ใคร่คุณ : EP1

1176 Words
CHAPTER 1 Baibua’s part แสงหน้าจอสมาร์ตโฟนสว่างวาบพร้อมกับการสั่นครืดสองครั้ง ฉันชำเลืองมองด้วยใจจดจ่อ ใช่แจ้งเตือนจากสิ่งที่รออยู่หรือเปล่า “ใบบัว! นั่นเม็ดบัวลอยนะไม่ใช่ลูกชิ้น ใหญ่เกินไปแล้ว” “อ๊ะ!” ฉันรีบมองในมือตัวเอง ปั้นแป้งจนใหญ่เกินไปอย่างที่พี่ใบข้าวพูด เสียงของพี่สาวที่อายุห่างกัน 3ปี ส่งให้ประมุขของบ้านขยับหัวคิ้วย่นเข้าหากันและมองลอดแว่นมาทางฉัน สบกับแววตาดุดันที่แฝงไปด้วยความสงสัยเพียงไม่กี่วินาที ฉันก็ก้มหน้างุดหลบสายตาพ่อไปในทันที ในนาทีถัดมาหัวใจฉันเต้นโครมครามด้วยความตื่นกลัวเมื่อฝ่ามือหนามาคว้าสมาร์ตโฟนที่วางห่างจากกายฉันไปเพียงไม่กี่เซนติเมตรไปกดดู ภาวนาในใจว่าขอให้แจ้งเตือนเมื่อครู่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันรอคอย ไม่อย่างนั้นวันนี้หูฉันคงดับ เผลอ ๆ ที่น่องขาอาจจะมีรอยแดงจากไม้เรียวประดับผิวอยู่ “คนสั่งขนมนิ” เสียงทุ้มน่าเกรงขามว่าพลางวางสมาร์ตโฟนลงที่เดิม ฉันพรูลมหายใจยาว ๆ ด้วยความโล่งใจ “ไปล้างมือแล้วมาดูออเดอร์ก่อน” “ค่ะพ่อ” ฉันตอบรับและไปทำตามที่ท่านสั่ง กดอ่านข้อความที่ส่งเข้ามาทางเพจซึ่งฉันเป็นแอดมินร่วมกับแม่และพี่ใบข้าว “ลูกค้าจะสั่งเซ็ตทำบุญค่ะแม่” เซ็ตทำบุญที่ฉันพูดถึงก็คือขนมหวานที่มีชื่อมงคล 9อย่าง ซึ่งจะนิยมในงานบุญเป็นอย่างมาก “เดี๋ยวแม่ตอบลูกค้าต่อเอง บัวปั้นแป้งเถอะ” “แม่ใบบุญนี่พิลึกคนจริงเชียว แทนที่เธอจะเป็นคนลุกไปล้างมือแล้วตอบแต่แรก” ยายส่ายหน้าน้อย ๆ คล้ายระอา ในมือมีไม้พายซึ่งไว้ใช้คนกะทิ แต่ในตอนนี้ชี้มาทางแม่คล้ายจะหยอกล้อเฉย ๆ “ลูกคุณแม่ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่” พ่อพูดเสริม ยายจึงลดมือลง หยุดพูดคุยแล้วหันไปดูหม้อกะทิ “เมื่อกี้คุณสั่งให้ลูกไปกดดูนี่คะ” แม่ตอบเสียงอ้อมแอ้ม “ใช่ ผมสั่งลูก คนที่ผมไม่ได้สั่ง ไม่ต้องทำ” เสียงของพ่อเข้มขึ้นกว่าเดิม ฉันแอบเห็นพี่ใบข้าวกลอกตาไปมาแต่ก็ไม่ปริปากพูดอะไร เธอบรรจงปั้นแป้งให้ได้เม็ดบัวลอยที่สวยงาม แม่มีสีหน้าที่เจื่อนลงและคงไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาล้างมือแล้วรับออเดอร์เองแน่นอน ฉันจึงตอบลูกค้าเอง บอกกำหนดวันที่ต้องส่งให้ลูกค้าให้แม่ทราบ และเขียนลงปฏิทินแผ่นใหญ่ที่แขวนไว้ที่ผนัง ปฏิทินนั้นเด่นชัดจึงใช้เป็นเครื่องย้ำเตือนการทำงานต่าง ๆ ของทุกคนในบ้าน ซึ่งหลัก ๆ ก็จะมีแค่งานของพ่อและออเดอร์ขนมของแม่ ขณะที่กำลังจดอยู่นั้น ฉันแอบดูช่องวันที่ที่เป็นงานของพ่อ วันจันทร์ที่ 23 พ่อจะต้องเดินทางไปพิษณุโลก และจะกลับในวันพุธที่ 25 ฉันอมยิ้มน้อย ๆ ราวกับดีใจที่พ่อไม่อยู่… “ยายทำบัวลอยเผื่อมาสิบห้าถ้วย ใครจะเป็นคนเอาไปขาย” บัวลอยที่ทำนั้นมีลูกค้าสั่งไว้เพื่อเอาไปขายต่อ ซึ่งปกติเวลาที่มีคนสั่งปริมาณเยอะ ๆ ยายและแม่จะทำเผื่อเสมอ หากไม่มากจนเกินไปก็จะแถมให้ลูกค้า แต่คราวนี้แถมแล้วก็ยังเหลืออยู่ “ให้บัวไปแล้วกัน ข้าวปวดคอ” พี่ใบข้าวว่าพลางบีบนวดต้นคอของตัวเอง ฉันหันไปมองคนที่สั่งห้ามไม่ให้ฉันออกไปไหนเพียงลำพังเป็นเชิงขออนุญาต “เดี๋ยวพ่อพาไปเอง” ท่านว่า ฉันพยักหน้าน้อย ๆ และนำบัวลอยที่อยู่ในถ้วยพลาสติกปิดฝาอย่างเรียบร้อยวางเรียงซ้อนกันในตะกร้าสาน เตรียมถุงหิ้วพลาสติกไปนิดหน่อยและหิ้วออกไปที่รถของพ่อ “ไปรถเก๋งจะเรียกลูกค้ายังไง เอารถของยายกะเพราไปสิ” ยายมองไปทางมอเตอร์ไซค์คู่ใจของพี่กะเพราสาวใช้ร่างอวบวัย 35ปี “ใช่ค่า แต่ถ้าคุณนาจไม่กล้าขี่ กะเพราคนนี้จะพาน้องบัวไปเองค่า รับรองว่าปลอดภัยไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเลยค่า” เธอบีบเสียงเป็นเสียงเล็กเสียงน้อย อีกทั้งยังแสดงสีหน้าออกท่าทางร่วมไปกับคำพูด “อย่าจีบปากจีบคอในบ้านนี้! ดัดจริต! ถ้าลูกฉันเห็นแล้วเลียนแบบ จะทำยังไง” น้ำเสียงทรงอำนาจที่ดังขึ้นทำให้คนที่ส่งเสียงร่าสดใสถึงกับคอหด “พ่อพูดเหมือนเราสองคนไม่มีสมองไตร่ตรองว่าอะไรควรอะไรไม่ควร เมื่อกี้ไม่เห็นดัดจริตตรงไหน ข้าวว่าน่ารักและตลกดี พวกเรามีรอยยิ้มได้ก็เพราะพี่กะเพรามาตลอด” พี่ใบข้าวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “แกน่ะอาจจะมีสมอง แต่น้องแกมันไม่มี! ไม่งั้นจะเคยสร้างเรื่องงามหน้าไว้เหรอ” เรื่องในอดีตของฉันถูกขุดมาพูดซ้ำ ๆ ทุกครั้งที่พี่สาวยอกย้อนพ่อ เจ้าของเสียงเข้มตวัดสายตาดุดันมาทางฉัน ท่านคงฝังใจกับเรื่องนั้นน่าดู ไม่ต่างกับฉัน…ฝังลึกอยู่ในใจ และรู้สึกแย่ทุกครั้งที่ถูกสะกิดขึ้นมา “ไปกับกะเพรา” พ่อสั่ง ฉันพยักหน้าลงเล็กน้อยแล้วหันไประบายยิ้มบาง ๆ ให้คนที่จะพาฉันไปขายบัวลอย เราเข้าไปตามซอยโดยที่มีเสียงพี่กะเพราร้องเรียกลูกค้าดังเคล้าไปกับเสียงท่อรถมอเตอร์ไซค์ “กะเพรา!!! ซื้อบัวลอยหน่อย!!!” ได้ยินแบบนั้นพี่กะเพรารีบเลี้ยวกลับรถไปยังบ้านที่ขี่ผ่านมา เจ้าของเสียงเรียกมองฉันด้วยแววตาเรียบนิ่ง “นึกว่าใบข้าวเสียอีก ถ้าเป็นยายนี่ฉันคงไม่เรียกซื้อ” ฉันไม่กล้าสบตาได้แต่ฟังบทสนทนาระหว่างพี่กะเพราและลูกค้าไปแบบเงียบ ๆ เสร็จสิ้นการซื้อขายจึงไหว้ขอบคุณ “ซื้อมันทำไมแม่” ฉันเงยหน้าขึ้นมองอดีตเพื่อนรักที่ปัจจุบันเกลียดขี้หน้าฉันน่าดู อยากจะยิ้มทักทายแต่เธอกลับจ้องหน้าฉันเขม็ง “เปิ้ลรู้อยู่แก่ใจว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น” ฉันไม่หลบสายตาแข็งกร้าวนั่น มองเธอด้วยแววตาเป็นมิตรอย่างเดิม ไม่ได้อยากมีศัตรูเสียหน่อย อีกฝ่ายนิ่งเงียบ แววตาคู่นั้นดูอ่อนลงนิดหน่อย หากเธอมองด้วยใจเป็นกลางจะเห็นชัดว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเลย และความสัมพันธ์ของเราก็จะไม่ขาดสะบั้นแบบนี้ “ไปก่อนนะป้า ต้องขายต่อ” พี่กะเพราบอกกับแม่ของแอปเปิ้ล ขี่ตรงไปข้างหน้าเพื่อร้องขายบัวลอยต่อให้หมด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD