุ้มลูกจูงมือคนชราวุ่นวายกว่าที่ผ่านมาไฟที่ลุกไหม้ต่อเนื่องหลายครัวเรือน เวลาผ่านไปราวสามก้านธูปหน่วยดับเพลิงนครบาลฝ่าฝูงชนมาถึง บ้านหลังแรกก็วอดวายไปทั้งหลัง หลังถัดไปก็กำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงเกินกว่าจะดับได้ เสียงชาวบ้านที่ทิ้งตัวกับพื้นนั่งร้องไห้เป็นกลุ่มๆ ชาวบ้านที่ยังมีแรงก็พยายามตักน้ำมารดมาดับอย่างมิยอมแพ้ “รีบไปตักน้ำมาดับไฟ เรือนหลังนั้นยังพอดับได้ไปดับให้ได้ เจ้าแบ่งคนไปสิบคนสาดน้ำเรือนถัดไปไว้ให้ทั่วอย่าให้ติดไฟ ส่วนที่เหลืออ้อมไปคุมไฟด้านหลัง ให้ไหม้เพียงแค่นี้พอ ไวๆ เข้า ไปๆ” “บอกพวกชาวบ้านที่ตักน้ำอยู่ให้ตั้งแถวส่งต่อเป็นทอดๆ อย่าวิ่งไปๆมาๆ กีดขวางทางเจ้าหน้าที่ หยุดห้ามวิ่ง” “ส่งต่อกันมา ใช่แบบนั้น คนถัดไปรับแล้วส่งต่อไม่ต้องวิ่งวนไปวนมา ดีมาก" “พวกเจ้าดูชาวบ้านตั้งใจขนาดนี้พวกเจ้าทำให้เต็มที ” จวนเจ้าเมือง ไฟไหม้ผ่านไปนานราวครึ่งชั่วยามเจ้าหน้าที่ของศาลาว่าการก็มาทุบประตูแจ้งเหตุ “ท่านเจ้าเมืองขอรับ มีไฟไหม้ขอรับ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD