ตอนที่5 อันธพาลในผับ
ไอ้เฟียสและไอ้เทพสองเด็กกากเดินกลับไปที่โต๊ะของพวกมัน โดยมีผมเดินแทรกนักเที่ยวคนอื่นสะกดรอยตามพวกมันไปติดๆ ราวกับเจ้ากรรมนายเวรของพวกมันที่ย้อนกลับไปเล่นงานตัวเอง จนกระทั่งผมเห็นผู้หญิงสองคนและผู้ชายคนหนึ่ง
“ไอ้เจได”
เชื่อไหม?
บางทีโลกมันก็กลมเกินเหตุ จนเหวี่ยงคนที่เราไม่อยากเจอหน้าให้มาอยู่ตรงหน้าได้ ชนิดที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงกันได้พ้น ทางออกเดียวที่มีก็คงเป็นการเผชิญหน้ากับความบังเอิญที่สุดแสนจะส้นตรีนให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปข้างหนึ่ง
ผมยืนมองพวกมันอยู่ห่างๆ เพื่อรอให้มันทำตามแผนที่ผมได้ยินมา ไม่นานไอ้เจไดกับผู้หญิงสองคนที่คาดว่าเป็นเหยื่อก็เดินออกไปวาดลวดลายส่ายสะโพกโยกย้ายตามจังหวะมันๆ ของดนตรี ไอ้กากสองคนมันก็ไม่ได้พูดผิดนักหรอก
ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมอนุมานเอาเองว่าหล่อนน่าจะชื่อ ‘มินนี่’ มีความสวย น่ารัก มองดูโดดเด่นกว่าใครรอบๆ ตัวของหล่อน ปากนิด จมูกหน่อย ตาโต ผิวขาว ผมยาว มีเสน่ห์ชวนมอง โดยเฉพาะรอยยิ้มที่ผมมองแล้วยังเกือบจะเคลิ้มไปกับความน่ารักของหล่อนด้วยอีกคน
แต่บางทีแสงไฟในผับบวกกับแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดมันก็หลอกตาเราได้เสมือนโลกมายาเหมือนกัน ผมบอกกับตัวเองแล้วมองกลับไปที่โต๊ะ ไอ้เฟียสและไอ้เทพกำลังใส่ยาลงไปในแก้วเหล้า พวกมันสองคนกระหยิ่มยิ้มหย่องหันมองไปยังไอ้เจไดและเหยื่อสาว
นี่เหรอวะ… ลูกรักของพ่อ เหอะ!
ถ้าพ่อได้รับรู้ความระยำของมันกับพวกในคืนนี้บางทีท่านอาจจะมองผมดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ ไอ้เจไดมันฉลาดในการสร้างภาพลักษณ์ให้พ่อแม่มองว่าเป็นเด็กดี สุภาพ เรียบร้อย อยู่ในโอวาทมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ต่างกับผมที่เหมือนกับวายร้ายในบ้านทำอะไรแมร่งก็ผิดตลอด
จนบางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่าผมคงผิดมาตั้งแต่เกิด
ไอ้เจไดมันมีทั้งแม่และพ่อ แต่ผมแทบไม่เหลือใครเลย มาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่าไอ้เจไดมันมีสถานะเกี่ยวข้องกับชีวิตของผมยังไง
มันเป็นน้องชายต่างแม่ของผม!
เราสองคนอายุห่างกันสี่ปีเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่เด็ก พูดภาษาชาวบ้านแบบไม่ต้องดัดจริตประดิษฐ์คำอะไรก็เรียกว่าต่างคนต่างเกลียดกันนั่นแหละ ไอ้เจไดมันมีแม่เลี้ยงของผมที่คอยถือหางให้ท้ายแถมยังมีพ่อของผมที่ไม่ว่าผมจะทำดีขนาดไหนในสายตาของท่าน ผมมันก็เป็นลูกนอกคอก เป็นลูกชายเลวๆ อยู่วันยังค่ำ
ผมยืนกำหมัดแน่นจนไม่รู้ตัวว่าเล็บจิกเข้าไปในเนื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ บางทีอดีตมันก็โหดร้ายและย้อนกลับมาทำให้เราเฟลได้ตลอดเวลาที่นึกถึงมัน สาวนักเที่ยวคนหนึ่งเต้นเข้ามาใกล้ๆ ผมและใช้หน้าอกของหล่อนดันกระแทกผมเบาๆ ทำให้สติผมกลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ พี่มาเที่ยวคนเดียวเหรอคะ”
สายตาหล่อนมีความอ่อยระดับร้อย ท่าเต้นก็เหมือนโคโยตี้กลับชาติมาเกิดมือข้างหนึ่งวางบนไหล่ของผมแล้วเต้นส่ายสะโพกไปรอบๆ พร้อมกับเล่นหูเล่นตาทำยังกับผมเป็นเสาให้หล่อนได้รูด โชว์ความเซ็กซี่ หน้าตา ผิวพรรณ หุ่นทรงก็พอได้อยู่หรอก แต่บังเอิญว่าคืนนี้ผมมีเรื่องให้ต้องจัดการ
“คืนนี้ไม่ว่าง ถ้าอยากได้ผัวละก็ไปหาทางอื่นก่อนนะน้อง”
“…”
บางคนก็ไม่ชอบคำพูดตรงๆ หรอก เหมือนผู้หญิงคนนั้นที่ทำหน้าเหวอๆ ทำปากขมุบขมิบซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าหล่อนคงสบถด่าผมแล้วเดินห่างผมออกไป ผมมองไปที่โต๊ะของไอ้เจไดกับเพื่อนกากๆ ของมันอีกครั้งเห็นมันและผู้หญิงสองคนพากันเดินกลับไปที่โต๊ะหลังจากเพลงจบลง
“ได้เวลากระชากหน้ากากเทพบุตรแล้วสินะ”
ผมเดินตรงไปที่โต๊ะของไอ้เจไดกับพวก คืนนี้คงเป็นโชคดีของผู้หญิงสองคนนั้น และคงเป็นโชคร้ายของไอ้เจได ไอ้เฟียส ไอ้เทพ ที่ดันดวงกุดมาเจอไอ้แจสเปอร์…
อีกเดี๋ยวได้เฟี้ยวแน่!
