“คะ...คือเรื่องสำคัญค่ะ ต้องคุยกับคุณยศคนเดียวเท่านั้น” มะลิลาบอกแล้วเดินหลบเลี่ยงจากหล่อนเพื่อจะผ่านเพณิตาไปยังห้องทำงานของพัดยศ แต่ก็ถูกมือเล็กของอีกฝ่ายคว้าแขนกระตุกเหวี่ยงเต็มแรงจนเสียหลักล้ม
โอ๊ย!
กระเป๋าที่สะพายมาหลุดจากไหล่จนข้าวของข้างในกระเป๋ากระจัดกระจายออกมานอกกระเป๋า มะลิลารีบกวาดข้าวของที่กระจัดกระจายเข้ากระเป๋า ส่วนที่ทดสอบการตั้งครรภ์ที่จะนำมาให้พัดยศดูกระเด็นไปอยู่ที่ข้างเท้าของเพณิตาจนทำให้หล่อนเห็นแล้วก้มลงเก็บขึ้นมาดู
“เนี่ยเหรอธุระสำคัญที่ว่ายัยเด็กโง่!” เพณิตาหยิบที่ทดสอบการตั้งครรภ์มาดูแล้วกำแน่นโน้มตัวก้มหน้าลงไปถามคนที่นั่งอยู่กับพื้นเงยหน้าขึ้นมองตัวเอง
“เอาคืนมานะคะ” เธอยื่นมือไปขอที่ทดสอบการตั้งครรภ์จากเพณิตา
“ฉันจะบอกหล่อนให้นะ ถึงเธอจะท้องลูกของพี่ยศ พี่ยศเขาก็ไม่ยินดีกับเธอหรอก และพี่ยศเขาไม่ต้องการเธอกับลูกด้วยยัยเด็กโง่” เพณิตายืดตัวเงยหน้าแล้วก็ยกเท้าเหยียบมือเล็กที่กำสายกระเป๋าที่ตกกับพื้นแน่นแล้วบดขยี้ส้นรองเท้ากับมือของหญิงสาวที่อายุอ่อนกว่าตัวเองห้าปี
โอ๊ย!
“เจ็บค่ะ!” มะลิลาบอกเสียงสั่นพร้อมน้ำตาไหลอาบสองแก้มและพยายามดึงมือออกจากส้นรองเท้าส้นสูงของอีกฝ่าย แต่เหมือนว่าพยายามเสียเปล่า
“หึหึ...น่าสมเพช!” เพณิตายกเท้าที่เหยียบมือของอีกฝ่ายขึ้นก็เห็นหลังมือของเธอแดงช้ำเลือดแล้วยกยิ้มสะใจแล้วปาที่ทดสอบการตั้งครรภ์ใส่หน้าหล่อน
โอ๊ย!
มะลิลาร้องเจ็บเมื่อที่ทดสอบการตั้งครรภ์กระแทกเข้ากับหน้าตัวเองอย่างไม่ทันตั้งตัว
“สมน้ำหน้า! เอามันกลับไปซะ และอย่ามาเหยียบที่นี่อีก ถ้าฉันยังอยู่ก็อย่าหวังว่าจะได้บอกเรื่องนี้กับพี่ยศ อ้อ...กลับไปอยู่หอคอยของเธอซะยัยมะลิลา กลับไปนอนกอดทะเบียนสมรสรอวันหย่าและอุ้มท้องลูกของพี่ยศเงียบๆ ในที่ของเธอซะ ไป!” พูดจบหล่อนก็จับขยับชุดของตัวเองให้เข้าที่แล้วถือถาดกาแฟที่วางไว้ก่อนหน้านี้เดินจากไป ทิ้งให้มะลิลานั่งร้องไห้สะอื้นอยู่คนเดียวกับพื้น
อึก! ฮือๆ
“พวกคนใจร้าย!” มะลิลาดันตัวเองลุกขึ้นพร้อมกับหยิบที่ทดสอบการตั้งครรภ์ที่ถูกปาใส่หน้าเก็บเข้าในกระเปาแล้วมองไปทางที่เพณิตาเดินไป ก่อนจะยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาแล้วก็ร้องเจ็บหลังมือที่ถูกส้นรองเท้าส้นสูงของอีกฝ่ายบดขยี้
อึก! ฮือๆ
มะลิลาเดินย้อนกลับทางเดิมทั้งน้ำตา ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าที่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ของเธอและไม่ใช่ตั้งแต่แรกแล้ว พัดยศไม่เคยสนใจเธอ และไม่คิดจะให้เธอมีตัวตนอยู่ข้างเขาเสียด้วยซ้ำ เขามันใจร้ายเหลือเกิน
อึก! ฮือๆ
เพณิตาเดินยิ้มแย้มเข้ามาในห้องทำงานของแฟนหนุ่มตามปกติ ทำเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นและไม่ได้เจอใครมา เธอเดินมาวางถาดกาแฟไว้บนโต๊ะทำงานของพัดยศ
“ทำไมไปนานจังครับ” พัดยศเงยหน้าจากเอกสารตรงหน้าถามแฟนสาว
“พอดีกี้คุยกับพนักงานของพี่ยศเพลินน่ะค่ะ”
“อ้อ...เบื่อไหมที่ต้องมาเฝ้าพี่ทั้งวันแบบนี้”
‘เบื่อ! เบื่อมาก’ เธอตอบในใจ แต่ก็แสร้งยิ้มตอบตรงข้ามกับเสียงที่พูดในใจว่า...
“ไม่ค่ะ กี้มีความสุขที่ได้มานั่งมองพี่ยศทำงาน”
“ขอบคุณนะครับ อีกไม่นานเราสองคนจะได้อยู่ด้วยกัน อีกไม่นาน รอหน่อยนะกี้” พัดยศบอกแฟนสาวแล้วก็หยิบถ้วยกาแฟในถาดที่เพณิตาเพิ่งวางไว้ขึ้นมาจิบดื่ม
“ไม่มีใครชงกาแฟถูกปากพี่ได้เท่ากี้แล้ว ขนาดคุณเพชรพร เลขาของพี่ก็ยังชงไม่ถูกปากพี่เลย”
“กาแฟหรือคนชงคะที่ถูกปาก”
“ทั้งสองครับ” เขายิ้มหวานให้เธอและเธอก็ส่งยิ้มให้เช่นกัน
“กี้ไปนั่งรอตรงนั้นนะคะ”
“ครับ”
แล้วพัดยศก็สนใจงานตัวเองต่อ ส่วนเพณิตาก็ไปนั่งเล่นโทรศัพท์รอแฟนหนุ่มเพื่อรอเวลาให้เขาเลิกงานพาตัวเองไปทานดินเนอร์มื้อค่ำสุดหรู
อึก! ฮือๆๆ
มะลิลาร้องไห้ไม่หยุดตั้งแต่ออกมาจากบริษัทของพัดยศ เธอขับรถไปทั้งน้ำตาพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ของเธอที่วางไว้ที่เบาะนั่งข้างๆ สั่นเตือน
ฮือๆๆ
“พะ...พี่หิน...” เธอรับสายพร้อมเรียกชื่อคนปลายสายเสียงสั่นเครือแล้วเอียงแก้มที่เปื้อนน้ำตาเช็ดกับหัวไหล่ตัวเองไปด้วย
“หอมเป็นอะไรหอม บอกพี่มา ใครทำหอมร้องไห้” หัสดินถามน้องสาวอย่างร้อนรน
“อึก! ฮือๆๆ พะ...พี่หิน หอมเจ็บ อึก! ฮือ…” มะลิลาพูดได้แค่นี้ เพราะไม่กล้าบอกว่าเจ็บเพราะอะไรและเจออะไรมาก่อนหน้านี้
“ไอ้ยศใช่ไหมหอม ไอ้ยศมันทำอะไรน้อง” เสียงเข้มส่งมาทางปลายสาย เพราะมีคนเดียวที่ทำให้น้องสาวที่รักของตัวเองร้องไห้ได้ในเวลานี้
“ฮือๆๆ มะ...ไม่เกี่ยวกับคุณยศค่ะพี่หิน อึก! มะ...ไม่เกี่ยวกับคุณยศ อย่าไปทำอะไรเขานะคะพี่หิน อึก! ว้าย! กรี๊ด...” แล้วเธอก็ร้องตกใจเมื่อมองถนนข้างหน้าแล้วเห็นรถยนต์ที่วิ่งสวนเลนตัวเองมาจนต้องทิ้งโทรศัพท์ในมือหักพวงมาลัยรถหลบพร้อมเบรกกะทันหัน
เอี๊ยด!
เสียงเบรกลากล้อพร้อมกับรถจอดสนิท มะลิลาก็ฟุบหน้าไปกับพวงมาลัยรถปล่อยเสียงสะอื้นไห้ออกมาโดยลืมสนใจว่ามีพี่ชายตัวเองรออยู่ในสาย
ฮือๆๆๆ
“หอม! หอม! หอมเป็นอะไร หอมอยู่ไหน บอกพี่มา พี่จะไปหา หอม! โธ่เว้ย!” หัสดินเรียกน้องสาวเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตอบจนหงุดหงิดโมโหแล้วเดินออกไปสั่งเลขาของตัวเองให้ตามหาน้องสาวตัวเอง เพราะเมื่อกี้เขาได้ยินเสียงแตรรถ น้องสาวไม่ได้อยู่บ้านแน่นอน พอสั่งเลขาเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในห้องทำงานของตัวเองเพื่อหยิบกุญแจรถยนต์จะออกไปขับรถตามหาน้องสาวพร้อมกับโทรหาผู้เป็นพ่อด้วยว่าตอนนี้น้องสาวกำลังตกอยู่ในอันตรายน่าเป็นห่วง ทางหงสาเองพอได้ทราบจากลูกชายก็สั่งคนของตัวเองออกตามหาลูกสาวคนเล็กของตัวเองเช่นกัน