บทที่ 1
บัตรเชิญสีชมพูหวานวางสงบนิ่งอยู่บนโต๊ะตรงหน้า ดวงตาเศร้าสร้อยของหญิงสาวจับจ้องเหมือนมีแรงดึงดูดจนไม่อาจละสายตาหนีไปได้ แต่เธอทำได้แค่มองไม่กล้าแตะต้องมัน จนชายหนุ่มที่ยืนกอดอกอยู่หลังเก้าอี้ตัวที่เธอนั่งอดรนทนไม่ไหว ต้องเอื้อมมือมาหยิบขึ้นไปเปิดออกดู แม้รู้ว่ามันเป็นการเสียมารยาทก็ตามที เพราะหน้าซองสีชมพูนั้นมีชื่อของหญิงสาวผู้ถูกเชิญแปะหราอยู่
คุณขวัญข้าว ญาณากร
“อย่าไปให้เสียเวลาเลยข้าว ทิ้งมันไปซะ วางไว้เกะกะลูกตา” ชายหนุ่มผู้พูดกำลังจะหย่อนบัตรเชิญสีหวานลงในถังขยะใบเล็กที่วางอยู่ข้างเก้าอี้
“ไม่นะคิมห์” เธอร้องห้ามแล้วคว้ามันมาถือเอาไว้
ชายหนุ่มเจ้าของชื่อคิมห์ หรือ คิมห์ ธาราเวสน์ส่ายหน้าอย่างระอา แล้วทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับขวัญข้าว เพื่อนสาวที่รู้จักกันตอนเรียนมัธยมปลาย และมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันแม้จะเรียนกันคนละคณะ แต่ทั้งสองคนก็คบหาและสนิทสนมกันจนมาถึงทุกวันนี้ แล้วเขาก็รู้จักเจ้าของบัตรเชิญที่ส่งมาให้ขวัญข้าวด้วยเป็นอย่างดี แต่ชายหนุ่มคิดว่ามันไม่ใช่เป็นการให้เกียรติถึงเชิญขวัญข้าวมา เหมือนเจ้าของงานต้องการเยาะเย้ยเหยียบย่ำหัวใจของหญิงสาวที่น่าสงสารของเขาเสียมากกว่า
“จะไปหรือ แน่ใจว่าทนได้” เขาถามเสียงเรียบ มือใหญ่ขาวนวลวางลงบนมือของเพื่อนสาวอย่างสุภาพ พร้อมบีบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ สีผิวของทั้งสองแตกต่างกันจนเห็นได้ชัด เขาเองนั้นผิวขาวเหลือง แต่ขวัญข้าวผิวคล้ำเหมือนสีของน้ำผึ้ง แม้บางครั้งจะเป็นน้ำผึ้งที่เก็บไว้ค้างปีสีจึงเข้มขึ้น แต่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเธอ ที่หนุ่มๆ ต่างเหลียวมอง ไม่เว้นแม้แต่ตัวเขาเอง
ตลอดหลายปีมานี้เขาทั้งหยอดคำหวาน ป้อนคำฉอเลาะทั้งจีบเธอแบบทีเล่นทีจริง หรือแม้กระทั่งสารภาพไปตรงๆ ว่าชอบ แต่ขวัญข้าวกลับไม่เชื่อ หาว่าเขาล้อเธอเล่นเสมอมา จนชายหนุ่มหมดหวังที่จะได้เลื่อนขั้นจากเพื่อนมาเป็นแฟน แล้วยิ่งรับรู้ว่าขวัญข้าวตกลงปลงใจคบหาดูใจกับรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยที่เข้ามาจีบ เขาจึงถอยมาอยู่ในตำแหน่งเพื่อนอย่างถาวร แม้ในตอนหลังทั้งสองจะเลิกรากันไป เขาก็ไม่อาจขยับฐานะขึ้นไปแทนที่ได้ เพราะในสายตาของขวัญข้าว ไม่เคยมองเขาพิเศษไปกว่าเดิม
“แค่นี้เอง ไม่ต้องห่วงนะคิมห์ ข้าวบอกแล้วไง ว่าข้าวกับพี่พีจบกันด้วยดี”
“แต่ทำไมไอ้บ้านี่มันถึงทำแบบนี้ เชิญข้าวแต่ไม่เชิญผม รู้ทั้งรู้เราทำงานที่เดียวกัน กวนตีนฉิบหาย” คิมห์แสดงอาการฮึดฮัด
“เพราะคิมห์เป็นแบบนี้นะสิ พี่พีเขาถึงขยาด แต่มันก็แค่งานหมั้น ไว้งานแต่งเขาคงไม่ลืม” ขวัญข้าวพยายามพูดแก้ต่างให้อดีตคนรัก แม้รู้ดีว่าพีรัชหรือพี่พีนั้นไม่ถูกชะตากับชายหนุ่มตรงหน้าเธอสักเท่าไหร่ มันเริ่มมาจากตอนที่พีรัชเข้ามาจีบเธอใหม่ๆ แล้วคิมห์ก็ทำตัวเป็นไม้กันหมา กันท่าเขาต่างๆ นานา จนพีรัชและเธอตกลงคบหาในฐานะคู่รักกันแล้ว คิมห์ก็ยังคอยเฝ้าห่วงใยดูแลเธอเสมอมา
ขวัญข้าวรู้ดีว่าเขาคิดเช่นไรกับเธอ แต่เธอรักเขาไม่ได้จริงๆ เพราะหัวใจเธอมีแต่พีรัชคนเดียวเท่านั้น แม้กระทั่งเวลานี้ ยามที่พีรัชเดินจากเธอไปและกำลังจะหมั้นกับคนรักใหม่ของเขา ขวัญข้าวก็ยอมรับว่าลืมเขาไม่ลง เพราะเขาคือรักแรกของเธอ ชายหนุ่มผู้ซึ่งสอนให้เธอรู้จักความรัก ชายที่เข้ามาระบายโลกใบเบี้ยวๆ ของเธอให้เป็นสีชมพูสดใส แม้สีที่เขาระบายให้มันจะขลังอยู่แค่สี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยก็ตามที
เมื่อเขาจบออกมาแล้วไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ โลกสีชมพูสดใสของเธอก็หม่นลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายเมื่อเขาเรียนจบกลับมาพร้อมกับคู่รักคนใหม่ คนที่กำลังจะเข้าพิธีหมั้นกันอีกไม่กี่วันข้างหน้า โลกทั้งใบของขวัญข้าวก็พังทลายลง แล้วคิมห์ก็กลายมาเป็นมดแดงที่แฝงพวงมะม่วงอย่างเธออีกครั้ง
“แสดงว่ามันยังจำคำที่ผมพูดได้ ว่าทำข้าวเสียใจเมื่อไหร่มันเจ็บตัว ไอ้บ้านี่เลยไม่กล้าเชิญผมไปงาน” เสียงเขายังเข้มอย่างมีอารมณ์
“เขาไม่ลืมง่ายๆ หรอก ก็คิมห์ซัดเขาเสียอ่วมแล้วนี่ หรือจำไม่ได้” ขวัญข้าวมองหน้าเพื่อนหนุ่มแล้วยิ้ม ยังจำเหตุการณ์วันที่เธอร้องไห้มาหาเขา แล้วบอกเรื่องพีรัชกลับมาจากเมืองนอกพร้อมคนรักใหม่ให้ฟัง คิมห์ไม่ฟังเสียงห้ามปรามของเธอบึ่งรถออกไปพักใหญ่ ก่อนจะมีเสียงโทรศัพท์ตามให้เธอเอาเงินไปประกันตัวเขาออกจากห้องขัง ในข้อหาทำร้ายร่างกายพีรัชชนิดสะบักสะบอม
คิมห์กำมือแล้วชกลงบนฝ่ามือตนเอง “เสียดายน่าจะกระทืบมันให้ตายคาตีน บังอาจทำให้ข้าวของผมเสียใจ”
“ไม่ซึ้งเลยนะคิมห์ แล้วข้าวก็ไม่ชอบมีเพื่อนเป็นขี้คุก ไม่ชอบซื้อข้าวผัดกับโอเลี้ยงไปเยี่ยมใครด้วย” ขวัญข้าวประท้วง ก่อนโบกมือตัดบท
“ไม่เอาแล้วไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ช่วยข้าวคิดหน่อยสิจะใส่ชุดแบบไหนไปงานพี่พี จัดที่โรงแรมหรูต้องแต่งตัวให้ดูดีหน่อย คิมห์ว่ามะ” เธอเอียงคอน่ารัก ยามขอความเห็นเขา
“ว่า” คนถูกขอความเห็นตอบกลับมาสั้นมาก แล้วเมินสายตาไปทางอื่น ไม่ชอบมองท่าทางเสแสร้งเพื่อให้เขาสงบสติอารมณ์ลงของขวัญข้าวสักเท่าไหร่ เขารู้ว่าเธอยังเจ็บปวดกับผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่เป็นรักแรกของเธอ ผู้ชายที่ทำให้มดแดงอย่างเขาทำงานในหน้าที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เมื่อมันบังอาจมาสอยหัวใจของขวัญข้าวไปครองได้...แต่มันไม่ดูแลให้ดี ยิ่งคิดยิ่งแค้น คิมห์ลุกพรวดขึ้นยืน ก่อนคว้าข้อมือของเพื่อนสาว แล้วลากให้เดินตาม
“ไปไหนคิมห์”
“ไปหาชุดไง เอาให้ไอ้นั่นมันตาค้างเลย ไปเถอะ”
“เดี๋ยวๆ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานนะ คิมห์” เธอร้องค้าน
“ช่างงานมัน ตอนนี้ผมจะพาข้าวไปแปลงร่างเป็นสาวแสนสวย เอาให้ไอ้พีรัชมันเสียดายที่ทิ้งข้าวไปหา นังหน้าจืดนั่น”
“ปากจัด” ขวัญข้าวติงเพื่อนหนุ่มเบาๆ ถึงหน้าจืดแต่เธอเป็นทายาทเศรษฐีเชียวล่ะคิมห์เอ๋ย
คนถูกติงทำเมินไม่มองหน้า ไม่ได้ยินเสียงเสียอย่างนั้น ก่อนจะโอบไหล่เพื่อนสาวพาเดินออกไปจากออฟฟิศ ซึ่งเป็นทั้งบ้านพักและที่ทำงานไปในตัว เพราะเขาออกมาเปิดบริษัทโฆษณาหลังเรียนจบ โดยดึงขวัญข้าวและเพื่อนในกลุ่มอีกสองสามคนมาทำงานด้วยกัน