ตอนที่ 5
ความรู้สึกดีๆ
“ฉันอิ่มแล้ว จะกลับล่ะ”
ลีลาวดีรวบช้อนเข้าด้วยกัน เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังหาเรื่องแกล้งกันอีกครั้ง อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเขารีบแบบไหนกันถึงได้ยังไม่กลับไปยังฐานปฏิบัติการตามที่ได้บอกเอาไว้ หากเขารีบจริงก็คงไม่มานั่งแกล้งกันอยู่อย่างนี้แน่นอน
“ไหนคุณบอกว่ารีบทำไมยังนั่งใจเย็นอยู่ได้ จริงๆ คุณมันก็เจ้าเล่ห์จนคนอื่นตามไม่ทันเหมือนกันแหละ”
“จริงๆ แล้วมันเป็นแผนของผมเอง ผมรีบ แต่ไม่รีบมาก ผมไม่อยากทำตามความต้องการของคุณแม่ เลยหาเรื่องที่จะไม่อยู่ใกล้คุณ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าการวิ่งหนีของผม จะหนักยิ่งว่าการไปทานข้าวกับคุณที่ร้านอาหารเสียอีก”
“คิดว่าฉันอยากอยู่ใกล้คุณนักรึไง…เหอะ”
หญิงสาวทำหน้าเชิดพร้อมริมฝีปากที่ยื่นออกมาอย่างไม่พอใจ เมื่อรู้สึกว่าเขาพูดไม่เข้าหูเอาเสียเลย ไม่ชอบที่เขาบอกว่าไม่อยากอยู่ใกล้ตน ทั้งที่ความจริงน่าจะเป็นหล่อนที่พูดคำนี้ออกมาก่อนมากกว่า การที่เขาชิงพูดขึ้นมาก่อนทำให้หล่อนรู้สึกเสียหน้าอย่างบอกไม่ถูก
“ก็ดีแล้วที่คุณคิดแบบนั้น เพราะคนอย่างผมไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่นัก บางทีเบื้องหลังของผมอาจจะไม่สวยหรูอย่างที่หลายๆ คนคิดก็ได้ หากได้มารู้จักและใกล้ชิด สาวๆ ที่เคยคลั่งไคล้อาจจะวิ่งหนีกลับบ้านไปแทบไม่ทัน”
ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ลีลาวดีถึงกับยกนิ้วให้เมื่อรู้สึกชอบใจในคำพูดของเขายิ่งนัก เสียงหัวเราะของหล่อนทำให้อีกฝ่ายรู้ได้ทันทีว่าเรื่องที่ไม่น่าพิสมัยในตัวเขานั้นคืออะไร
“ผมรู้นะว่าคุณคิดอะไร คุณกำลังจะบอกว่าผมปากหมาใช่มั้ยล่ะลิลลี่”
“เปล๊า ฉันแค่ชอบใจ ที่คุณเป็นคนยอมรับความจริง” หญิงสาวทำท่ายักไหล่ ก่อนนั่งเอามือเท้าคางแล้วฉีกยิ้มมาให้เขาจนตาหยี
“มันไม่ได้ต่างกันเลยนะลิลลี่ ผมอยากให้มองในประเด็นอื่น ไม่ใช่เรื่องนิสัยของผม มองไปในเรื่องงานได้ไหม”
“ก็นี่ไงที่ฉันหมายถึง และฉันก็เป็นคนหนึ่งล่ะที่จะไม่ขอมีแฟนอาชีพแบบคุณ วันๆ อยู่แต่ป่ากับจับปืน ถามจริงๆ คุณไม่เบื่อบ้างเลยเหรอ”
“มันคืออาชีพของผม ผมเลือกเดินมาเส้นทางนี้ก็เพราะใจรัก แล้วจะเบื่อกับงานของตัวเองทำไมกัน หากผมเบื่อก็คงลาออกไปนานแล้ว ผมชอบที่จะเปิดโปงคนไทยที่กระทำผิดให้สังคมได้รับรู้ อยากกวาดล้างให้สิ้นซากไป แต่ก็ยากเหลือเกิน”
หญิงสาวสังเกตเห็นแววตาที่ฉายแววมุ่งมั่นและจริงจังของเขาแปรเปลี่ยนเป็นหวั่นวิตกอย่างเห็นได้ชัด คล้ายมีเรื่องไม่สบายใจซ่อนอยู่ แต่พยายามปกปิดเอาไว้
“ทำไมคุณถึงเลือกลง ตชด. ไม่ไปเป็นทหารเรือ หรือไม่ก็ทหารอากาศ ฉันว่าดูเท่ห์ดี…หรือเปล่า ฉันแค่ฟังๆ เขามาน่ะ ว่าสาวๆ ชอบทหารเรือ”
“ผมไม่ชอบขีดจำกัดของกองทัพ หากไปสายทหาร เมื่อจับกุม
ผู้กระทำผิดได้ ก็ทำได้แต่ส่งเรื่องต่อให้ตำรวจไปดำเนินการด้านศาลต่อ แต่หน่วยงานของผมสามารถจับกุมและดำเนินคดีได้เลย นี่แหละคือความแตกต่างของสองเหล่าทัพ ตชด.สามารถปราบปรามอาชญากรได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถรบได้อย่างทหาร ทูอินวันไงครับ”
“ฉันก็เพิ่งรู้ เพราะแต่ก่อนไม่ค่อยได้ใส่ใจกับสายอาชีพเหล่านี้เท่าไหร่นัก เห็นใส่ชุดลายพรางไปออกรบ ก็นึกว่าเป็นคนของกองทัพ สังกัดเดียวกัน”
“หลายคนก็คิดแบบคุณ พวกผมมักถูกลืม อาจจะเป็นเพราะทหารมีกองกำลังรบ และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีกว่า ก็เลยดูเหมือนออกหน้าอยู่ตลอด”
“ฉันเคยดูข่าว สมเด็จพระเทพฯ ท่านทรงเสด็จไปเยี่ยมฐาน ตชด.อยู่บ่อยๆ ท่านคงเล็งเห็นความยากลำบากของพวกคุณ”
“ท่านทรงรับช่วงดูแลต่อจากสมเด็จย่า ที่คอยเป็นห่วงเป็นใย และคอยสนับสนุนในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ ตชด. เป็นสิ่งที่พวกผมซาบซึ้งใจมาก และทำให้มีกำลังใจมาถึงทุกวันนี้ รู้สึกว่าที่ทำทุกอย่างเพื่อแผ่นดินนั้นไม่ได้สูญเปล่า เพราะท่านทรงมองเห็น หลายๆ คนยังไม่รู้ว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่นั้นลำบากมากแค่ไหน เวลาที่ต้องไปลาดตระเวน ไปเฝ้าเส้นทางการลำเลียงยาเสพติดเพื่อหาข่าว หรือพวกก่ออาชญากร พวกก่อการร้ายที่ฝังตัวอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดน บางทีไปเฝ้าข้ามวันข้ามคืน แต่ไม่ได้เบาะแสอะไรก็มี”
“ดูแล้วไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าคุณจะไปอยู่ได้”
“ผมเองมักถูกมองด้วยสายตาดูถูกมาตลอด ตั้งแต่สอบเข้าโรงเรียนนายร้อยแล้ว ทุกคนมองว่าผมเข้าเรียนได้เพราะอาศัยเส้นคุณพ่อ ทุกวันนี้คนก็ยังมองว่า ผมอาศัยใบเบิกทางของคุณพ่อเพื่อ
ความก้าวหน้าในการงาน”
“แม้ทุกคนจะมองอย่างนั้น หากเป็นฉัน ฉันจะไม่ใส่ใจหรอก ดีชั่วอย่างไรใจย่อมรู้ดี”
“อืม…”
“แต่สาวๆ แถวนี้รู้สึกจะกรี๊ดกร๊าดคุณกันน่าดู”
“ช่างเถอะ ผมไม่สนใจเรื่องพวกนั้นหรอก”
“ขี้จุ๊…”
“บ่นอะไร ผมอ่านปากคุณออกนะ”
“เปล่านี่คะ”
ลีลาวดีอมยิ้มขณะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนลุกออกจากเก้าอี้เมื่อดูเวลาแล้วนึกขึ้นมาได้ว่าสมควรจะกลับได้แล้ว เพราะหล่อนใช้เวลาที่นี่ไปมากพอดู จากบทสนทนาทำให้ดูเหมือนว่าเขาและหล่อนจะเข้ากันได้ดี เลยทำให้ติดพันยาวจากเดิมที่คิดว่าจะรีบทานแล้วรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด
ชายหนุ่มลุกเดินตามมาส่งที่รถ ตามมารยาทที่พึงกระทำเมื่อแขกจะกลับ หญิงสาวไม่วายมองสำรวจไปรอบๆ บ้าน การตกแต่งแบบเรียบง่ายสะท้อนตัวตนของทุกคนในบ้านได้เป็นอย่างดี ว่าชอบที่จะใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดา ชอบความเรียบง่ายมากกว่าการยึดถือยศถาบรรดาศักดิ์ที่เป็นเพียงแค่หัวโขนสวมอยู่เท่านั้น
“หากคุณอยากวาดรูปจริงๆ ไม่ต้องไปทางเหนือให้เสียเวลาหรอก ผมอยากแนะนำที่หนึ่งซึ่งสวยมาก ไม่แพ้บรรยากาศทางภาคเหนือ เป็นของเพื่อนผมเอง สนใจก็ลองหาโอกาสไปเที่ยวที่ฟาร์มโอภาวัฒน์ดู อยู่แถวสระบุรีใกล้แค่นี้เอง มีทั้งน้ำตกและทุ่งกว้าง ไร่ดอกไม้ ให้คุณเลือกได้ตามสบาย หรืออีกที่หนึ่งก็คือ อันดามัน เพิร์ล รีสอร์ท เป็นของเพื่อนผมที่อยู่อเมริกามาเปิดฟาร์มโคนม กำลังใหม่เลยเพราะเพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน ที่ผมแนะนำเพราะเห็นว่าหากเป็นคนรู้จักกันคุณอาจจะได้สิทธิ์พักฟรี หากต้องการไปอยู่ที่นั่นหลายวัน”
“น่าสนใจดีนี่ ฉันขอเข้าไปดูโลเกชั่นในเว็ปไซด์ก่อนว่ามีมุมโรแมนติกให้ฉันวาดบ้างไหม ไม่ใช่ว่าฉันชอบของฟรีหรอกนะ เดี๋ยวคุณจะแอบคิดว่าฉันงก คุณยิ่งมองฉันในแง่ร้ายอยู่ด้วย”
“ผมยังไม่ได้คิดอะไรเสียหน่อย ลองดูก็แล้วกัน”
“ฉันขอตัวกลับก่อนนะ หวังว่าการพบกันคราวหน้า คงไม่ได้เกิดขึ้นเพราะแผนการของคุณแม่คุณ และคุณแม่ของฉันอีก ฉันอยากให้เรามาพบกันเพราะความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนเท่านั้น”
“ผมเองก็เชื่อว่าไม่มีอะไรยั่งยืนไปกว่าสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน”
“ไม่เอาดีกว่า ฉันท์พี่น้องสิ มันถึงจะถูก ฉันไม่อยากแก่”
“เรื่องของคุณ สักวันคุณก็ต้องแก่อยู่ดี คุณห้ามกาลเวลาให้หยุดหมุนไม่ได้หรอกลิลลี่”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก เมื่อใบหน้าของไอรดาเพื่อนของเขาลอยเด่นขึ้นมา ในอดีตเขาเคยชอบหล่อนมาก่อน แต่เมื่อหล่อนแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากให้ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนแปรเปลี่ยนไป เขาเลยหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น ยิ่งรู้ว่านรบดีเพื่อนของเขากำลังทำคะแนนล่าหัวใจของหล่อนอยู่เขาเลยหลีกทางให้ เพื่อให้เพื่อนได้สมหวังในรักและไม่อยากแตกคอกัน เขาเชื่อว่าหากคนเราไม่ได้เกิดมาเป็นคู่กัน ให้พยายามอย่างไรก็ไม่มีวันที่จะมาร่วมทางเดินกันได้
“อะแฮ่ม คุยอะไรกันจ๊ะ จะกลับแล้วเหรอหนูลิลลี่”
“คุณแม่! กลับมาตอนไหน”