ไม่สนใจแบบนี้ จะทำอะไรดีน้าาา~
เสี้ยวหนึ่งของความคิดชั่วๆ ก็เหลือบไปเห็นกุญแจรถที่เขาเพิ่งวางเอาไว้ ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นรถเฟอร์รารี่ แสดงว่าผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้ไก่กา ฉะนั้นขอยืมรถแป๊บหนึ่งแล้วกันน้า
เมื่อวานโดนฟาดไปยังไม่เข็ด คืนนี้ขอไปนั่งจิบไวน์สวยๆ ที่บาร์ใกล้ๆ นี้หน่อยแล้วกัน ส่วนเสื้อผ้าหน้าผม เปิดกระเป๋าแต่งองค์ทรงเครื่องไม่ถึงห้านาทีก็เสร็จ เบ้าหน้าดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ไม่ต้องแต่งเยอะ เน้นเบาๆ เซ็กซี่ เย้ายวน ดูมีอะไร
ติ้ง!
ประตูลิฟต์เปิดออก เผยให้เห็นสาวสวยหุ่นแซ่บ สวมใส่ชุดเดรสสีแดงฉาน โชว์เนินอกขาวอวบ ปล่อยผมยาวสลวยถึงแผ่นหลัง แต่งหน้าเบาบางสไตล์เกาหลี และสวมส้นเข็มสีดำขลับผิวพรรณนวลผ่องให้สว่างและดูเซ็กซี่ในเวลาเดียวกัน
“คุณหงษ์คะ!”
พนักงานสาวสวยคนเดิมรีบวิ่งสี่คูณร้อยมาดักหน้า
“คุณหงษ์จะไปไหนเหรอคะ?”
“ถามทำไมคะ?”
ปกติไม่เคยมีใครมายุ่งวุ่นวาย เรื่องส่วนตัวของเธอ พอถูกถาม จึงยกมือขึ้นกอดอก แล้วจ้องกลับด้วยสีหน้าบึงตึง
“คะ คือว่าคุณราชา ห้ามไม่ให้คุณหงษ์ออกไปไหน หลังจากที่คุณราชากลับมาแล้วนะคะ” พอได้ฟัง คิ้วเรียวสวยก็ขมวดติดกัน เพราะไม่คุ้นหูกับชื่อนี้ สงสัยเป็นชื่อของตาลุงนั่น แต่ชื่อ ‘ราชา’ เนี่ยนะ ชื่อแปลกดีไม่คิดว่าจะมีใครกล้าตั้ง
“เขาเป็นใครอ่าคะ?”
“คะ?”
“เป็นสามีฉันเหรอ?”
“เออ…”
“ถ้าไม่ใช่ ก็ไม่มีสิทธิ์มาห้าม รวมถึงตัวคุณเองก็ด้วย”
พนักงานสาวหน้าเจื่อน เมื่อถูกสาวสวยตอกกลับ ก่อนที่เธอจะย้ายร่างเพรียวบางเดินออกไปจากคอนโด ตรงไปที่รถเฟอร์รารี่สีดำแดง แล้วขึ้นไปนั่งก่อนจะขับออกไปเที่ยว
บรืนนน~
เฟอร์รารี่คันหรูจอดสนิทที่หน้าบาร์แห่งหนึ่ง ก่อนที่สาวสวยหุ่นแซ่บจะเดินเข้าไปในร้าน พร้อมสั่งเครื่องดื่มมาจิบเบาๆ ในขณะที่สายตาชายหนุ่มในร้าน ต่างมองมาที่เธอเป็นตาเดียว ขนาดมีผ้าพันแผลที่แขน ยังกลบความสวยไม่ได้
คนอะไร๊! สวยเกิ้นนน (มั่นหน้า เพราะทำมาแพง!)
[แก๊งนางมาร]
โซเฟียสายเปย์ : อีหงษ์! มีคนถ่ายมึงขับเฟอร์รารี่
โซเฟียส่งไลน์มาพร้อมแนบคลิปวิดีโอเธอขับเฟอร์รารี่
เวนนี่มหัศจรรย์ : อีชะนี มึงแอบเที่ยวคนเดียวเหรอ!
หงษ์คนสวย : เออ
ตอบสั้นๆ เพราะกำลังส่งสายตาให้ผู้ชายคนหนึ่งอยู่ เขาแต่งตัวดีมาก มาดนักธุรกิจ หน้าตาดี ดูตรงสเปกทุกอย่าง
โซเฟียสายเปย์ : มึงไปเอารถใครมาขับ!?
เวนนี่มหัศจรรย์ : ผัวคนไหนให้มึงขับ เล่า!
สาวสวยไม่ได้สนใจข้อความที่เพื่อนสนิทส่งมา แต่กลับส่งยิ้มเชิญชวนอีกฝ่ายให้ลุกมาหาพร้อมกับชนแก้วเบาๆ
“เจ้าขุนนะครับ”
“หงษ์ค่ะ” ส่งยิ้มหวาน
“คุณมาคนเดียวเหรอครับ?”
“มาคนเดียวไม่ได้เหรอคะ?”
“ได้สิครับ” ผู้ชายยิ้มตอบรับทันที แล้วขอนั่งข้างๆ
“ถ้าผมจะขอนั่งด้วย แฟนคุณคงไม่ว่าใช่ไหมครับ?”
“ไม่…พรึบ!”
กำลังจะตอบว่า 'ไม่ว่า’ แต่ดันมีมือปริศนายื่นมาแย่งแก้วไวน์ไปจากมือเธอ พอหันไปมองก็ต้องตกใจ เพราะเจ้าของรถตามมาถึงนี่ แถมสีหน้า ยังฉายแววหงุดหงิดชัดเจน
“แฟนคุณหงษ์เหรอครับ?”
“อ่า…ไม่ใช่ค่ะ”
“แล้วทำไมเขาถึงจ้องเขม็งผมด้วยสายตาแบบนี้?”
“มะ ไม่รู้สิคะ”
เธอยิ้มแห้งกลบเกลื่อน รู้สึกกลืนน้ำลายไม่ค่อยลง
“น้องหงษ์!”
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก
“ไม่เจอกันตั้งนาน คิดถึงพี่ไหมคะคนสวย?”
อือ~ กูคิดถึงมึงมาก ว่าแต่มึงเป็นใครวะเนี่ย!?
“กลับบ้าน”
เสียงกดต่ำพูดเป็นเชิงออกคำสั่ง ทำเอาขนลุกซู่
“สองคนนี้เป็นใครอะน้องหงษ์?”
“…” เบิ่ดคำวิเว้า ได้แต่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตามคำสั่ง
“อ้าว จะกลับแล้วเหรอคะ?”
ใจจริงก็ยังไม่อยากกลับ แต่เจ้าของรถตามมาถึงที่ จะให้นั่งต่อก็กระไรอยู่ (เฮ้ย! มึงกลัวผู้ชายคนนี้เหรอวะอีหงษ์!?)
ความดีกับความชั่วเริ่มตีกันในหัว ปกติเธอไม่ฟังใคร แม้กระทั่งแม่ แต่กลับเชื่อฟังผู้ชายคนนี้ นี่ไม่ใช่อีหงษ์แล้วเนี่ย
“จะว่าไปแล้ว ยังไม่กลับดีกว่า”
ย้ายบั้นท้ายงอนงามกลับไปนั่งที่เดิม ค้านสายตาคู่คมที่กำลังจดจ้องอย่างคาดโทษ ไอ้เราก็ดันเป็นเด็กดื้อไง พอเขาแสดงอาการหึงหวง ปากไม่ตรงกับใจ ก็ขอยั่วประสาทเสียหน่อย เผื่อจะทำให้ปากอ่อน ยอมพูดว่าอยากได้เธอเป็นเมีย!
“ดีเลย งั้นพี่ขอเปย์นะ”
“ยินดีค่า~”
ช๊อบชอบ~ ผู้ชายสายเปย์เนี่ย
“คุณหงษ์อยากไปต่อไหมครับ?”
“ไปต่อที่ไหนเหรอคะ?”
“ผมเป็นเจ้าของตึกโฮมสเตส ถ้าคุณไม่รังเกียจ…”
“ไปค่ะ~” ตอบรับในทันที พร้อมคลี่ยิ้มหวานเชื่อม
“อ้าว แล้วพี่ล่ะคะ?”
