ลุ่มหลง : EP4

1793 Words
CHAPTER 2 ในคืนวันศุกร์ฉันออกมาที่ร้านนั่งชิลล์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโด ไม่ได้ชวนเพื่อนไม่ได้ชวนใคร เพราะหากมีเพื่อนอยู่ด้วยไม่รู้จะคลายเครียดหรือเครียดกว่าเดิม วุ่นวายฉิบหายเลยแต่ละคน ฉันแค่อยากอยู่เงียบ ๆ กับตัวเอง แต่ไม่ใช่การอยู่คอนโดนะ แบบนั้นมันเงียบเกินไป อยากได้รับบรรยากาศใหม่ ๆ ด้วย นั่งมองนั่นมองนี่กินอาหารอร่อย ๆ คู่ไปกับการดื่มค็อกเทล เพียงเท่านี้ก็รู้สึกสบายในใจขึ้นมา ฉันหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมากดเช็กอินไปตามที่ชอบทำ รีวิวร้านให้เขาฟรีเพราะชอบมาก ทุกอย่างดีไปหมดเลย นอกจากปัจจุบันจะเป็นนักศึกษาคณะบริหารปี 3 แล้ว ฉันยังรับรีวิวรับโพรโมตในเฟซส่วนตัว เพื่อน ๆ ชอบแซวว่าฉันน่ะเน็ตไอดอล เอาจริงก็ไม่ได้อยากใช้คำนี้เลยนะ แต่เพราะเมื่อตอนที่ฉันเรียนมัธยมต้น ฉันชอบพูดว่าอยากเป็นเน็ตไอดอลตามแบบคนอื่น ๆ พอโตขึ้นฉันก็คิดได้ว่าฉันไม่เหมาะกับคำนั้นหรอก ไม่มีอะไรที่จะเป็นไอดอลให้ใครได้ เพียงแต่ผู้ติดตามในเฟซเยอะ ที่เยอะขึ้นมาได้ก็เนื่องจากว่าตอนมัธยมฉันพยายามมากที่จะได้เป็น หมั่นถ่ายคลิปถ่ายรูปในแบบที่คิดว่าสวยที่สุดลงอยู่บ่อย ๆ กระทั่งจบมัธยม 6 มีคลิปหนึ่งซึ่งเป็นคลิปตอนกินเลี้ยงลากัน พวกเราเมาโดยไร้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็คือไม่ได้แตะเครื่องดื่มมึนเมาแต่กลับเต้นได้รั่วมากยิ่งกว่าคนเมาเสียอีก คลิปนั้นถูกแชร์เยอะ ผู้ติดตามก็เยอะตามมา ฉันถึงได้รู้ว่าไม่ต้องห่วงสวยคนก็ชอบ บางคนก็ชอบแปลก ๆ นั่นแหละ และการที่มีคนติดตามในโซเชียลเยอะ ๆ ก็สามารถทำให้หารายได้ได้ด้วย “ขอพิงค์เลดี้อีกแก้วค่ะ” ฉันบอกกับบริกรที่กำลังจะเดินผ่านไป หลังจากนั้นไม่นานเครื่องดื่มที่ฉันสั่งก็มาวางลงบนโต๊ะ “ขอบคุณค่ะ” จังหวะเดียวกันนั้น ฉันเอี้ยวตัวไปพบกับนักศึกษาแพทย์ซึ่งอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแสนสุภาพเข้าคู่กับกางเกงยีนสีเข้ม เขาโปรยยิ้มมาแต่ไกล ฉันเบะปากคว่ำแล้วหันกลับมา “จะมาทำไมไม่บอกคะ พี่จะได้มาเป็นแฟน” สาบานว่านี่มุก “กูไปนั่งตรงนู้นนะ” เพื่อนเขาชี้ไปทางโซนด้านใน จะว่าพวกเขาตามมาก็ไม่น่าใช่ เพราะฉันบล็อกเขาไปแล้ว “เราเลิกกันแล้ว จำใส่หัวไว้หน่อยก็ดี” ตั้งแต่วันนั้นที่ฉันบอกเลิก เขายังคงตามวอแว แต่วอแวแค่ทางช่องแชตและการโทรหา ไม่ได้พบหน้ากันสักครั้ง เพราะการพบหน้าเขาให้กับอีกคน! นั่นเป็นสาเหตุให้ฉันบล็อก! “น้องมีนอยากกินอะไรเพิ่มไหมคะ พี่จะสั่งให้” เขาระบายยิ้ม “เลิกทำแบบนี้สักทีได้ป้ะ” “อย่าทำเสียงดุสิคะ มีนรู้ไหมว่าตัวเองหน้าดุ พอพูดดุ ๆ ยิ่งน่ากลัว แต่ถึงจะน่ากลัวยังไงพี่ก็ยังรักนะคะ” “ต้องให้พูดกี่ครั้งว่าเราเลิกกัน!” ฉันตะเบ็งเสียงด้วยความหงุดหงิด พูดซ้ำ ๆ ซาก ๆ จนอยากจะบันทึกเสียงไว้แล้วเปิดให้คนตรงหน้าฟัง “รู้แล้ว” พี่เต้ยิ้มเผล่ “รู้แล้วยังตามมาเพื่อ?” ถ้ารู้อย่างที่ว่ามาก็ไม่น่ามายืนอยู่ตรงนี้ “ที่มีนพูดมาน่ะพี่รู้ แต่ที่พี่พูดไปมีนไม่รู้บ้างเหรอคะ” คนพูดทิ้งสะโพกลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “พี่พูดไปกี่ครั้งแล้ว…พี่ไม่เลิกค่ะ” ฉันรู้สึกว่าในหัวตัวเองเดือดปุด ๆ จนสาดเครื่องดื่มสีหวานที่ผสมแอลกอฮอล์ใส่หน้าพี่เต้ ผู้คนรอบข้างออกอาการตกใจและมองมาที่ฉันด้วยสายตาตะลึงงัน คนถูกสาดดึงกระดาษทิชชูที่วางอยู่บนโต๊ะซับความเปียกบนใบหน้าตัวเอง หากไม่อยากเลิกกันจริง ๆ มันคงไม่เดินควงกันทั่วมหา’ลัยราวกับต้องการป่าวประกาศให้นักศึกษาทั้งม.ได้รับรู้ว่ามันทั้งคู่คบหากัน อาจเพราะอีกคนต้องการตบหน้าฉันด้วยวิธีนี้ อดีตเดือนคณะแพทย์และอดีตดาวคณะพยาบาล ใครเห็นก็ว่าเหมาะสม! มันจะเหมาะสมมากกว่านี้ถ้าไม่ใช่การคบซ้อน และเรื่องแบบนี้ฉันไม่เสียเวลาไปทะเลาะ เลิกเท่านั้น! ไม่ให้อภัย ไม่มีการฟังอะไรทั้งนั้นแหละ “พี่แค่เล่น ๆ อะมีน” “เล่น ๆ แต่ได้กันจริงอะเหรอ” พี่เต้หลุบตามองต่ำราวกับไปกล้าสบตาเพราะกลัวว่าความจริงจะหลุดออกมา ฉันไม่รู้หรอกว่าได้กันไหม แกล้งพูดไปงั้น แต่ดูจากอาการของเขาฉันก็รู้แล้ว… ได้กันแหละ “เดี๋ยวพี่สั่งพิงก์เลดี้ให้ใหม่นะ” สั่งมาใหม่แล้วไง คิดว่าฉันจะนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยอีกหรือไง “มีน” พี่เต้คว้าข้อมือฉันไว้ แววตาประกายความเว้าวอนขอร้องให้ฉันอยู่ต่อ หากฉันไม่ได้หันไปเห็นว่าคนที่มันคบเดินอยู่ที่ลานจอดรถ ฉันคงสะบัดหน้าออกไปแล้ว ไม่ยอมนั่งลงที่เดิมอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่นอน “มีนยอมฟังพี่แล้วใช่ไหม รอแป๊บนะ พี่ไปสั่งให้” หลังจากที่เขาคล้อยหลังไป ฉันให้บริกรออกไปถ่วงเวลายายนั่นไว้สักแป๊บหนึ่ง ให้ทิปเขาไปหนึ่งพันบาท ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ปลายนิ้วเคาะลงที่โต๊ะรอเวลาที่รถไฟมันจะชนกันเข้าอย่างจังอีกครั้ง เห็นยายนั่นตั้งใจประกาศตัวเยาะเย้ยฉัน ฉันจะทำบ้างคงไม่เป็นไร พี่เต้เดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับเครื่องดื่มในมือ พิงก์เลดี้ถูกส่งมาที่ฉัน รับไว้แล้วยกจิบไปนิดหน่อย ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าแก้วนี้เข้มขึ้น “ดื่มอีกนิดสิ” ฉันยกไหล่ขึ้นสูงก่อนจะดื่มเข้าไปอีก ดูเหมือนว่านอนสอนง่ายใช่ไหมล่ะ ไอ้พี่เต้ยิ้มกว้างเชียว ฮึ! ชะเง้อมองไปทางด้านหลังพี่เต้ซึ่งเป็นทางเข้า พบว่าฝ่ายนั้นกำลังเข้ามาแล้ว เธอกวาดตามองไปรอบ ๆ จนพบพี่เต้ จึงสืบเท้าก้าวเข้ามา ใบหน้าบึ้งตึงไม่สบอารมณ์ นั่นทำให้ใบหน้าของฉันมีรอยยิ้มขึ้นมาน้อย ๆ “พี่เต้มีอะไรจะพูดกับมีน พูดมาเลย” ระหว่างรอพี่เต้อ้ำอึ้ง ฉันยกแก้วขึ้นดื่มไปจนหมดแก้วแล้ววางกระแทกลงที่โต๊ะ “คือว่า…” อยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกมึนหัวขึ้นมา พยายามโกยอากาศเข้าปอดลึกแล้วพรูออกมา สองแก้วนี่เมาเลยเหรอวะ “มีนโอเคหรือเปล่า” พี่เต้ส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ ฉันยกมือทำท่าโอเคแล้วสั่งให้เขาพูดออกมา “พี่ขอโทษน้า พี่จะเลิกกับหญิง มีนอย่าเลิกกับพี่เลยนะ” ฉันอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อได้ยิน นั่นทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดคิดว่าฉันน่ะยกโทษให้เขาไปแล้ว ผิดกับคำที่ยืนฟังอยู่ รายนั้นกำหมัดแน่น “แล้วเขาจะยอมเลิกกับพี่เหรอ เห็นควงกันทั่วมอเลย” ฉันเอ่ยเสียงอ้อน ในหัวยังคงปวดตุบ ๆ “พี่ไม่ได้อยากไปไหนมาไหนกับเขาเลยนะ ที่พี่ทำแบบนั้นก็แค่ประชดมีนเฉย ๆ อยากให้มีนสนใจพี่มากขึ้น” พี่เต้ย้ายตัวเองมานั่งข้างฉันโดยที่ดวงตาจับจ้องแต่ใบหน้าฉัน เขาวางมือลงบนหน้าขาเรียวขาวซึ่งไร้เนื้อผ้า ไม่น่าใส่เดรสสั้นมาเลย! ดันมือเขาออก แต่มือเขาเหนียวเหลือเกิน ไม่ยอมปล่อยเลย “งั้นก็บอกเลิกเขาเลยสิ” ฉันพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด “พี่บอกเลิกแน่ค่ะ” มือไม้พี่เต้ลูบเลื้อยไปตามเรียวขาของฉัน ให้ตายสิ ฉันไม่ต้องการให้เขาสัมผัสตัวฉันเลยสักนิด “งั้นก็บอกเลย” ฉันมองไปทางผู้หญิงคนนั้น ไอ้พี่เต้มันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองใครเลยจึงไม่เห็นว่าเมียมันมายืนอยู่ตรงนี้และได้ยินหมดทุกอย่าง “หญิง!!!” พี่เต้เอ่ยออกมาด้วยความตกใจ “ว่าไง จะบอกเลิกหรือเปล่า” พูดจบก็เม้มปากแน่น ฉันรู้สึกร้อนรุ่มในกาย อยากกลับคอนโดให้ไวที่สุด “บอกค่ะบอก” พี่เต้หันมาสบตาฉัน มือของเขาที่ยังวางอยู่บนขานั้นบีบเบา ๆ ลมหายใจฉันถึงกับสะดุดและกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ พิงก์เลดี้ที่มันเอามาให้ ต้องมีอะไรแน่ ๆ ไอ้เวรเอ๊ย! ถึงสติจะพอมีทบทวนอะไรได้ แต่ความมึนเบลอนั้นทำให้ฉันสับสนว่าจะต้องทำอย่างไรกับเหตุการณ์ในตอนนี้ “เราเลิกกันนะหญิง พี่ไม่อยากเลิกกับมีน” น้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนกับกลั้นใจพูด แถมยังก้มหน้าไม่กล้าสบตาเมีย! ฉันยิ้มเยาะพลางสะพายกระเป๋าเข้ากับเรียวแขน ก่อนจะยกมือเรียกบริกรให้เข้ามาหา แล้วบอกให้เช็กบิลได้เลย ความเงียบเข้าปกคลุม คู่นั้นไม่มีใครปริปากพูดอะไร มีเพียงแววตาตัดพ้อของฝ่ายหญิง และยังเห็นว่าหน้าแดง ๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดจากการโกรธหรือกำลังจะร้องไห้กันแน่ ส่วนผู้ชายก้มหน้าก้มตา ไม่สบตาอีกฝ่าย แถมยังเลื่อนมือขึ้นมาที่ต้นขาของฉัน เท่ากับว่าสอดมือเข้าใต้กระโปรงมาหน่อยแล้ว พลันลมหายใจถี่กระชั้นจนยากจะควบคุม อารมณ์พิศวาสจะเกิดขึ้นกับไอ้เวรนี่ไม่ได้! แต่ในขณะนี้ฉันก็ไม่รู้จะดับความรู้สึกนี้ลงได้อย่างไร บริกรเดินกลับมาพร้อมบิล ฉันไม่ได้สนใจว่ารายการถูกต้องหรือไม่ หยิบธนบัตรวางลงถาดเล็ก ๆ นั่นให้เกินยอดจริง แล้วรีบลุกทันที “มีนจะไปไหนคะ” มือเขาพลันหลุดออกจากขาฉัน เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างนุ่มนวล ฉันไม่ให้คำตอบแล้วก้าวฉับ ๆ ออกมาเลย หลากหลายความรู้สึกที่ปะทุในตัว ทำให้ฉันเดินไม่ตรงทางสักเท่าไหร่ ได้ยินเสียงเรียกตามหลังมาแต่ก็ไม่ได้สนใจ กระทั่งมาถึงรถ…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD