LINE
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นรัว ๆ มันดังพร้อมเพรียงกันทุกเครื่องแปลว่าดังจากไลน์กลุ่ม ฉันจึงเอาสมาร์ตโฟนออกมากดดู
March : กิ๊กของแฟนมีนอยู่ที่โรงอาหารส่วนกลาง
Graph : พวกมึงอยู่ไหน มาด่วน!
Fire : ไม่ต้องมา เขามากับเพื่อน
Puen : มาดิวะ มาถามให้รู้แล้วรู้รอด
Peem : ตัวจริงโคตรสวย สวยกว่าในรูปเยอะ
Fong : อีสัสภีม
Fong : มีนสวยกว่าเยอะ!
Peem : นั่นอดีตดาวพยาบาลนะ
Pla : มึงรู้ได้ไง
Peem : กูว่าหน้าคุ้น ๆ ตอนเรียนกูเลยขุดดูว่าใช่ดาวไหม
Noon : มึงทุ่มเทมากกกก
Peem : กูทุ่มเทให้คนสวย ๆ เสมอ
Pla : มึงอย่ามาชมคนที่พวกกูเกลียด @Peem
Fong : เพื่อนกูสวยสุด!
Peem : เอาที่พวกมึงสบายใจ เวร!
ฉันยิ้มออกมาขณะอ่าน พูดแบบไม่เข้าข้างใครเลยอะนะ ระหว่างฉันกับยายคนนั้น แน่นอนว่าฝ่ายนั้นสวยกว่า สวยกว่ามาก! สวยหวานละมุน แต่ฉันก็เข้าใจเพื่อนตัวเองนะ อวยกันเองไว้ก่อน เป็นเรื่องปกติของเพื่อนย่ะ!
“ดูไรกันเหรอ” พี่เต้ถามด้วยความสงสัย พวกเราเงยหน้าจากโทรศัพท์ทันที
“คือว่าเพื่อนชวนไปกินชาบูนอกมออะค่ะพี่ ขอตัวนะคะ” ฟองพยักพเยิดให้พากันออกไป
ฉันลังเลอยู่ไม่น้อย ในใจลึก ๆ อยากจะเปิดรูปแล้วถามไปเลยดีไหม แต่ก็กลัวว่าจะไม่ได้คำตอบที่แท้จริง หากได้เจอเขาทั้งคู่จัง ๆ น่าจะดีกว่า
“ไปสิมึง” ฟองคว้าแขนฉันให้ลุกแล้วระบายยิ้มให้พี่เต้ เธอลากฉันออกมาจากโรงอาหาร
“ทำไมให้ออกมาวะ” นุ่นถาม เราเดินกันอยู่บนทางเท้านอกรั้วมหา’ลัย ตอนนี้ยังไม่มีจุดหมายปลายทางเลยด้วยซ้ำ
“ก็เขาแยกกันละอะ อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์” ฟองให้คำตอบ
“มีดิวะ อย่างน้อยก็ได้กินข้าวอะ กูหิวแล้วเนี่ย” กลอยชักสีหน้าใส่ฟอง แล้วโบกเรียกแท็กซี่
“ไปไหน” ปลารั้งแขนกลอยไว้แล้วถาม แต่กลอยยังไม่ทันตอบก็เปิดประตูแล้วบอกกับคนขับ ซึ่งก็ทำให้พวกเราได้คำตอบไปด้วย
“เข้าในมอค่ะพี่ หนูให้ร้อยหนึ่ง”
แม้คนขับแท็กซี่จะดูงง ๆ นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เข้ามาที่โรงอาหารส่วนกลางด้วยรถก็แค่แวบเดียวถึง แต่หากเป็นการเดินล่ะก็ขาลาก! ด้วยเหตุนี้เพื่อนฉันจึงเลือกเข้ามาด้วยรถแท็กซี่เสียเลย
“กำลังจะไลน์หาเลย” เดินเข้ามาที่โต๊ะเพื่อน มาร์ชก็เอ่ยขึ้นมาทันที
“โน่นนน” ปืนมองไปทางด้านขวา ฉันมองตามก็พบว่าพี่เต้เข้ามานั่งกินกับยายคนนั้น
“สงสัยพอกูบอกว่าจะไปกินนอกมอ มันก็คงคิดว่าทางสะดวกมั้ง”
“น่าจะใช่” ฉันเห็นด้วยกับฟอง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาที่นี่ จะว่าไปฉันกับเขานี่ก็พอกันเลยนะ ฉันเคยชวนเขามากินข้าวที่นี่ด้วยกัน ก็ได้คำตอบว่าขี้เกียจเดิน
แต่ทีอย่างนี้มันเดินได้!
ไอ้เวร!
ไหน ๆ ก็ได้เจอทั้งคู่แล้ว ฉันจึงเดินเข้าไปทักทายเสียหน่อย โดยที่กลุ่มเพื่อนรักตามเข้ามาด้วย ส่วนพวกผู้ชายน่ะนั่งมองอยู่ห่าง ๆ แต่ไม่ห่วงสักเท่าไหร่หรอก
“มีน!!!” พี่เต้ออกอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด ส่วนผู้หญิงข้าง ๆ ทำหน้าฉงน
“ใคร?” ฉันปรายตามองไปทางคนนั้น แฟนฉันหลบสายตาเราทั้งคู่ เขาเอาแต่มองหน้าตักตัวเอง
“เธอเป็นแฟนมันเหรอ”
“ใช่ มีอะไรเหรอ” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“งั้นก็จบ” ฉันแค่ต้องการคำตอบยืนยันจากทั้งสองฝ่าย แน่นอนว่าคนที่พูดคือผู้หญิง แต่การที่ผู้ชายไม่พูดอะไรเลยนั่นก็คือการให้คำตอบแล้ว
“อะไรมีน” พี่เต้เงยหน้าขึ้นมา เขาขมวดคิ้วสีหน้ายุ่งเหยิง เหมือนคนที่กำลังงงงวยกับตัวเอง
“เลิก!!!”
เหมือนว่าคำพูดของฉันจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นตกใจหนักกว่าเดิม ส่วนพี่เต้คว้าแขนฉันไว้แล้วส่ายหน้ารัว
“เลิก? หมายความว่า…” นักศึกษาพยาบาลถามฉัน
“มันคบซ้อน ฉันไม่รู้นะว่าเธอกับฉันใครมาก่อน แต่ที่รู้คือไอ้นี่มันเจ้าชู้ ฉันก็ไม่เอา!” สะบัดแขนตัวเองออกแล้วเดินไปซื้อข้าวกิน ราวกับไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น
ภายนอกน่ะดูเข้มแข็ง แต่ภายใน…มันก็บอกไม่ถูกนะ ฉันไม่ได้เปิดใจให้ใครเลย จนช่วงกลางเทอมสองของปีสองถึงได้ลองเปิดใจให้พี่เต้ ในตอนนั้นเขาเป็นคนน่ารัก คำพูดคำจาเพราะเชียว น้ำเสียงก็นุ่มละมุนไปหมด บุคลิกเขากับ ‘อีกคน’ ต่างกันโดยสิ้นเชิง นี่แหละมั้งที่ทำให้ฉันลองเปิดใจให้กับคนที่ต่างจากที่เคยเจอ
สุดท้ายแล้ว…
ก็พัง!
ฉันถือจานข้าวกลับมานั่งที่โต๊ะ พี่ชายฝาแฝดตบบ่าเบา ๆ ปลอบใจ ส่วนเพื่อนผู้ชายคนอื่นต่างมองฉันด้วยแววตาที่ไม่เหมือนทุกครั้ง พวกมันถ่ายทอดความเป็นห่วงออกมาให้สัมผัสได้แม้จะไม่ปริปากพูดอะไร
“อย่ากอดที่นี่” มาร์ชดันหัวฉันออก สวมกอดที่นี่แล้วมันยังไง เราพี่น้องกันนี่หว่า “เดี๋ยวสาว ๆ เข้าใจผิดหมด”
“จะฟ้องพ่อ” ฉันผละตัวออกจากมาร์ชแล้วมองไปทางคนกลุ่มนั้น พี่เต้ไม่ได้มาง้อฉัน และกำลังง้อทางนั้นอยู่…
ก็ดี จบ ๆ กันไป
“โอบไม” เมื่อกี้ฉันกอดผลักหัวซะจนแทบหลุดออกจากคอ ทีตอนนี้กลับมาโอบฉันไว้แล้วดันศีรษะฉันให้ซบลงบนบ่าเขา
“ไม่ต้องสนใจพวกนั้น สนใจแค่ตัวเองก็พอ ดีแค่ไหนแล้วที่รู้นิสัยได้ไว”
ก็จริงอย่างที่มาร์ชบอก ฉันเพิ่งคบกับเขาได้แค่ 6-7เดือน และยังไม่เคยลึกซึ้ง นับว่าโชคดีของฉันแล้วแหละ…