อุ้ยตายแล้ว ผู้ชายแย่งกัน บ้าจริง! (>///<)
“หว่า~ แย่จัง แบบนี้หงษ์จะเลือกใครดีล่ะ”
คนสวยก็เงี้ย ผู้ชายต้องแย่งกันเป็นธรรมดา
“บอกให้กลับ”
มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้น ดึงสามสายตาให้หันไปมอง
“ลุงเป็นใครเหรอคะ?”
ถามกลับ พลางทำสีหน้าเหมือนไม่รู้จักกันมาก่อน
“ถ้าไม่ใช่ผัว ก็อย่ามาสั่ง”
เอาซี้! เล่นตัวดีนัก ก็ไม่ต้องกินของแซ่บ ไม่ง้อหรอก
“จะกลับดีๆ ไหม แพรหงษ์”
เฮ้ย! เขารู้ชื่อจริงได้ไงวะเนี่ย
“ไม่กลับค่ะ คุณราชา”
เรียกมาเรียกกลับ แต่ก็แอบตกใจที่เขารู้ชื่อจริง
เพราะปกติ จะมีมามี้ที่เรียกชื่อนี้คนเดียวเท่านั้น
หมับ!
ข้อแขนเรียวระหงถูกจับหวังกระชากออกไปจากที่นี่
ทว่าสองหนุ่มที่เข้ามาขายขนมจีบ กลับช่วยห้ามไม่ให้หนุ่มหน้าคม แตะต้องตัวสาวสวย แต่ห้ามได้เพียงเสี้ยววิ สองคนนั้นก็ถูกสวนหมัดเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง จนบอดี้การ์ดประจำบาร์ ต้องเข้ามาช่วยห้ามปราม ขณะที่ตัวต้นเรื่องแอบอาศัยจังหวะชุลมุนวุ่นวายในการปลีกวิเวกหนีออกไปจากที่นี่
“ชิ่งหนีดีกว่า!”
หนังหน้าทำมาแพง ขืนอยู่ต่อมีหวังโดนลุงตบปลิวแน่
“จะไปไหน พรึบ!”
ตามมาล็อกคอจากด้านหลังแบบนี้ คนสวยชะตาขาด
“นะ หนูไม่ได้ไปไหนลุง อือ!”
ร่างเล็กดิ้นพล่าน แต่ไม่สามารถหลุดพ้นจากวงแขนแกร่งกร้านได้ เธอเพิ่งเห็นลายสักรูปงูใต้ร่มผ้า บริเวณต้นแขนทั้งสองข้าง แอบกร้าวใจ แต่ตอนนี้ใกล้ขิตเพราะถูกแขนรัดคอ
“หะ หายใจไม่ออก”
สาวสวยประท้วงหน้าแดงก่ำ เล็บจิกลงบนผิวหนังของอีกฝ่าย พอเขาเห็นว่าเธอดิ้นจวบจนใกล้จะหมดแรง ถึงจะยอมคลายต้นแขน แล้วลากคนตัวเล็กไปขึ้นรถหรู จากนั้นก็ขับออกไปด้วยความเร็วแรง กระชากรถที หนังหัวแทบหลุด!
บรืนนน!
รถเฟอร์รารี่ขับมาจอดบนสะพานใจกลางเมือง ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่ม แต่รถน้อยมากจนแทบไม่มี เพราะเป็นช่วงใกล้สิ้นปี แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ เขาพาเธอมาที่นี่ทำไม?
“ว้าย!”
ยังไม่ทันได้เอ่ยถาม ชายร่างใหญ่กำยำก็เดินอ้อมมาอุ้มคนตัวเล็กออกจากรถเปิดประทุน แล้วพาตรงดิ่งไปที่สะพาน ซึ่งเบื้องล่างมันเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาที่กำลังไหลเชี่ยว
“ละ ลุงจะทำอะไรอะ!?”
นาทีนี้ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกหวาดกลัวแววตาคู่นั้น รวมถึงการกระทำของชายตรงหน้าที่คาดเดาไม่ได้ เขากัดกรามแน่น จนขึ้นเส้นเลือดปูดนูน ก่อนจะเค้นเสียงแข็งกร้าวคาดโทษร่างสั่นสะท้านในอ้อมแขน
“กร้านโลกดีนัก ต้องเจอแบบนี้”
จบประโยคนั้น สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
ร่างเล็กถูกโยนออกจากวงแขน ร่วงหล่นสะพานที่สูงเกือบร้อยแปดสิบเมตร ซึ่งมันเป็นความสูงที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต ถึงเธอจะว่ายน้ำเก่ง แต่กับแม่น้ำเจ้าพระยา ‘มันไม่ง่าย’
ตู้มมม!
หนึ่งชีวิตกระแทกผิวน้ำเต็มแรง ความรู้สึกแรกที่ได้รับ คือจุกมาก ความรู้สึกต่อมาคือชาไปทั้งตัว จากความเย็นยะเยือกของน้ำ ทำให้เกิดอาการตะคริวกินอย่างกะทันหัน ไม่สามารถขึ้นสู่ผิวน้ำได้ มีแต่จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ จวนจะหมดลม
ตู้มมม!
เงาดำทมิฬลงสู่ผิวน้ำ พร้อมดำดิ่งลงมาหาหญิงสาวที่ใกล้หมดสติ ฝ่ามือหนาโอบเอวบอบบาง ก่อนจะดีดตัวขึ้นไปเหนือผิวน้ำ พาคนตัวเล็กขึ้นฝั่ง โดยการให้กอดคอแกร่งเอาไว้
พรึบ~
สาวสวยหมดสติถูกอุ้มขึ้นมานอนบนฝั่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะใช้ฝ่ามือสัมผัสแก้มเรียกสติ เมื่อไร้เสียงตอบรับ และหัวใจเต้นช้าลง เขาจึงรีบปั้มหัวใจ สลับผายปอดให้เธอฟื้นสติ
“ฟื้นสิแพรหงษ์!”
ชายร่างสูงใหญ่พูดพลางบีบปลายจมูกจิ้มลิ้ม แล้วประกบริมฝีปากเพื่อผายปอด เขาทำแบบนี้วนไปหลายสิบครั้ง ก่อนที่คนตัวเล็กจะสำลักน้ำ หัวใจกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง
แค่ก แค่ก แค่ก!
หญิงสาวไอตัวโก่งจนหน้าแดง สีเลือดที่กลับมาทำให้ชายหนุ่มดีใจจนเผลอตัวลงมาโอบกอดร่างเล็ก ฝ่ามือหยาบสากลูบหัวปลอบประโลมด้วยความเป็นห่วง และหอบหายใจถี่รัว เหมือนคนหวาดกลัวว่าจะสูญเสียหญิงสาวตรงหน้านี้ไป
“ไม่ต้องมากอดหนูเลย ลุงเล่นบ้าอะไรของลุงเนี่ย!”
เมื่อได้สติก็วีนใส่ทันที พร้อมผลักร่างใหญ่ออกห่าง
“หนูเกือบตายแล้วรู้ป่ะ ทำไมทำแบบนี้กับหนูอะ!?”
เขาไม่ตอบ แต่สายตาแอบมีความรู้สึกผิดเล็กน้อย
“ไม่เอาแล้ว หนูไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว!”
สาวสวยพยุงตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะย้ายร่างเปียกซ่กเหมือนลูกหมาตกน้ำ หาทางเดินขึ้นไปบนสะพานเพื่อเรียกรถกลับไปหาเพื่อน ชายหนุ่มเดินตามมาดักหน้าแล้วจับแขนเล็ก
“เดี๋ยวพากลับ”
“ไม่กลับ หนูจะไปหาเพื่อน”
แขนเรียวสะบัดออก พร้อมกับชักสีหน้าขุ่นเคืองใส่
“แพรหงษ์”
ร่างสูงตามมาดักหน้าอีกครั้ง แล้วโอบเอวบางแนบชิด
“อย่าดื้อ”
“ลุงเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาพูดจาแบบนี้?”
พูดพลางค้อนตาเขียว พยายามดึงมือเขาออกจากเอว
“ปล่อยหนู”
“ไม่ปล่อย”
“บอกให้ปล่อย!”
เริ่มขึ้นเสียงดังใส่
“ไม่ปล่อย”
เขายังคงยืนยันคำเดิม
“ถ้าไม่ปล่อย หนูตบลุงแน่!”
กอดเอวแน่นขึ้น ไม่ฟังคำขู่