ณ ห้องพักอาจารย์
มาเวลนั่งหัวเสียอยู่ที่คอนโดหรูในใจคิดไปถึงเหตุการณ์ เมื่อช่วงบ่ายเขาก็ยิ่งเดือดดาดไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าวุ่นวายขัดขวางเขาเท่ากับชีอาร์เลยสักครั้ง หลายปีที่ผ่านมาเขาเป็นที่ต้องการของสาวๆ ในมหาวิทยาลัยไม่น้อยแต่พอเขามาเจอจอมขวัญสาวน้อยตัวเล็กหน้าตาน่ารัก หัวใจของเขาก็หวั่นไหวไม่น้อย
เขาชอบรอยยิ้มอ่อนโยนที่หญิงสาวมักจะยิ้มให้กับชีอาร์เสมอยามที่พวกเธอนั่งคุยกันเพียงสองคน เขาอยากเข้าไปทักทายพูดคุยกับจอมขวัญแต่เขาก็ไม่เคยมีโอกาสสักครั้ง เกือบปีแล้วที่เขาเจอจอมขวัญแต่เขาก็ไม่สามารถเข้าถึงตัวเธอได้เลยสักครั้ง “ยัยเด็กบ้า” ความผิดพลาดทุกอย่างมันเกิดเพราะผู้หญิงจอมจุ้นจ้านเพียงคนเดียวเท่านั้น หากไม่มีชีอาร์อยู่ข้างกายจอมขวัญเขาก็คงจีบเธอติดไปแล้ว ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโมโหเมื่อนึกถึงใบหน้าสวยคมแต่อวดเก่งถือดีปากจัดไม่มีใครเกิน
มาเวลได้แต่แปลกใจกับสิ่งที่เขาสัมผัสได้ เขาดูก็ออกว่าจอมขวัญและชีอาร์ต่างก็เป็นคนไทยเพียงแต่ชีอาร์เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เพราะสีผมของเธอเป็นสีดำมันขับให้ดวงตาเป็นสีน้ำตาลเข้มเหมือนอย่างจอมขวัญทุกอย่างแต่ทำไมกริยามารยาทความสุภาพอ่อนหวานถึงไม่มีในตัวเธอกัน ด้วยรูปร่างที่แตกต่างกันนี่เองถึงทำให้เขารู้ว่าชีอาร์เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เพราะก่อนหน้านั้นเขาคิดว่าชีอาร์เป็นสาวไทยร้อยเปอร์เซ็นต์แต่พอเขามาเจอจอมขวัญนี่แหละความคิดที่ว่าชีอาร์เป็นสาวไทยก็เริ่มลดลงแล้วไม่ให้เขาแปลกใจได้ยังไง
ในเมื่อจอมขวัญสูงแค่ร้อยห้าสิบแปดในขณะที่ชีอาร์สูงถึงร้อยเจ็ดสิบชายหนุ่มรู้มาว่าส่วนใหญ่แล้วสาวไทยจะรูปร่างเล็กดูบอบบางน่าทะนุถนอมซึ่งมันต่างกับชีอาร์มากตอนที่เขายืนอยู่กับชีอาร์เธอสูงเกือบเท่าเขาเลยทีเดียวมาเวลนึกถึงส่วนสูงของตัวเองแล้วก็ต้องหงุดหงิดเพราะเขาสูงกว่าชีอาร์เพียงแค่สิบเจ็ดเช็นติเมตรเองเขาว่าเขาสูงแล้วเพราะเขาสูงถึงร้อยแปดสิบเจ็ดเช็นติเมตร ส่วนชีอาร์สูงถึงร้อยเจ็ดสิบเช็นติเมตรแต่พอเขาคิดไปถึงจอมขวัญสาวน้อยตัวเล็กของเขาแล้วก็ต้องอมยิ้มเพราะเมื่อเทียบกับเขาแล้วเธอคงอยู่เพียงระดับอกเขาเท่านั้น
“คิดอะไรอยู่วะมาเวล” เสียงเข้มเอ่ยเรียกเพื่อนรักเบาๆ แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อมาเวลยังคงนิ่งเฉยกับเสียงเรียกของเขา ใบหน้าคมเริ่มบึ้งอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าเพื่อนยังนั่งเฉยไม่สนใจกับการปรากฏตัวของเขา “มาเวล!”
“เฮ้ย...อะไรวะ” มาเวลถึงกับตื่นจากภวังค์เงยใบหน้าขึ้นมามองแขกไมได้รับเชิญอย่างไม่สบอารมณ์
“ทำไมแกจะต้องตะโกนด้วยวะพอล” มาเวลเอ่ยถาม ‘พอล’ หรือธนพัฒน์ ไดมอนเรสอย่างไม่ชอบใจนักกับการที่อีกฝ่ายเข้ามาเงียบๆ แบบนี้แถมยังตะโกนใส่หน้าเขาอีก
“ฉันเรียกนายนานแล้วนะมาเวล เป็นอะไรไปวะสีหน้านายดูเหมือนคนอมทุกข์ซะขนาดนั้น” ธนพัฒน์มองอาการของเพื่อนแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้หลายปีที่ผ่านมา...มาเวลไม่เคยเป็นแบบนี้แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมชายหนุ่มถึงได้ทำหน้าทำตาเหมือนคนอมทุกข์ขนาดนี้
“ฉันกำลังเครียดวะ ฉันตามจีบผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง” มาเวลสารภาพออกมาตรงๆ
“แล้วไง” เขายังไม่เข้าใจกับคำพูดของเพื่อนมากนักแต่พอมาเวลพูดต่อจากนั้นต่างหากที่ทำให้เขาถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน เท่าที่เขารู้มาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนรอดมือเพื่อนของเขาไปได้เลยสักคนแล้วสาวน้อยนางนี้เป็นใครกันถึงทำให้มาเวล เฟอร์เรนถึงกับนั่งเครียดได้
“ฉันตามจีบผู้หญิงไทยอยู่คนหนึ่ง เธอดูสวย น่ารัก อ่อนโยนและที่สำคัญตัวเล็กเหมือนกับตุ๊กตาบาบี้เลย”
“ผู้หญิงไทยเหรอวะมาเวล” เพราะก่อนหน้านี่เขาเคยได้ยินมาเวลพูดกับเพื่อนในกลุ่มว่าชาตินี้เขาจะไม่ขอเลือกผู้หญิงไทยมาเป็นแฟนอย่างแน่นอนแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกมาเวลถึงได้ไปพลาดตกหลุมรักสาวไทยขึ้นอีก
“ใช่...เธอชื่อจอมขวัญ อนันต์พิสุทธิ์ แต่ฉันเรียกฮันนี่”
“หืมม์...แกเรียกจอมขวัญว่าอะไรนะ” สำหรับธนพัฒน์แล้วการเอ่ยชื่อของจอมขวัญนับว่าไม่ใช่เรื่องยากเพราะว่ามารดาของเขาเป็นคนไทย เขาจึงเรียนภาษาไทยเพิ่มไปด้วยอีกภาษาหนึ่ง แต่สิ่งที่เขาแปลกใจคือมาเวลเรียกจอมขวัญว่า ‘ฮันนี่’ ต่างหาก
“ฉันเรียกจอมขวัญว่าฮันนี่” มาเวลทวนคำให้เพื่อนฟังอย่างหงุดหงิด
“แกไปเรียกจอมขวัญว่าฮันนี่เธอว่าไม่ว่าแกเอาเหรอ” ธนพัฒน์ถามอย่างสนใจ ผู้หญิงคนไหนที่มาเวลเรียกว่าฮันนี่ก็นับว่ามีความสำคัญไม่น้อยทีเดียวแต่ที่เขาสงสัยทำไมมาเวลถึงมานั่งหน้าเครียดอยู่แบบนี้ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นก็ยินดีให้เพื่อนเขาเรียกว่าฮันนี่...
“ก็ว่าสิวะ ฉันเจอจอมขวัญขอร้องไปหลายครั้งว่าอย่าเรียกเธอแบบนั้น แต่ที่ฉันเจ็บใจมากที่สุดก็ยัยชีอาร์นั่นมากกว่า วุ่นวายจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง” พอนึกถึงใบหน้าสวยคมดวงตาเจ้าเล่ห์ของชีอาร์ มาเวลก็รู้สึกเจ็บใจแน่นหน้าอกจนแทบหายใจไม่ออกเพราะความโมโห
“สรุปว่าจีบไม่ติดว่างั้น”
“ถ้าไม่มียัยชีอาร์นั่นฉันก็คงจีบจอมขวัญติดไปแล้ว” มาเวลถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ
“ฉันอยากจะเห็นแม่ฮันนี่ของแกแล้วสิมาเวลว่าจะน่ารักอย่างที่แกบอกหรือเปล่า”
“ไอ้พอล...อย่าแม้แต่จะคิดจะเว้ย” มาเวลเริ่มใจคอไม่ดีขึ้นมาเมื่อเห็นสายตาเจ้าเล่ห์แบบนี้ของธนพัฒน์
“คนนี้ห้ามแตะนะพอล ฉันชอบจอมขวัญจริงๆ” เขาดักคอเพื่อนอย่างรวดเร็วยิ่งเห็นอาการตื่นเต้นของธนพัฒน์เขาเริ่มรู้ทันทีเลยว่าธนพัฒน์จะเริ่มเล่นเกมกับเขาอีกแล้ว
“มาเวล...ฉันจะจีบแม่ฮันนี่น้อยของแกด้วยคนวะเดิมพันเหมือนเดิมนะเว้ยใครแพ้ก็จะต้องเสียเฟอร์รารี่คันที่แกและฉันขับทันที”
“ครั้งนี้ฉันไม่เล่นเกมกับแกได้ไหมวะพอล” มาเวลเริ่มกังวลกับความปลอดภัยของจอมขวัญขึ้นมาทันทีหากไม่มีธนพัฒน์เขาก็คงจะรู้สึกดีกว่านี้
“ฉันสงสารจอมขวัญเขา”
“แกไม่กล้าหรือยังไงมาเวล”
“ฉัน...”
“ไม่กล้าก็บอกมาเถอะ เมื่อก่อนไม่เห็นแกเป็นแบบนี้เลยนี่นา ครั้งนี้เกิดกลัวแพ้ฉันหรืออย่างไรกัน”
“ได้...ฉันรับคำท้าจากนายแต่ฉันมีเรื่องจะขอร้องนายหน่อยได้ไหมพอล”
“นายจะขอร้องอะไรฉัน” ธนพัฒน์เอ่ยถามมาเวลอย่างสงสัยกับท่าทางเปลี่ยนไปของเพื่อน
“นายกับฉันแค่แข่งกันจีบจอมขวัญเพียงอย่างเดียว ห้ามนายล่วงเกินจอมขวัญเด็ดขาด”
“ทำไมวะ ฉันไม่เข้าใจ ในเมื่อแข่งกันจีบจอมขวัญผลกำไรที่ได้นอกจากเฟอรารี่ฉันว่ามันก็คุ้มและสนุกนี่นามาเวลบางทีผู้หญิงที่ชื่อจอมขวัญอาจชอบก็ได้ใครจะรู้” ธนพัฒน์บอกอย่างอารมณ์ยิ่งมาเวลเป็นห่วงและกังวลผู้หญิงที่ชื่อจอมขวัญมากแค่ไหนเขาก็ยิ่งชอบ
“ฉันสงสารจอมขวัญเขา” มาเวลบอกเสียงเครียดทีเดียว
“ตอนนี้ไม่ทันแล้วล่ะมาเวล พรุ่งนี้นายกับฉันจะเริ่มต้นแข่งกันจีบจอมขวัญ กำหนดเวลาในการจีบฉันว่าสองเดือนก็พอแล้ว”
“ฉันว่าสามเดือนดีกว่า”
“โอเคสามเดือนก็สามเดือนงั้นวันนี้ฉันกลับก่อนก็แล้วกัน เจอกันพรุ่งนี้ที่มหาวิทยาลัยนะมาเวล”
ธนพัฒน์พูดจบก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกมาจากคอนโดของมาเวลอย่างมีความสุขเกือบปีแล้วที่เขาและมาเวลไม่ได้เล่นเกมจีบสาวกัน เห็นทีพรุ่งนี้คงจะสนุกไม่น้อย
มาเวลจ้องจนร่างของธนพัฒน์เดินหายออกไปจากห้อง ชายหนุ่มรู้สึกกังวลเป็นห่วงจอมขวัญไม่น้อยเขาจะอย่างไรกับปัญหาในครั้งนี้ดีเขาจะทำอย่างไรให้จอมขวัญรอดพ้นจากเงื้อมมือของเพื่อนเขาไปได้ หากเขาจีบเธอไม่ติดงานนี้คนที่จะเสียใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นจอมขวัญและคนที่รู้สึกเสียใจเจ็บปวดก็คงหนีไม่พ้นเขาที่ดันโง่รับปากเล่นเกมครั้งนี้ไป
//////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...