บทที่ 7
สายของวันรุ่งขึ้น ซึ่งไม่สายมากนักสำหรับมนุษย์เงินเดือนตามออฟฟิศถ้าหากมันเป็นวันหยุด แต่นับว่าสายมากเมื่อเทียบกับวันทำงานปกติที่ต้องฝ่าการจราจรไปทำงาน ส่วนงานของขวัญข้าวนั้นไม่ได้จำกัดเวลาที่แน่นอน ยิ่งมีเจ้านายใจดีชื่อคิมห์ ธาราเวสน์ จะเข้าทำงานเวลาไหนก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่ทุกคนต้องรับผิดชอบงานของตนเองให้เสร็จตามกำหนดเวลาเท่านั้นเอง
แต่วันนี้ขวัญข้าวไม่มีแก่ใจไปทำงาน ข่าวในหนังสือพิมพ์เมื่อวานมีส่วนให้ความอยากไปทำงานของเธอลดลง บวกกับใบหน้ามีรอยช้ำจากฝ่ามือของอินทุอร ขวัญข้าวจึงไม่อยากให้ประเด็นการพูดจาของเพื่อนร่วมงานเปลี่ยนไป มาสงสัยและขุดคุ้ยหาที่มาและเจ้าของรอยตบนี่อีกเรื่อง
ม่านในบ้านค่อยๆ รูดเก็บเพื่อให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามา ตามปกติถ้าอยู่บ้านขวัญข้าวจะเปิดม่านและเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เช่นเดียวกับที่คุณยายเคยทำ ยิ่งรอบบ้านของเธอมีต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น ลมพัดโบกอยู่ตลอดเวลาบางครั้งไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมเลยทีเดียว ซึ่งขวัญข้าวชอบบรรยากาศแบบนี้มาก
วันหยุดของเธอคือการได้พักผ่อน อ่านหนังสือหรือทำอะไรๆ อยู่กับบ้านมากกว่าการไปเดินช้อบปิ้งผลาญเงินเล่นเหมือนพวกสาวสมัยใหม่และเพื่อนๆ รุ่นเดียวกับเธอ แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าการทำงานของเธอไม่ได้นั่งประจำอยู่ในออฟฟิศ เธอมีโอกาสไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อดูแลการถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาให้เป็นไปตามโครงงานที่เธอเสนอให้ลูกค้า ซึ่งก็ถือเป็นการพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศไปอีกแบบหนึ่ง
หญิงสาวถือถ้วยกาแฟควันฉุยกลิ่นหอมกรุ่นเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน ตั้งใจออกไปนั่งที่ชุดหินอ่อนตรงชายคาบ้าน แต่เมื่อผ่านพ้นประตูบ้านออกมา เท้าของเธอก็หนักอึ้ง มือไร้เรี่ยวแรงจนถ้วยกาแฟตกพื้นแตกกระจาย
เพล้ง!
อาติณณ์สะดุ้ง ตกใจตื่นหันมองตามเสียงแล้วลุกขึ้นยืนทันที
“ผมอยากพบพี่ชายคุณ” เขารีบบอกทันที ก่อนที่หญิงสาวซึ่งมองเขาหน้าตาตื่นจะถอยหลังเข้าบ้านไป
มาทำไมอีก มาทำไม
ขวัญข้าวอยากตะโกนถามเขาไป แต่พอได้ยินคำบอกกล่าวของเขา เธอก็แอบพ่นลมหายใจ ดูเขาไม่ยอมจบง่ายๆ เสียจริงๆ แล้วสภาพเขาที่มานั่งหลับอยู่ใต้ชายคาบ้านของเธอ บ่งชัดว่าเขาคงเข้ามาตั้งแต่เมื่อคืน จะมาตอนไหนนั้นเธอไม่รู้ แต่เวลานี้เขาทำให้เธอลำบากใจอีกแล้ว จะหาพี่ชายจากไหนมาให้เขาพบเล่า
“เขาไปทำงานแล้ว” เธอโกหกออกไป โดยไม่คิดหน้าคิดหลัง แค่อยากปัดไปให้พ้น เพื่อจะไล่ให้เขาไปเสียที ก่อนจะมีคนมาเห็นเข้าแล้วเรื่องพูดเรื่องนินทาจะยืดระยะเวลานานออกไปอีก แต่เธอกลับถูกเขาดักคอ
“ไปทำงานหรือ ผมอยู่ตรงนี้ทั้งคืน ถ้าพี่คุณออกมาผมต้องรู้สิ เขาอยู่ข้างในใช่ไหม” อาติณณ์ไม่คิดว่าจะมีพี่ชายคนไหนยอมปล่อยให้ชายหนุ่มที่ไม่รู้จัก หรือรู้จักก็ตามทีมานอนอยู่หน้าบ้านโดยมีน้องสาวอยู่บ้านเพียงลำพัง และเมื่อเขามองตา เธอยังหลุบสายตาไม่ยอมประสานสายตาด้วย ยิ่งทำให้เขาสงสัยหนัก ชายหนุ่มยอมเป็นคนเสียมารยาทเดินดุ่มเข้าไปหาเธอ เมื่อขวัญข้าวถอยเข้าบ้านแล้วตั้งท่าจะปิดประตูหนี
“คุณจะทำอะไร ออกไปนะ ออกไป” เธอตวาดแหว ดึงประตูหวังปิดเข้าไป
“ผมขอพบพี่ชายคุณ” อาติณณ์รีบยื้อบานประตูเอาไว้
“บอกว่าเขาไม่อยู่ คุณออกไปนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้คนช่วย”
“ก็ร้องไป ผมว่าไม่มีใครอยากมายุ่งเรื่องของเราแล้วละ ถึงคุณกับพี่คุณไม่คิดอะไร แต่คนทั่วไปเขาคิด เรื่องของผัวเมียไม่มีใครเขาอยากเข้ามายุ่งหรอก”
“อ๊าย! ใครเป็นผัวเป็นเมียกับคุณ ไปให้พ้น ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ” ขวัญข้าวใช้แรงทั้งหมดที่มีดึงประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้บานไม้หนานั้นหนีบมือของชายหนุ่มอย่างแรงจนเขาร้องลั่น
“โอ๊ย! มือผม” ใบหน้าของอาติณณ์บิดเบี้ยวแสดงความเจ็บปวด เช่นเดียวกับขวัญข้าวคนดึงประตูที่ปล่อยมือออกอย่างรวดเร็วแล้วถอยไปยืนห่างประตูด้วยใบหน้าซีดๆ ยิ่งเห็นชายหนุ่มสะบัดมือเร่าๆ เธอยิ่งตกใจ แต่คนเจ็บเมื่อเห็นช่องทางที่จะเข้าไปในบ้านเธอได้ เมื่อเจ้าของบ้านถอยไปยืนหน้าซีดอยู่ห่างประตู เขาไม่รอช้าที่จะก้าวเข้าไป แม้ว่ามือเขายังเจ็บจากการถูกประตูหนีบอยู่ก็ตามที
“พี่ชายคุณแปลกคนนะ เสียงผมร้องลั่นขนาดนี้ยังไม่ออกมาดู” เขาพูดเมื่อถือวิสาสะเดินเข้าไปหยุดอยู่หน้าประตูสองบานด้านใน ซึ่งคาดว่าเป็นห้องนอน
ขวัญข้าวหายตกใจจากการทำประตูหนีบมือเขา หันมาตกใจกับการเข้ามาแล้วมายืนพูดปาวๆ ในบ้านของเขาแทน เจ้าของบ้านสาวรีบเข้ามากระชากแขนเขา
“ออกไปนะ ไม่อย่างนั้นฉันแจ้งตำรวจจริงๆ ด้วย”
“แจ้งไปสิ กว่าตำรวจจะมา ผมก็เสร็จธุระกับคุณแล้ว” อาติณณ์ขืนตัวไม่ได้ขยับตามแรงรั้งของขวัญข้าวแม้แต่น้อย กลับกันเขาแค่ขยับนิดเดียว ร่างของเธอก็เซถลาตามเขาเข้าไปในห้องที่เปิดเข้าไปอย่างยอมเสียมารยาท ไหนๆ ก็เสียมารยาทตั้งแต่ปีนเข้ามานั่งที่ชุดหินอ่อนนั่นแล้ว