บทที่7/1

1157 Words
ห้องแรกที่เปิดเข้าไป สภาพห้องเหมือนไม่มีคนใช้สอยมานาน เตียงไม่ใหญ่คลุมผ้าสีดำเอาไว้เช่นเดียวกับเฟอร์นิเจอร์อีกสองสามชิ้น เขาหันมามองหน้าหญิงสาวอย่างรู้ทัน ก่อนลากเธอมาผลักประตูเข้าไปอีกห้อง กระไอเย็นยังอบอวลอยู่ในห้อง เหมือนเพิ่งปิดเครื่องปรับอากาศได้ไม่นาน เตียงนอนและเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นจัดวางตำแหน่งเหมาะสม เตียงนอนมีผ้าคลุมเรียบร้อย ห้องนี้คงเป็นห้องนอนของเธออย่างแน่นอน อาติณณ์เหวี่ยงหญิงสาวเข้าไปด้านในแล้วปิดประตู “คุณจะทำอะไร” ขวัญข้าวถอยไปยืนเสียไกล เมื่อถูกเหวี่ยงเข้าไปในห้องของตนเอง “คุณอยู่คนเดียว ไม่ได้อยู่กับพี่ชาย” เขาพูด จ้องตาเธอนิ่ง เหตุนี้นี่เองที่เธอบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้พบ “ฉันจะอยู่กับใครก็ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ คุณอาติณณ์” ขวัญข้าวเชิดหน้าใส่ เมื่อเห็นรอยยิ้มรู้เท่าทันของอาติณณ์ เวลานี้เธอไม่จำเป็นต้องกลัวเขา ในเมื่อเธอเป็นเจ้าของบ้าน แล้วเรื่องก็ล่วงเลยมาจนถึงป่านนี้ ที่กลัวคนอื่นจะรู้กลัวข่าวฉาวโฉ่ก็เลิกกลัวไปแล้ว เพราะข่าวซุบซิบในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อวาน เธอไม่มีอะไรจะให้เสียหายไปกว่านี้แล้ว มีแต่เขาสิจะเสียชื่อเสียง ถ้ามีคนรู้ว่ามันเป็นการไม่สมยอม “ออกไปจากบ้านฉัน ก่อนฉันจะหมดความอดทน แจ้งความดำเนินคดีทั้งคุณและน้องสาวของคุณ” เธอคิดว่าการเป็นคนรักและตามใจน้องของอาติณณ์ ถ้ายกเรื่องอินทุอรมาข่มขู่เขาน่าจะเกรงกลัว มากกว่าการขู่เขาตรงๆ อาติณณ์หุบยิ้มในทันที ที่ถูกหญิงสาวยกเอาความผิดของอินทุอรมาข่มขู่ เธอคงไม่รู้เวลานี้อินทุอรเหมือนชดใช้ความผิดที่ทำลงไปแล้ว เพราะบาดแผลจากการถูกเศษแจกันที่ทำแตกเองนั้นบาดเข้าใบหน้าลึกจนต้องเย็บไปหลายเข็ม แล้วยังต้องมากังวลว่าจะเป็นแผลเป็นอีกหรือไม่ ถ้าต้องให้มารับความผิดในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้อีก น้องสาวเขาคงรับไม่ไหวแน่ๆ ชายหนุ่มระบายลมหายใจเหนื่อยหน่ายกับความแปลกของผู้หญิงตรงหน้า เธอวิ่งหนีไม่ยอมให้เขารับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งที่มันได้ประโยชน์กับตัวเธอเองทั้งนั้น “เอาละ คุณขวัญข้าว” เขาเรียกชื่อเธอตามที่ได้ยินอินทุอรเรียก “เรามาพูดเรื่องนี้กันแบบคนที่โตๆ กันแล้วนะ ผม...” “ไม่! ฉันไม่มีอะไรจะพูด” ขวัญข้าวรีบขัดขึ้น นิ้วเธอชี้ตรงแน่วไปที่ประตู “คุณกลับไป แล้วอย่าได้เหยียบมาที่นี่อีก ฉันบอกแล้วไม่มีอะไรจะตกลง จะเรียกร้อง ขอแค่คุณสองคนพี่น้องอย่าได้มายุ่งกับฉันอีก ฉันต้องการชีวิตเดิมๆ ของฉันกลับมา เข้าใจไหม” น้ำเสียงเธอเกรี้ยวกราด อย่างคนที่อัดอั้น และพรั่งพรูออกมาเมื่อถึงที่สุดแล้ว “ผมไปแน่” น้ำเสียงเขาเริ่มเบื่อหน่ายความถือดีของผู้หญิงคนนี้ แต่ก่อนจะไปเขาคิดว่าต้องทำความเข้าใจกับเธอเรื่องที่เธอคิดว่าถูกอินทุอรวางยาเสียก่อน “แต่ผมอยากให้คุณฟัง เรื่องที่คุณถูกวางยา น้องอ่อนไม่รู้เรื่อง” “ไม่จริง” เสียงเธอห้วนและสั้น ดวงตาที่มองเขาวาวโรจน์ ใช่เธอโกรธ ที่เขากำลังแก้ตัวให้จำเลย ทั้งที่เธอจะยอมปล่อยวางไม่เอาเรื่องเอาราว ไม่คิดอะไรทั้งนั้นขอแค่ให้เขาไปให้พ้นๆ หน้า แต่คำพูดแก้ต่างให้อินทุอรของทำให้ตบะเธอกำลังจะแตกเหมือนปรอทที่พุ่งขึ้นสูงสุด “คุณกำลังแก้ตัวแทนน้องสาว” “ไม่ใช่การแก้ตัวแทน แต่มันเป็นความจริง ผมรู้จักน้องผมดี แล้วคมกริชก็เป็นพยานได้ น้องอ่อนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่คุณถูกวางยา” อาติณณ์พยายามพูดด้วยน้ำเสียงเนิบช้า ไม่ใส่อารมณ์ลงไป เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงออกถึงความโกรธเกรี้ยวชัดแจ้ง เพื่อให้การพูดคุยดำเนินต่อไปอย่างลุล่วง แต่หญิงสาวเหมือนไม่ให้ความร่วมมือกับเขาสักเท่าไหร่ เธอไม่ยืนฟังนิ่งกลับพุ่งเข้ามาหาจนตั้งรับแทบไม่ทัน “โกหก อินทุอรโกหก แล้วคุณก็เชื่อ” ความโมโหทำให้เธอขาดสติ ไม่กริ่งเกรงผู้ชายตัวโตกว่ามากเช่นอาติณณ์ มือเล็กๆ ของเธอจับอยู่ที่ปกเสื้อเขากำแน่น รั้งให้ใบหน้าเขาโน้มเพื่อการพูดใส่หน้าอย่างท้าทาย แต่เธอลืมไปว่าการท้าทายผู้ชายตัวโตกว่าแบบนี้ตนเองกลับจะเสียเปรียบ และยิ่งผู้ชายคนนั้นคือ นายอาติณณ์ อรรถนนท์ ชายหนุ่มปล่อยให้เธอจับปกเสื้อเขาอยู่ก็จริง แต่แขนแข็งแรงของเขาตวัดไปรวบเอวของเธอรั้งมาชิดกับลำตัวเขา แล้วหมุนทั้งตัวเธอและเขา ดันร่างแบบบางไปชิดบานประตูที่เธอไล่เขาปาวๆ ให้ออกไปเสียทันที ขวัญข้าวที่กำลังแสดงอาการโกรธเกรี้ยว ถึงกับหน้าสลดลงเล็กน้อย ก่อนสลายความหวาดหวั่นในการใกล้ชิดเขา ดึงแรงทั้งหมดของตนพยายามผลักเขาออกห่างตัว พร้อมปากก็โวยวาย “คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ” มือที่รั้งปกเสื้อเขาเปลี่ยนมาทั้งผลักและทุบไปบนแผ่นอก แต่เหมือนยิ่งทุบวงแขนเขายิ่งรัดแน่น “คุณต้องฟังผมให้จบก่อนผมถึงจะปล่อย” อาติณณ์ไม่ยอมปล่อยร่างที่กำลังดิ้นรนและทุบเขาตึงๆ อยู่ เพียงแต่ละมือข้างหนึ่งมารวบข้อมือทั้งสองของเธอเอาไว้ ตรึงไว้เหนือศีรษะเธอเอง “ปล่อยนะ ปล่อยฉัน ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น คุณกลับไปได้แล้ว กลับไป” ขวัญข้าวไม่ยินยอมตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้ชายคนนี้แบบใกล้ชิดขนาดนี้นาน เพราะการที่ถูกรวบมือขึงไว้เหนือหัวแบบนี้ ทำให้ทรวงอกของเธอแอ่นไปด้านหน้าเบียดชิดอยู่กับลำตัวของเขา เธอไม่รู้ว่าผู้ชายอย่างเขาจะมีความรู้สึกเช่นไร แต่สำหรับเธอความใกล้ชิด บวกกับความฝันที่หลอกหลอนเมื่อคืน และเหตุการณ์วันนั้น มันทำให้เลือดในกายเธอสูบฉีดแรงขึ้น จนแสดงออกมาทางใบหน้าโดยเฉพาะแก้มนวลเนียน อาติณณ์เองก็เห็นอาการของขวัญข้าว เขาจึงยิ้มมุมปาก ยิ่งทำให้เธอโกรธมากขึ้น แม้มือสองข้างเธอใช้การไม่ได้ แต่ช่วงขาเธอเป็นอิสระ เข่าของขวัญข้าวยกขึ้นกระทุ้งตรงๆ เข้าเต็มหว่างขาของชายหนุ่มที่ไม่ทันตั้งตัวและคาดไม่ถึงว่าเธอจะแก้ลำเขาด้วยวิธีการนี้ “อ๊าก!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD