เพียะ!
ฝ่ามือขาวนวลตบเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลา ทว่าสิ่งที่โต้ตอบกลับมาคือ ริมฝีปากร้อนผ่าว ที่ประกบจูบอย่างรุนแรง
“นะ นี่ลุง!”
“ตบอีกสิ จะได้จูบ”
“ได้!”
เพียะ!
จ๊วบบบ!
เป็นจูบกระชากวิญญาณ จูบจนเลือดกบปาก
เพียะ!
จ๊วบบบ!
จูบครั้งที่สาม แขนขาเริ่มอ่อนระทวย ไร้เรี่ยวแรง วงแขนแกร่งจึงกระชับร่างเพรียวบางเข้าไปแนบชิดแผงอกกำยำ จากนั้นก็บดขยี้กลีบเนื้อนุ่มตามอำเภอใจ จูบจนปากบวมเจ่อ
อือ จ๊วบ~
ชายหนุ่มเป็นฝ่ายรุกล้ำสอดลิ้น ตวัดเกี่ยวพันในโพรงปากคับแคบ ก่อนจะลากลิ้นสากลงมาที่ปลายคางหวาน เลียน้ำลายที่ยืดเยิ้ม ไล่ลงโลมเลียลำคอยาวระหงที่เอียงรับสัมผัส
คนตัวเล็กถูกหลอมละลายด้วยเรียวลิ้นร้อนระอุ ปลุกความต้องการ ทดแทนความโกรธที่เดือดพล่าน ทั้งสองหอบหายใจถี่ เริ่มขยับตัวแนบชิดร่างกายของอีกฝ่าย โดยอัตโนมัติ
พรึบ!
แต่ก่อนจะได้ทำอะไรเกินเลย ภาพทุกอย่างก็ตัดลง
“อีหงษ์ตายแล้ว!”
เสียงแว้ดมาแต่ไกล ปลุกคนบนเตียงให้ลืมตาตื่นขึ้น
“เพียะ! แหกตาดูก่อนค่ะอีชะนี อีหงษ์มันยังไม่ตาย”
เก้งหน้าหนวดลงฝ่ามืออรหันต์ใส่เพื่อนสาวไปหนึ่งที
“ทะ ที่นี่ที่ไหนวะ?”
นัยน์ตาสีนิลปรือขึ้น รู้สึกเวียนหัวจนอยากจะอาเจียน
“มึงอย่าเพิ่งลุกนะอีหงษ์ ตอนนี้มึงอยู่โรงพยาบาล”
“ฮะ? โรงพยาบาล?”
ดวงหน้าขาวซีด ผูกปมคิ้วด้วยความรู้สึกงงงวย ภาพจำสุดท้าย เธอจำได้ว่ากำลังจูบอยู่กับตาลุงนั่น หลังจากที่เขาจับเธอโยนลงแม่น้ำเจ้าพระยา ไหง๋ตื่นมาที่โรงพยาบาลได้
“คืองี้ชะนี เมื่อเช้ากูโทรไปหามึงใช่ป่ะ แล้วมีคนรับแต่เป็นผู้ชาย เขาบอกว่ามึงอยู่โรงพยาบาล กูก็เลยรีบถ่อสังขารมาหาที่นี่ แต่พอมาถึงก็ไม่เจอผู้ชายคนนั้น เจอแต่พยาบาลที่บอกว่ามึงตกน้ำ แล้วช็อกจนหมดสติไป ดีที่มึงไม่เป็นอะไรมาก ส่วนอีโซเฟีย มันเพิ่งตื่น แต่พอรู้ว่ามึงเข้าโรงพยาบาล มันก็รีบมา แล้วแช่งว่ามึงตาย ไปหนึ่งที” เวนอธิบายให้เข้าใจ
“แฮะๆ กูไม่ได้แช่ง กูแค่ตกใจ~” โซเฟียยิ้มกลบเกลื่อน
“พวกมึง กูมีเรื่องจะฟ้อง” ทำสีหน้าจริงจัง
“กูโดนตาลุงนั่น จับโยนลงแม่น้ำเจ้ายาเว้ย”
(-*-) (-0-!)(-0-!) พวกมันตกใจ อ้าปากค้าง
“กูโกรธมาก ยิ่งฟื้นมาแล้วไม่เจอ กูยิ่งโกรธ”
“นี่อย่าบอกนะ ว่าเขาทำอย่างที่มึงพูดจริงๆ”
“ก็เออดิ”
“เชี่ย! ถ้าเป็นคนอื่น คงร่างแยกไปแล้วนะนั่น”
“ก็ใช่ไง แม่งเล่นแรงเกิน กูนะ เกือบตายแหนะ”
“ไม่ตายหรอกค่ะชะนี มึงลืมไปแล้วหรือไง ว่ามึงเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำระดับทีมชาติ นี่ถ้ามึงไม่ร่าน ติดหรรมจนเสียคน ป่านนี้มึงคงไปแข่งระดับโลกแล้ว” เก้งหน้าโฉดพูดดัก
“เออว่ะ อีหงษ์ มึงว่ายน้ำเก่งฉิบหาย กูจำได้!”
“เพิ่งตื่นเต็มตาหรือไงมึง สมองถึงได้ประมวลผลช้า”
“โห่~ มึงก็ใจเย็นๆ หน่อยดิวะ กว่ากูจะได้มีวันหยุด กูปั่นงานส่งอาจารย์สายตัวแทบขาด ถ้าไม่ติดว่าอีหงษ์เข้าโรงพยาบาล วันนี้กูจะไม่มีทางงัดกายหยาบขึ้นมาจากเตียงแน่นอน” โซเฟียพูดพลางขยี้ตา ดูจากการแต่งตัวก็รู้ ว่ามันเพิ่งตื่นจริงๆ เล่นใส่ชุดนอนลายหมี หนีบอีแตะสีส้มจี๊ดมาเลย
“นี่ ว่ายน้ำเก่ง ก็ใช่ว่ากูจะว่ายน้ำเจ้าพระยาได้นะ น้ำแม่งเชี่ยวจะตายห่า คนโยนต้องคิดยังไงถึงได้โยนกูลงไปเนี่ย”
“กูว่าเขาโหดจริง แต่โหดกว่าตรงที่ลงไปช่วยมึงได้”
“แต่กูว่าโหดไปอะ ทั้งฟาด ทั้งปล่อยให้งูกัดแขน ไหนจะโยนลงแม่น้ำอีก ถ้าเป็นกู คงตายไปตั้งแต่โดนฟาดแล้วอะ”
“ใช่ไหมมึง” รีบหาพวกทันที
“โหดไม่โหด ต้องวัดจากสิ่งที่อีหงษ์ทำต่างหาก”
“เอ้า! (ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง) ไหง๋ไม่เข้าข้างกูวะอีเก้ง”
“แหม~ กูก็อยากจะเข้าข้างมึงอยู่หรอก แต่ตอนที่กูมาถึงโรงพยาบาล กูเห็นรถเฟอร์รารี่ที่มึงขับเที่ยวเมื่อคืน จอดอยู่ที่ลานจอดรถ แสดงว่าเจ้าของรถก็คือคู่กรณีของพวกเรา แล้วไม่ทราบว่ามึงเอารถเขามาขับเล่นได้ยังไงคะ ตอบหน่อย”
พอเจอคำถามนี้เข้าไป ถึงกับเอ๋อแดกเลยทีเดียว
“ไม่ต้องมาทำหน้าอ๋อง มึงขโมยรถเขามาขับใช่ไหม?”
“เปล่า กูไม่ได้ขโมย”
“ตอแหล กูมองจากดาวอังคารลงมากูรู้ว่ามึงตอแหล”
“อีหงษ์ มึงอย่าบอกนะว่ามึงขโมยรถเขามาขับจริงๆ?”
สองเพื่อนซี้เริ่มหันมาจับผิดคนที่ยังนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย พอเธอคลี่ยิ้มตอบกลับ พวกมันก็แจกตบให้คนละป๊าบ
ผลัวะ! ผลัวะ!
จากมึนหัว ตอนนี้เริ่มเจ็บหัวตุบๆ แล้ว
“กูว่าเขาไม่ควรโยนมึงลงแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ควรถีบมึงลงจากตึกใบหยกมากกว่า อีห่าราก สร้างเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน นี่ถ้ามึงขับเฟอร์รารี่ไปชนใครเข้ามึงจะรับผิดชอบยังไงวะ”
“โธ่มึง กูขับรถแข็งนะ”
“แข็งกับผีอ่าดิ มึงขับรถชนกำแพงมากี่ครั้งแล้ว?”
“ครั้งเดียว”
“สาบานให้หน้ามึงเน่า”
“โอ๊ย! แรงไป กูไม่สาบาน”
“นั่นไง มึงมันสะเพร่าอีหงษ์”
“แต่กูก็ไม่ได้ขับรถไปชนกำแพงที่ไหนไหมล่ะ”
“แล้วมันสมควรที่มึงจะขโมยรถคนอื่นไปขับไหม?”
เวนเท้าสะเอวคาดโทษ ส่วนอีโซเฟียยืนสัปหงกไปมา
“มึงควรจะขอโทษและขอบคุณเขาด้วยซ้ำ ที่พามึงมาส่งโรงพยาบาล เพราะถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นมึงได้ไปอยู่วัดแล้ว”
“ไปทำบุญเหรอวะ?”
“ทำบุญให้พ่อมึงอะ”
ยิ้มแห้ง แต่ขำไม่ออก รู้สึกสะเทือนไตที่โดนเพื่อนด่า
“คิดให้ได้ แล้วแยกย้ายค่ะ”
“อ้าว พวกมึงจะกลับแล้วอ้อ?”
“ก็เออดิ พวกกูต้องการพักผ่อน ส่วนมึง พยาบาลบอกว่ากระดูกหนายิ่งกว่ากระดูกควาย ไม่ตายง่ายๆ หรอก เชิญไสหัวกลับไปได้แล้ว” พะ พยาบาลที่นี่ หัวรุนแรงมากค่า กลัว!
“ดะ เดี๋ยวดิ พรุ่งนี้พวกมึงยังไปอยู่ป่ะ สวนสนุกอะ?”
“ไป กูจะไปดูหน้ายงฮวา”
“แล้วอีผ้าอนามัยอะ?” มองอีตัวสัปหงก
“มันก็ไป แต่ตอนนี้พวกกูต้องกลับไปนอน”
“โอเคจ้า พรุ่งนี้เจอกัน”
“ไม่ต้องมาจ้าเลย อีปอบจก”
เวนง้างมือเหมือนจะตบ แต่สุดท้ายก็เดินลากโซเฟียออกไปจากห้องพักผู้ป่วย พอเพื่อนกลับเธอเองก็ขอกลับทันที
“กลับหรือไม่กลับดีวะ?”
สาวสวยในชุดนอนลายหมี ที่เพื่อนสาวหยิบจับฉ่ายมาให้เปลี่ยนกลับบ้าน ยืนกดโทรศัพท์อยู่หน้าโรงพยาบาล สลับก้มมองรองเท้าหูหนีบ สีเดียวกันกับสีชุด ด้วยสีหน้าลังเล
บอกตามตรง ว่าไม่อยากกลับไปหาอีตาลุงนั่น แม้ว่าเธอจะผิดที่ขโมยรถเขามาขับ แต่บทลงโทษที่ได้รับ เธอว่ามันแรงไป ไหนจะไม่อยู่เฝ้าที่โรงพยาบาลอีก ขุ่นเคืองเรื่องนี้ที่สุด!
“ฮึบ!”
เธอมุ่ยหน้าพลางกดโทรศัพท์โทรไลน์หาผู้ชายอีกคน
[ครับ น้องหงษ์]
เสียงทุ้มนุ่มตอบรับ มิหนำซ้ำ ยังกดรับสายเร็วมาก!
“แค่ก แค่ก แค่ก สะดวกคุยไหมคะ…?”
ถามเสียงแผ่วเบาปนไอ เหมือนคนไม่สบาย
[สะดวกครับ ว่าแต่น้องหงษ์ยังไม่หายป่วยอีกเหรอ?]
เออ เกือบลืมไปเลย ว่าเมื่อวานบอกว่าป่วยกะทันหัน
“หายแล้วค่ะ กำลังออกจากโรงพยาบาล”
[ป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาลเลยเหรอครับ?]
“ไม่หนักขนาดนั้น แค่ก แค่ก แค่ก หรอกค่ะ”
ไม่น่าเรียนบัญชี น่าจะย้ายไปเรียนการแสดง
[น้ำเสียงไม่ค่อยดีเลยนะ แล้วนี่มีใครไปรับออกจากโรงพยาบาลไหม หรือว่ามีใครอยู่ดูแลน้องหงษ์หรือเปล่าครับ]
ปลายสายเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีค่ะ มามี้หงษ์ไปทำงานที่ฮ่องกง…”
ทำน้ำเสียงเศร้าสร้อย เหมือนไม่มีใครรัก โทรหามารดา มารดาก็ปิดเครื่องหนี ลูกสาวเกือบขิตยังไม่คิดจะสนใจ คงต้องหนีไปซบอกผู้ชายหรือสามีในอนาคตแทนละมั้ง
[งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับ]
Yes! ต้องอย่างนี้สิ สามีอีหงษ์
“ขอบคุณนะคะ คนดีของหงษ์”
หยอดคำหวานไปหนึ่งกรุบ ก่อนจะส่งโลเคชั่นให้ผู้มารับ ระหว่างรอก็หลบไปเตรียมตัว ทำยังไงก็ได้ให้ชุดนอนลายหมีกับรองเท้าหูหนีบสีส้มดูเซ็กซี่และยั่วเพศตรงข้ามมากที่สุด
“ก็ปลดกระดุมไปเลยสิคะ~”
พูดพร้อมกับปลดกระดุมบนสองเม็ด แหวกให้เห็นเนินอกขาวอวบเต็มไม้เต็มมือ ช่วงล่างโชว์ไม่ได้ ก็โชว์ช่วงบน!
“นมกระแทกหน้าขนาดนี้ ไม่ได้ให้มันรู้ไป”
สาวสวยยีเรือนผมยาวสลวย ให้ดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจ ก่อนจะเดินออกมารอที่หน้าโรงพยาบาล ไม่นานนัก รถบีเอ็มสีขาวก็ขับมาจอดรับ หนุ่มหล่อรีบลงมาช่วยพยุงร่างเล็กทันที
“ไหวไหมครับ?”
“ไหวค่ะ แค่ยังมึนๆ ยานิดหน่อย”
ตอบเสียงแผ่วแล้วซบไปที่แผงอกแกร่ง เขาแต่งตัวดูดี มาดนักธุรกิจ แสดงว่ารีบบึ่งจากที่ทำงานมารับเธอโดยเฉพาะ
เห็นแบบนี้แล้วน่าตั้ม เอ้ย! น่าประทับใจจังเลย
“ไปครับ เดี๋ยวพี่พาไปนอนพักนะ”
สาวสวยพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะปล่อยตัวให้สามีในอนาคตพากลับไปนอนในพื้นที่ของเขา ซึ่งเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ มีสาวใช้ไม่ต่ำกว่าสิบคน ออกมาต้อนรับแบบเวอร์วังอลังการ จากที่จะสำออยกลับอึ้งในความรวยที่มากกว่ามี้เธอ
“ชัชชาย วันนี้เลื่อนการประชุมไปก่อนนะ”
ชายหนุ่มถือโทรศัพท์คุยกับปลายสาย ในขณะที่สาวใช้สามคนเข้ามาช่วยพยุงตัวสาวสวยขึ้นไปบนห้อง ซึ่งห้องนอนของเขาใหญ่มาก เรียบหรูดูสะอาดสะอ้าน เหมือนอาบน้ำพร้อมบ้านทุกวัน มิหนำซ้ำห้องยังใหญ่กว่าเธอสิบเท่า
นี่มันทายาทมหาเศรษฐีชัดๆ เลย (ดีใจจนอยากกรี๊ด!)
“น้องหงษ์ครับ”
“แต่งค่ะ”
“ครับ?”
อุ้ย! เผลอตกลงแต่งงานทั้งที่เขายังไม่ได้ขอ
“หงษ์หมายถึง พี่แต่งห้องสวยจังเลยนะคะ”
“อ้อครับ แต่ว่าห้องนี้ไม่ใช่ห้องของพี่หรอก”
แป๋ว! ชมไม่ดูตาม้าตาเรือ ก็จะแห้วแบบนี้
“พี่เกรงว่าน้องหงษ์จะรู้สึกไม่ดี ถ้าพี่พาเข้าห้องนอน เลยพามานอนพักห้องนี้แทน แต่ก่อนเป็นห้องของเฮีย แต่เฮียไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วห้องนี้เลยว่าง น้องหงษ์นอนพักที่นี่ได้เลยนะ”
“จะดีเหรอคะ?”
“หรือน้องหงษ์ไม่สบายใจครับ?”
“ไม่ใช่ไม่สบายใจค่ะ แต่เกรงใจ”
พูดพร้อมกับเดินเข้าไปจับมือเขา
“ไม่ต้องเกรงใจนะครับ”
เขาประสานมือเล็กแล้วสบตากัน จังหวะนี้ ควรมีซัมติง ทว่าฝ่ายชายกลับคลี่ยิ้มแล้วหอมหน้าผากมนแทนการจูบ
“ให้พี่ดูแลน้องหงษ์ได้ไหม?”
“ได้สิคะ ตลอดชีวิตเลยก็ได้”
สาวสวยส่งสายตาหวานเชื่อม ทอดสะพานให้อีกฝ่ายอย่างชัดเจน เขาเองก็ดูเหมือนจะเข้าใจ เลยจับมือพาเธอไปนอนบนเตียงคิงไซซ์ หลายครั้งที่เขาเหลือบมองหน้าอกหน้าใจ แล้วกลืนน้ำลายอย่างกลั้นอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรกัน เพียงแค่นอนสบสายตาจับมือลูบผมและดูแลเท่านั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
“ขออนุญาตนะคะคุณหนู พอดีว่าคุณหญิง…”
“ราเชนทร์ลูกรักของมี้ พาสาวที่ไหนมาเอ่ย~”
ผู้หญิงมีอายุแต่งตัวเหมือนคุณหญิง เดินพรวดพราดเข้ามาในห้อง ในขณะที่เราสองคนกำลังนอนซบกันอยู่บนเตียง ทว่าสายตาของคุณหญิงกลับดีใจ ที่เห็นภาพนี้ ต่างจากเธอที่ตกใจจนตัวแข็งทื่อ ไม่คิดว่าแม่ของพี่ราเชนทร์จะโผล่มา
“อุ้ย! หน้าตาสะสวยซะด้วย”
ตายห่าแล้วอีหงษ์ จะทำยังไงดีวะเนี่ยกู (-0-!?)
“เออ มี้ครับ นี่น้องหงษ์ น้องหงษ์ครับ นี่แม่พี่เอง”
“สวัสดีค่ะ”
เธอดึงสติแล้วดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงไปไหว้คุณหญิง
“สวัสดีจ้ะ หน้าตาคุ้นๆ ใช่ลูกสาวคุณเพ็ญหรือเปล่า?”
หือ! ทำไมถึงรู้จักชื่อแม่เธอด้วย หรือว่าสังคมเดียวกัน
“คุณเพ็ญเป็นนักธุรกิจอสังหาฯ รายใหญ่ ใครก็รู้จัก”
พอเห็นว่าเธอทำหน้างงงวย เลยช่วยไขความกระจ่าง
“แล้วนี่ มาคบหากับลูกชายของมี้เหรอจ๊ะ?”
“มี้ครับ ถามแบบนี้น้องหงษ์จะอึดอัดนะครับ”
“หงษ์ไม่อึดอัดเลยค่ะ”
เธอยิ้มหวานให้คุณแม่สามีในอนาคต เพราะผู้ชายคนนี้ อาจจะเป็นคนดีที่สามารถเอาไปอวดมี้ ว่าหาคนดีๆ ได้แล้ว
“ตายจริง~ นิสัยน่ารักแถมยังยิ้มสวยอีก แบบนี้สเปก ลูกสะใภ้ในอนาคตเลย” คุณหญิงตรงเข้ามาจับแขนจับมือเธอด้วยความเอ็นดู ส่วนลูกชายก็ยืนยิ้มเคอะเขินจนแก้มแดง
จะว่าไปแล้ว พี่ราเชนทร์ก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย
แถมแม่ของพี่เขายังมีจุดประสงค์เดียวกันกับเธอ
งานนี้อาจจะง่าย ถ้าได้แต่งงานกับ ‘พี่ราเชนทร์’
“อยากไปเดินชอปปิงกับมี้ไหม?”
“มี้ครับ น้องหงษ์เพิ่งหายป่วยเองนะครับ”
“อ้าวเหรอ งั้นเอาไว้คราวหน้า ลูกชายมี้ต้องพาน้องไปชอปปิงกับมี้นะ มี้จะได้ถือโอกาส พาว่าที่ลูกสะใภ้ไปทานอาหารอร่อยๆ ด้วยกันเลย” แม่พี่ราเชนทร์เอ่ยปากชวน พร้อมกับอมยิ้มเมื่อเห็นรอยดูดที่คอเธอ แม่อาจจะนึกว่าเป็นรอยที่ลูกชายทำ แต่เธอบอกพี่ราเชนทร์ ว่าเป็นรอยยุงกัด ไม่รู้ว่าจะเชื่อไหม แต่ดูเหมือนไม่ได้ข้องใจแค่แสดงความห่วงใยเท่านั้น
ส่วนแผลงูกัด เธอก็บอกไปว่าหมากัดตอนเมา อ้างไปเรื่อยเพื่อเอาตัวรอด แน่นอนว่าปลาไหลตัวแม่ ไม่มีทางจนมุม
“พี่ต้องขอโทษแทนมี้ด้วยนะครับ”
“ขอโทษทำไมเหรอคะ?” เอียงคอสงสัย
“ก็ที่มี้พี่พูดจารวบรัดน้องหงษ์จนเกินไป”
“อ้อ ไม่เป็นไร หงษ์ยินดี ถ้ามี้จะยอมรับ”
“น้องหงษ์” เขายิ้มเขินๆ มือลูบท้ายทอย
“หงษ์ยังไม่มีแฟนนะคะ เผื่อพี่จะจำไม่ได้”
“จำได้ครับ”
“ถ้าจำได้ แล้วจะจีบไหมคะ?”
ถามเสียงหวาน พลางคลี่ยิ้มน่ารักให้อีกฝ่าย
“จีบครับ ถ้าน้องหงษ์อนุญาต”
“หงษ์อนุญาตตั้งแต่ให้ไลน์แล้วค่ะ”
เขายิ้มหน้าแดง ก่อนจะจับมือเล็กไปประสาน
“งั้น…เป็นแฟนกับพี่ไหมครับ น้องหงษ์”
ตายแล้ว~ บทจะไวก็ข้ามขั้นไปเป็นแฟนเลย