Chapter 3
อุบัติเหตุ…อุบัติรัก
“ขับเร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอคุณ เหยียบแค่นี้เมื่อไหร่จะถึง”
ลีลาวดีลอบถอนหายใอย่างหงุดหงิด หันมาทางชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ตาเขียวเพราะเขาเร่งมาตลอดทาง ซึ่งความเร็วระดับแปดสิบในความคิดของหล่อนนั้นก็ถือว่าเร็วมากแล้ว หล่อนจึงไม่กล้าที่จะเร่งความเร็วมากไปกว่านี้ ซึ่งขัดกับใจของภัทรพลที่รู้สึกว่าโชว์เฟอร์ในวันนี้ขับรถไม่ทันใจเอาเสียเลย
“มาขับเองเลยมั้ย เร่งอยู่ได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็จอดสิ โอ๊ะ!”
ยังไม่ทันที่ภัทรพลจะตั้งตัว ชั่ววินาทีนั้นชายหนุ่มต้องเสียหลักหน้าคะมำไปด้านหน้า เมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็เหยียบเบรกกะทันหัน ก่อนหักพวงมาลัยหลบเข้าข้างทางอย่างรวดเร็ว จนพาให้เสียวแปลบบริเวณท้องน้อยขึ้นมาในทันใด ดีที่ติดเข็มขัดนิรภัยเขาเลยปลอดภัยจากการกระแทก
“อยากฆ่าตัวตายเหรอคุณ”
หญิงสาวทำท่ายักไหล่ไม่ตอบคำถาม ก่อนเปิดประตูก้าวลงไปจากรถแล้วเดินอ้อมรถมาหยุดยืนทางด้านภัทรพล ทำท่าผายมือให้เขาลงไป
“อัญเชิญคุณหมวดไปขับเองค่ะ ดิฉันรำคาญเสียงกำกับของคุณหมวดเต็มทีแล้ว เชิญค่ะ”
“ถ้าผมหัวแตกเพราะกระแทกกับกระจกหน้ารถ คุณต้องรับผิดชอบนะลิลลี่”
ชายหนุ่มเข่นเสียงรอดไรฟันออกมา เขาค่อนข้างไม่พอใจที่หล่อนเล่นอะไรที่มันแผลงๆ กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นอย่างไม่น่าจะเป็น เพราะมันหมายถึงว่าเขาต้องเสียเวลาตามไปด้วย
“ฉันรู้ว่าคนอย่างคุณเตรียมพร้อมในทุกสถานการณ์อยู่แล้ว เรื่องแค่นี้คุณไม่พลาดหรอก ใช่มั้ยคะ”
“หากคนที่ได้รับการฝึกมาจากตำราแล้วเก่งกาจสามารถรอบด้าน ก็คงไม่มีใครตายง่ายๆ หรอกนะ สติและความไม่ประมาทเท่านั้นที่ช่วยผมให้รอดมาได้ทุกครั้ง เมื่อกี้หากมีรถตามหลังมาจะทำยังไง จะไม่พากันซวยหมดเลยเหรอ”
“ฉันขอโทษก็ได้ แค่นี้ก็ต้องโกรธด้วย”
ภัทรพลก้าวเดินลงมาจากรถ เพื่อไปทำหน้าที่ขับเสียเอง... ขณะที่รถกำลังแล่นฉิวไปบนท้องถนนนั้น ลีลาวดีลอบมองเสี้ยวหน้าคมคร้ามอยู่เป็นระยะเมื่อเห็นเขาเงียบขรึมลงไป คงเป็นเพราะกำลังขุ่นเคืองที่หล่อนกระทำลงไปเมื่อสักครู่ หญิงสาวเลยไม่กล้าที่จะชวนเขาคุยเรื่องอื่นอีก
“อ๊ะ หมวด! ระวัง”
“โอ๊ะ! บ้าจริง”
“โครม!”
ภัทรพลหักพวงมาลัยหลบไม่ทัน เมื่อจู่ๆ ก็มีมอเตอร์ไซด์แฉลบเข้ามาในเลนส์ของเขาจึงเกิดการเฉี่ยวชนกันขึ้นมา จากการที่ชายหนุ่มเหยียบเบรกอย่างแรงทำให้ลีลาวดีถึงกับข้อมือเคล็ดไปเล็กน้อย เมื่อหล่อนเอามือยันคอนโซลหน้ารถเอาไว้เพราะความตกใจ
“ซวยละ ตายมั้ยนั่น”
หญิงสาวรีบเอามือปิดหน้าไว้ ไม่กล้าที่จะมองภาพตรงหน้า
ด้วยกลัวเลือดมากกว่าสิ่งใดทั้งหมด ภัทรพลรีบเปิดประตูลงไปดู ก็พบว่าคู่กรณีเป็นคนสูงอายุสองคน ประเมินจากสายตาก็รู้ได้ทันทีว่าทั้งสองนั้นอายุเป็นคุณยาคุณยายกันได้แล้ว
“คุณตาครับ เป็นอะไรมากไหมครับ”
ชายหนุ่มปราดไปช่วยพยุงคนเจ็บให้ลุกขึ้น เหลือบมองสภาพมอเตอร์ไซด์เห็นล้อหลังบิดไปเล็กน้อยไม่สามารถขับต่อไปได้ ส่วนคนซ้อนมีรอยถลอกตามร่างกายจากการไถลไปกับถนนมากกว่าคนขับ ชายหนุ่มประเมินสภาพร่างกายของทั้งสอง ก็พบว่าไม่ได้บาดเจ็บขั้นร้ายแรงอะไร น่าจะเคลียร์กันได้ไม่ยาก
“ยายบอกตาแล้วว่าอย่าขับแฉลบออกไป เป็นไงล่ะถูกเขาเฉี่ยวเอาจนได้ บังเอิญตาขับรถไม่ค่อยแข็งน่ะจ้ะพ่อหนุ่ม”
“ไม่เป็นไรครับคุณยาย อย่าต่อว่าคุณตาเลยครับ”
“อย่าเอาเรื่องยายเลยนะพ่อหนุ่ม ยายไม่มีตังค์จ่ายให้หรอก ดูสิ รถพ่อหนุ่มบุบหมดเลย”
“โธ่ ผมสิต้องจ่ายชดใช้ จะไปเอาเรื่องอะไรกันล่ะครับ ว่าแต่ให้ผมโทร.ไปบอกคนที่บ้านมั้ยจะได้มาตกลงกัน ”
“หมวด เรียกตำรวจมาเคลียร์สิ จะได้เร็วๆ”
ลีลาวดีเดินมากระซิบอยู่ด้านหลังเพราะกลัวว่าคู่กรณีจะโวยวายเรียกค่าเสียหาย การรีบเรียกตำรวจมาในที่เกิดเหตุ คือสิ่งที่เธอเห็นว่าสมควรกระทำก่อนเป็นอันดับแรก
“คุณตาเขาไม่ได้ตั้งใจคุณก็เห็น ผมจะจ่ายค่าซ่อมรถและเงินทำขวัญให้เขาเอง ส่วนรถคุณก็ซ่อมเอา”
“ประกันจะยอมเหรอเพราะเราไม่ได้ผิด ตัวแทนคงหาเรื่องเอาผิดกับคุณตาคุณยายแน่”
“ไม่ต้องเรียกมาได้ไหมเดี๋ยวยืดเยื้อ คุณไปเคลมเอาทีหลังก็แล้วกัน”
“อ้าว”
“รถคุณผมซ่อมให้ก็ได้ วันนี้ผมรีบคุณก็รู้ ไม่อยากขึ้นโรงพัก ผมจะเจรจากับผู้เสียหายก่อน หากตกลงกันได้ก็ไม่ต้องวุ่นวาย สงสารเขา คุณเห็นไหม คนแก่ทั้งคู่ ใครจะไปเอาเรื่องลง”
“แล้วแต่คุณ เคลียร์เรื่องนี้กับตำรวจเองก็แล้วกัน ไม่ใช่ตำรวจมาจับฉันไปเข้าคุกทีหลังนะ เพราะเป็นเจ้าของรถ ฉันยังไงก็ได้”
ชายหนุ่มโทรแจ้งตำรวจให้มาลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ก่อนที่เขาจะให้คู่กรณีติดต่อไปหาคนที่บ้านเพื่อเรียกมาคุยกันในเรื่องนี้ ถ้าหากทางญาติยอมความกันได้ เขาเองก็ได้ตั้งใจเอาไว้แต่ทีแรกแล้วว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง
“เดี๋ยวรอตำรวจมา แล้วไปทำแผลก่อนนะครับ ผมจะดูแลค่ารักษาให้เอง แล้วรอคนที่บ้านคุณตามาจะได้ตกลงกันเรื่องค่าเสียหาย”
“ยายขอบใจมากนะพ่อหนุ่มที่ไม่เอาเรื่อง เพราะยายกับตาเองก็เป็นฝ่ายผิดที่ออกนอกเส้นไปเอง เป็นคนอื่นเขาคงแจ้งข้อหายายไปแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ ช่วยๆ กัน คุณยายกับคุณตาก็บาดเจ็บ ผมจะซ้ำเติมอีกได้อย่างไร”
“ขอบใจนะพ่อหนุ่ม ขอให้ร่ำขอให้รวย ได้เป็นเจ้าคนนายคน หน้าที่การงานเจริญรุ่งเรืองนะลูกนะ”
“สมพรปากนะครับคุณยาย ขอให้คุณยายคุณตาอายุยืนเช่นกันนะครับ”
“แหม ยิ้มหน้าบานเชียวนะ คุณยายให้พร”
ลีลาวดีกระซิบกระซาบให้ได้ยินกันแค่สองคนเมื่อเห็นเขายิ้มไม่หุบ แม้รถจะเสียหายไปบ้างซ้ำยังไม่ได้เงินจากคู่กรณีสักบาท แต่หล่อนกลับรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นเขาปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ไม่ดูถูกผู้ที่ต้อยต่ำกว่า เป็นแง่มุมอีกด้านของเขาที่เธอเพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรก ช่างขัดกันกับปากเสียๆ ของเขายิ่งนัก
หลังเสร็จเรื่องที่โรงพยาบาล จนกระทั่งกลับมาถึงบ้านของตน ชายหนุ่มเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเขาลืมอะไรไปเรื่องหนึ่ง ความที่เขามัววุ่นอยู่กับคนเจ็บ เลยไม่ได้ถามไถ่อาการของหญิงสาวใกล้ตัวว่าได้รับผลกระทบหรือเปล่า และหล่อนเองก็ไม่ได้ปริปากบอกอะไรเขาด้วย ว่าตอนนี้ร่างกายกำลังมีปัญหา
“คุณเป็นยังไงบ้าง ขอโทษนะผมลืมไปเสียสนิท มัวแต่วุ่นอยู่กับคู่กรณี”
“ไม่เป็นไร เพราะฉันไม่ได้เป็นคนพิเศษของคุณนี่นะ จะให้มาห่วงใยก็ดูจะไม่ใช่”
หญิงสาวแสร้งเบือนหน้าไปทางอื่น คำว่าคนพิเศษทำให้หัวใจหวั่นไหวไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ด้วยเขาและหล่อนต่างรู้ในสถานะของกันและกันดี ยังไม่อยากลงเอยด้วยการแต่งงาน ต้องมาดูแลใครอีกคนทั้งที่ยังมีเรื่องให้ทำอีกมากมาย
“คุณเจ็บมือเหรอลิลลี่”
“ปะ…เปล่า”
หญิงสาวรีบเอามือไปแอบไว้ด้านหลังเมื่อเห็นเขาจับจ้องมาราวรู้ทัน เหมือนว่าเขาจะไม่เชื่อจึงพยายามที่จะคว้าข้อมือเล็กไปดูให้ได้ ในขณะที่ลีลาวดีพยายามปฏิเสธความหวังดีของเขา เพราะไม่อยากให้ใครต้องมานั่งดูแล
“เอามาดูสิ ผมเห็นคุณลูบคลำมาตลอดทาง อย่าบอกนะว่าข้อมือคุณซ้น”
“ไม่ถึงขนาดนั้น แค่เผลอเอามือไปยันหน้ารถ ตอนคุณเบรกนั่นไง”
“ไหนเอามาดูสิ บวมหรือเปล่า”
พูดพลางยื่นมือมาคว้าข้อมือเล็กไปได้สำเร็จ ลีลาวดีตกใจรีบชักมือกลับมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นความผิดปรกติจากท่าทีของหล่อนชายหนุ่มจึงใช้มือดันแผ่นหลังแบบบางบังคับให้เดินเข้าไปในบ้านเพื่อดูอาการให้แน่ใจ
“เข้าไปในบ้านของผมก่อน จะยังไงก็ต้องรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นเอาไว้ก่อน”
“ไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ฉันจะกลับล่ะนะ”
“อย่าทำเป็นเล่นไปนะลิลลี่ ผมจะรู้สึกผิดมากกว่านี้หากทำให้คุณเจ็บตัวแล้วไม่ใยดี เอามาให้ผมดูหน่อย ผมจะได้ช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ มาสิ”
“ฉันขอทำเอง แค่เอายามาให้ฉันทาก็พอ ไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย เดี๋ยวก็คงหายไปเอง”
“อย่าดื้อสิครับ”
ชายหนุ่มทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอ ขณะคว้ามือของหล่อนมาพลิกดูไปมา ก็พบว่าบริเวณข้อมือนั้นแดงและเหมือนจะบวมขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงบอกให้หล่อนนั่งรออยู่ที่มุมรับแขก ก่อนที่เขาจะหายไปเพื่อหาอุปกรณ์มารักษาอาการบาดเจ็บ
“คุณนี่มันจริงๆ เลยนะลิลลี่ ทำไมตอนอยู่โรงพยาบาลถึงไม่ให้หมอตรวจดูอาการ เห็นมั้ย ผมว่ามันบวมนะ หากคุณเป็นอะไรไปคุณแม่คงเล่นงานผมตายแน่”
ชายหนุ่มบ่นหลังจากที่ได้น้ำแข็งก้อนพร้อมผ้าพันแผลติดมือกลับมา ก่อนหย่อนกายนั่งลงเคียงข้างกันเพื่อปฐมพยาบาลให้คนเจ็บ
“ฉันคิดว่าแค่ข้อมือเคล็ดธรรมดา เลยไม่อยากทำให้วุ่นวาย”
“หากไม่ดีขึ้นคุณต้องไปหาหมอนะ ไม่ใช่ปล่อยเอาไว้จนมันลุกลาม รักษาไม่หายล่ะทีนี้”
ออกคำสั่งขณะประคบก้อนน้ำแข็งไปรอบๆ จุดที่บาดเจ็บบริเวณข้อมือ โดยสัมผัสอย่างอ่อนโยนที่สุด ใช้ความเย็นช่วยลดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ ชายหนุ่มประคบอยู่หลายนาที ก่อนที่เขาจะใช้ผ้าพันแผลพันไปรอบๆ ข้อมือเพื่อช่วยยึดกล้ามเนื้อไม่ให้ต้องอักเสบมากไปกว่านี้
ลีลาวดีเหลือบตามองหลังมือที่ถูกเขากอบกุมเอาไว้อย่างนิ่มนวลขณะกำลังใช้ผ้าพันทบไปมา รู้สึกแปลกอยู่ในหัวใจยิ่งนัก ที่เห็นเขาปฏิบัติต่อกันอย่างอ่อนโยน ราวหล่อนเป็นคนรักก็ไม่ปาน
“ทะ..ทำไมไม่ทายาแก้ปวดด้วยคะ”
หญิงสาวรีบเอ่ยแก้เก้อ เมื่อเขาเหลือบขึ้นมองสบตาอย่างบังเอิญ พวงแก้มสาวแดงระเรื่อราวผลมะเขือเทศสุกขึ้นมาในทันใด เมื่อสายตาคมกล้าของเขาสบประสานเข้ากับนัยน์ตาชวนฝันอยู่ชั่วครู่ ไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังคิดเช่นไร ความขวยเขินทำให้ดวงตาคู่หวานต้องเสมองไปทางอื่น เพื่อหลบหลีกรอยยิ้มเล็กๆ ที่กำลังผุดขึ้นมาบนใบหน้าของคมคร้าม การที่เขามาในอาการนี้ทำให้หล่อนถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว
“หากทายาตอนนี้จะทำให้ข้อมือของคุณอักเสบมากขึ้น เพราะว่ารอยเจ็บยังใหม่อยู่ ไม่จำเป็นก็อย่าไปสัมผัสและนวดคลึงบริเวณนั้นมาก แค่ใช้น้ำแข็งประคบเอาเป็นระยะก็พอ พอพรุ่งนี้เช้าคุณก็เปลี่ยนมาเป็นน้ำอุ่นแทน เดี๋ยวกินยาแก้อักเสบก่อนดีกว่าผมจะเอามาให้ หากพ้นวันนี้ไปอาการเจ็บและบวมยังไม่ทุเลาลงก็รีบไปหาหมอ หมออาจให้ยาคุณมาทาร่วมด้วย”
“ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
+++++++++++