บทที่ 5
ขวัญข้าวมองผู้มาใหม่ที่กำลังย่ำเท้าเข้ามาใกล้นิ่ง ความปวดแปลบแลบแล่นในหัวใจ เมื่อครู่เพิ่งเจ็บปวดกับข่าวซุบซิบในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ทำให้เธอกลายเป็นสาวปริศนาผู้โชคดี มาตอนนี้กลับรู้สึกเจ็บแค้นผนวกเข้ามาอีก เมื่อเห็นชัดว่าใครมาเยือน
พีรัชเองก็มองคนเดินเข้ามานิ่ง แต่รู้สึกไม่พอใจอยู่ลึกๆ แน่นอนเขารู้สึกอิจฉาผู้ชายที่เป็นข่าวกับขวัญข้าว เพราะเนื้อข่าวและภาพประกอบมันชวนให้คิด เขาคบกับขวัญข้าวมาตั้งสี่ปีไม่เคยได้แตะต้องเนื้อตัว แต่ชายผู้นี้ได้ไปมากมายขนาดไหนเขาไม่อยากคิด และการที่ชายผู้นี้มาปรากฏตัวที่นี่เวลานี้ ก็บอกให้รู้ว่าเขาเคยมาบ้านหลังนี้แน่นอน ความคลางแคลงในภาพข่าว ที่ยังคิดไปในทางที่ดีว่า อาจเป็นแค่หญิงสาวที่ใบหน้าละม้ายขวัญข้าวเท่านั้นต้องสลายไป กับการปรากฏตัวของอาติณณ์ อรรถนนท์ในครั้งนี้
คนที่มาใหม่ก็มองสองคนที่อยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาแปลกๆ ทีแรกเขาตั้งใจมาดูแล้วสอบถามว่าเกิดข่าวฉาวโฉ่ขนาดนี้แล้วหญิงสาวจะเอาอย่างไร ให้เขารับผิดชอบแบบใด ซึ่งเขาเป็นลูกผู้ชายพอที่จะยอมรับในสิ่งที่กระทำลงไป แม้เขาจะไม่รู้ตัวและไม่ตั้งใจก็ตามที แต่พอมาเห็นคู่หมั้นของน้องสาวอยู่กับผู้หญิงคนนี้ ความสนิทสนมของทั้งคู่ในวันงานยิ่งย้ำว่าสองคนคงไม่ใช่แค่คนรู้จักกันธรรมดาเสียแล้ว ความตั้งใจเดิมของอาติณณ์จึงถูกพักเอาไว้ หันมาเล่นงานคู่หมั้นหนุ่มของน้องสาวแทน
“ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่ ไม่ทำงานหรือ”
“ผมมีธุระกับข้าวนิดหน่อย กำลังจะกลับ”
ข้าว...ผู้หญิงคนนี้ชื่อข้าว
“งั้นก็กลับไปได้แล้ว ผมมีธุระส่วนตัวกับเธอ” เขาเน้นคำว่าส่วนตัวแล้วชายตาไปมองขวัญข้าว เห็นได้ชัดว่าดวงตาที่มีแววโกรธแค้นของเธอรีบหลุบต่ำ
ขวัญข้าวหลุบสายตาแล้วแอบตำหนิเขาในใจ มาถึงก็วางอำนาจทำเหมือนเป็นเจ้าของบ้าน เชอะ
พีรัชชายตามองอาติณณ์แบบไม่ค่อยพอใจนัก ยิ่งออกเสียงเน้นคำว่า ‘ส่วนตัว’ เขายิ่งไม่พอใจหนัก แต่ไม่กล้าแสดงออก แค่เรื่องเขามาอยู่ที่บ้านขวัญข้าวถ้ารู้ถึงหูอินทุอร เธอก็คงอาละวาด พีรัชกลับมามองขวัญข้าวอีกครั้ง อยากเห็นสีหน้าหญิงสาว จะยินดียินร้ายกับการมาถึงของชายที่เป็นข่าวกับเธอเพียงใด และเวลาเดียวกันขวัญข้าวก็มองมาทางเขา สายตาเหมือนจะเว้าวอนอยู่ในที และยังเห็นเธอส่ายหน้าน้อยๆ เหมือนไม่อยากให้เขากลับไปตามคำของอาติณณ์อย่างไรอย่างนั้น แต่เขายังไม่ทันได้พูดอะไร อาติณณ์ก็พูดขึ้นอีกครั้งแต่เป็นการพูดกับเจ้าของบ้านสาว
“ผมต้องการพบพี่ชายคุณด้วย เขาอยู่หรือเปล่า”
พี่ชาย? ข้าวมีพี่ชายตั้งแต่เมื่อไหร่ สีหน้าและสายตาของพีรัชที่มองขวัญข้าวเต็มไปด้วยคำถาม
ด้านขวัญข้าวนั้นก็ตกใจไม่แพ้กันที่อาติณณ์เกิดอยากพบพี่ชายที่เธออุปโลกน์ขึ้นมา และยิ่งกลัวหนักเมื่อเห็นใบหน้าและแววตาสงสัยของพีรัช กลัวเขาจะโพล่งคำถามออกมา ไหนๆ เรื่องมันก็มาถึงป่านนี้แล้ว พูดคุยกับอาติณณ์ตามลำพังดีกว่าให้พีรัชมารับรู้เรื่องน่าอับอายของเธอ หญิงสาวจึงเอ่ยกับพีรัชก่อน แทนที่จะตอบคำถามของอาติณณ์
“พี่พีกลับไปก่อนเถอะค่ะ”
“อืม” พีรัชจำต้องยอมกลับไป ทั้งที่อยากรับรู้เรื่องราวของทั้งสองมาก แต่เห็นสีหน้าและแววตาของพี่ชายคู่หมั้นเขาแล้วพานขยาด และกลัวเรื่องนี้จะเข้าหูอินทุอร เขาจึงบอกลาทั้งคู่แล้วจากมา แต่ยังอดเหลียวไปมองไม่ได้
อาติณณ์เห็นอาการของพีรัชที่กำลังเดินจากไป แล้วเหลียวกลับมามองสองสามครั้ง ยิ่งเพิ่มความสงสัยถึงความสัมพันธ์ของพีรัชกับหญิงสาวผู้นี้ และเมื่อเขาละสายตาจากร่างของพีรัชหันมาทางหญิงสาวเจ้าของบ้าน ก็ทันได้เห็นเธอกำลังเปิดประตูบ้านอย่างเร่งรีบ เหมือนจะหนีเขาเสียอย่างนั้น อาติณณ์จึงรีบตามไปจับท่อนแขนเธอไว้ก่อนผลุบหายเข้าไปในบ้าน
“ปล่อยนะ” ขวัญข้าวหันมาตวาดอย่างตกใจ พร้อมสะบัดหนี
“อะไรคุณ ผมอยากตกลงกับคุณดีๆ นะ” อาติณณ์ไม่คิดว่าเธอจะแสดงอาการตกใจออกมาถึงเพียงนี้
“ไม่ ไม่มีอะไรต้องพูดกัน คุณกลับไปเถอะ” เธอยังยืนกราน พยายามแกะมือของเขาออกจากท่อนแขน แต่เหมือนเขาจะบีบมันแน่นขึ้น จนเกิดอาการยื้อยุดกันขึ้น เมื่อต่างไม่ยอม
ปี๊นนนน!
สองคนที่กำลังยื้อยุดกันอยู่ตกใจหันไปตามเสียงดังของแตรรถพร้อมกัน เห็นเด็กหนุ่มจอดมอเตอร์ไซค์แล้วเดินแกมวิ่งเข้ามา อย่างเร่งรีบ
“มีอะไรพี่ข้าว” โด่งเด็กส่งหนังสือพิมพ์ที่คุ้นเคยกับขวัญข้าวดี ถามอย่างร้อนรนแกมห่วงใย เมื่อขับรถผ่านแล้วเห็นภาพชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกำลังยื้อแขนขวัญข้าวอยู่ การเป็นคนรู้จักคุ้นเคยและลูกค้าที่ดีทำให้เขาอดยื่นมือเข้าช่วยไม่ได้ ถ้าหากขวัญข้าวได้รับอันตราย
“ไม่มีอะไร” ขวัญข้าวรีบบอกออกไป เช่นเดียวกับอาติณณ์รีบปล่อยมือที่จับท่อนแขนเธออยู่ออก มองเด็กหนุ่มที่มาหยุดตรงหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็ว นิ่ง
ด้านโด่งเมื่อเข้ามาใกล้ เห็นใบหน้าของชายหนุ่มดังกล่าวชัดเจน ก็หัวเราะแหะๆ
“ผมก็ว่าคงไม่มีอะไร ขอโทษครับที่มาขัดจังหวะ” เด็กหนุ่มคิดว่า ความหวังดีของตนใช้ตอนนี้ไม่ได้ จึงรีบค้อมศีรษะเล็กน้อยให้ชายหนุ่มที่ยืนเคียงข้างขวัญข้าว แล้วยิ้มแหย ก่อนหันหลังเดินตัวปลิวกลับไป พร้อมบ่นพำพึมตำหนิตนเอง
“เกือบสอใส่เกือกเรื่องของคู่รักคู่ดังเสียแล้วไหมล่ะ” ที่โด่งคิดแบบนี้ เพราะเขาเคยเห็นอาติณณ์มาส่งขวัญข้าว แล้วยังเห็นข่าวซุบซิบในหนังสือพิมพ์เป็นการตอกย้ำเข้าไปอีกว่า สองคนเป็นคู่รักกัน
เมื่อเด็กหนุ่มผู้หวังดีขนาดจอดมอเตอร์ไซค์มาถามไถ่จากไปแล้ว ขวัญข้าวก็หันมาทางชายหนุ่ม
“คุณกลับไปเถอะ”
“ผมอยากพบพี่ชายคุณนะ มีข่าวซุบซิบขนาดนี้ พี่คุณเขาไม่เดือดร้อนอยากรู้จักน้องเขยบ้างเชียวหรือ” เมื่อเขาพูดจบ ขวัญข้าวก็ตาวาวกับคำว่าน้องเขย...คนบ้า
“พี่ชายฉันไปทำงาน คุณกลับไปเสีย” เธอบอกเมื่อข่มอาการขุ่นเคืองในคำพูดของเขาแล้ว จึงเห็นคิ้วหนาเข้มของชายหนุ่มเลิกขึ้น ก่อนส่ายหน้าช้าๆ
“ถึงพี่คุณไม่อยู่ แต่เราก็ควรมาตกลงกันก่อน”
“ไม่ต้อง” ขวัญข้าวรีบปฏิเสธ เธอไม่อยากตกลงอะไรกับเขาทั้งนั้น
“คุณไม่รู้สึกอะไรกับข่าวหรือ” อาติณณ์ถามอย่างแปลกใจ เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังสะทกสะท้านไปกับข่าวซุบซิบนั่น
“ไม่ ใครจะเขียนจะว่ายังไงก็ช่างเขา ข่าวก็คือข่าว พอมีเรื่องอื่นให้เขียน เขาก็ไม่มาคุ้ยเรื่องเก่าอีก”
“ข่าวก็คือข่าว” อาติณณ์ทวนคำของหญิงสาว มองเธออย่างประเมิน ก่อนส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ
“ข่าวมันก็คือข่าวผมไม่เถียง จะไม่สนใจไม่รับรู้ ไม่แคร์ก็ได้ แต่ความจริงละ หรือคุณจะปฏิเสธว่าเราไม่ได้มีอะไรกัน”
“หยุดนะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้นอีก มันผ่านไปแล้ว” ขวัญข้าวออกอาการเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที เมื่อถูกสะกิดแผลที่ยังไม่ตกสะเก็ด เพราะมันผ่านมาแค่ไม่กี่วัน
“การแสดงออกของคุณมันค้านกับคำพูด คุณปล่อยมันผ่านไปโดยไม่คิดไม่ได้หรอกผมรู้ ดวงตาคุณฟ้อง”
“จะยังไงมันก็เรื่องของฉัน เราไม่เกี่ยวข้องกัน ฉันถือว่าฝันร้าย ขอแค่ต่อไปเราไม่ต้องพบหน้ากันอีก ก็พอแล้ว” น้ำเสียงคลายความเกรี้ยวกราดลง เธอคิดว่าถ้าต้องการให้ชายหนุ่มคนนี้จากไป ควรพูดจากับเขาดีๆ อย่าได้ใส่อารมณ์เข้าไปร่วมด้วย เพราะมันจะทำให้อะไรเลวร้ายลง ดูเขาเป็นคนไม่ยอมจบอะไรง่ายๆ เสียด้วย ทั้งที่เธอเองน่าจะเป็นฝ่ายเรียกร้อง
“คุณแน่ใจนะ” เขาถามย้ำเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง เพราะน้อยนักที่ผู้หญิงจะวิ่งหนีเขา มีแต่วิ่งเข้าหาเสนอตัวและคิดจะผูกมัด แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่ อาจเป็นเพราะว่าทั้งเธอและเขาไม่รู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน แล้วเธอมีคู่รักอยู่ก่อนแล้ว แต่ถ้ามีข่าวแบบนี้กับแฟนสาวของตน ผู้ชายคนไหนจะรับได้และยอมคบหากันต่อไป และอีกอย่างพี่ชายของเธอจะคิดอย่างไรเมื่อเห็นข่าวนั่น
“ฉันแน่ใจ” เธอย้ำอีกครั้ง
“แต่ถึงคุณจะไม่อยากให้ผมรับผิดชอบหรือเรียกร้องค่าเสียหายอะไร แล้วพี่ชายคุณล่ะ เขาจะว่ายังไง ลองข่าวมันฉาวโฉ่ขนาดนี้” ที่อาติณณ์คิดแบบนี้ เพราะมั่นใจว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับน้องสาวตนเองเขาคงไม่ยอมเช่นกัน แต่ไม่ใช่ว่าจะยอมให้ผู้ชายคนนั้นรับผิดชอบ หากแต่เป็นการจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งให้ผู้ชายคนนั้นได้รู้เสียบ้างว่าอย่ามาทำให้น้องสาวของเขาเจ็บ
ขวัญข้าวอึ้งไปเล็กน้อย แต่เป็นการอึ้งเพราะความห่วงใยที่เขาแสดงออกมาในคำพูด อย่างน้อยเขาก็ห่วงใยความรู้สึกของเธอและพี่ชายที่เธออุปโลกน์ขึ้นมา
“ไว้ฉันจะพูดกับเขาเอง คุณกลับไปเถิด ฉันอยากพักผ่อน” น้ำเสียงและสีหน้า ดวงตาเธอเว้าวอน
“ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อน” อาติณณ์จำต้องยอมแพ้สายตาของเธอ เขาล้วงกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาแล้วหยิบนามบัตรส่งให้
“มีอะไรให้ช่วย หรือพี่ชายคุณจะเอายังไง ติดต่อผมได้ตลอดเวลา”
ขวัญข้าวมองกระดาษชิ้นเล็กในมือที่เขายื่นมาให้อย่างลังเล จะรับเอาไว้ดีไหม ก็ในเมื่อเธออยากจะลืมทุกอย่างเกี่ยวกับคืนวันนั้น รวมถึงลืมเขาด้วย ฝ่ายอาติณณ์เมื่อเห็นหญิงสาวยังนิ่ง เขาก็คว้ามือเธอมาแล้ววางนามบัตรลงไป
“ผมพร้อมรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไปทุกอย่าง และยินดีช่วยเหลือคุณเสมอขอให้บอก” เขากำมือเธอเบาๆ เหมือนการย้ำในคำพูด
ขวัญข้าวมองมือสีต่างที่บีบกระชับมือเธอ แล้วช้อนสายตาขึ้นมองหน้าเขาเต็มตาเป็นครั้งแรก ดวงตาเขาสื่อความจริงใจในคำพูดที่บอก หน้าตาของเขาเธอเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้พิศมองเช่นครั้งนี้ เครื่องหน้าของเขาทุกชิ้นสวยสมบูรณ์แบบ เขาจัดเป็นหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม ต่างกับอินทุอรน้องสาวที่ดูจืดชืดลิบลับ