[มินนี่ TALKS]
“ดื่มหน่อยสิครับน้องมินนี่ แค่นิดหน่อยเองไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าเมาเดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านเอง นะครับ”
พี่เจไดและเพื่อนๆ ของเขาพยายามคะยั้นคะยอให้ฉันดื่มเหล้าในแก้ว
“มินนี่ดื่มไม่เป็นจริงๆ ค่ะพี่”
ฉันหาข้ออ้างบอกปัดพวกเขาไป เนื่องจากไม่อยากดื่มสักเท่าไหร่
“โถ่ทำเป็นเด็กไปได้แค่นิดหน่อยไม่เมาหรอก ฉันยังดื่มไปตั้งหลายแก้ว ดูสิไม่เห็นจะเมา”
วาวาเริ่มทำเสียงอ้อแอ้ ใบหน้าของนางดูแดงแจ๋บวกกับท่าทางที่เปลี่ยนไป ฉันกล้าเอาหัวเป็นประกันว่าวาวาเมาชัวร์ แต่เจ้าตัวก็ยังยืนยันว่าไม่ได้เมาเลย ฉันจะบอกยังไงดีว่าที่ฉันไม่อยากดื่มเหล้าเข้าไปก็เพราะว่ายัยวาวานี่แหละ ถ้าฉันเมาไปอีกคนใครจะคอยดูแลนาง
ตอนนี้ทุกคนมองมายังฉันเป็นตาเดียวกันเหมือนพยายามจะให้ฉันดื่มเหล้าแก้วนั้นให้ได้
“แก้วเดียวเองครับน้องมินนี่ คืนนี้เราจะได้สนุกกันเต็มที่”
เพื่อนของพี่เจไดที่ชื่อพี่เฟียสเอ่ยขึ้น
ฉันมองไปรอบๆ ตัว บรรดานักเที่ยวทั้งหลายต่างดื่มกินเต้นรำกันสนุกสนาน เอาจริงๆ นะฉันก็ไม่ได้ชอบมาเที่ยวผับแบบนี้สักเท่าไหร่ มันดูน่าอึดอัด และไฟแสงสีในนี่ก็ชวนให้ตาลาย ยังไม่รวมกับกลิ่นบุหรี่เหม็นๆ ที่ฟุ้งอยู่แทบจะทุกที่
“นะครับแก้วเดียวแล้วพี่จะไม่บังคับให้น้องมินนี่ดื่มอีกเลย”
พี่เจไดส่งยิ้มชวนใจละลายพร้อมกับยื่นแก้วเหล้ามาตรงหน้าของฉัน จนฉันคิดจะตัดความรำคาญด้วยการกระดกเหล้าในแก้วซะให้หมด ไอ้เรื่องดื่มนี่ปกติตอนคุณพ่อยังอยู่เมืองไทยหลังจากเลิกงานพ่อมักชอบชวนฉันดื่มอินซัมจู (인삼주) เป็นเพื่อนท่านเสมอ (อินซัมจูหรือ เหล้าโสม เป็นเหล้าที่ได้ความนิยมมากในกลุ่มผู้สูงอายุ และยังติดอันดับของขวัญยอดนิยมที่ชาวเกาหลีจะซื้อและมอบให้กับญาติผู้ใหญ่อีกด้วย)
“ก็ได้ค่ะ แต่มินนี่ขอดื่มแค่แก้วเดียวนะคะ”
“ได้สิครับแค่แก้วเดียวเท่านั้น ใช่ไหมพวกเรา”
“ดื่มเลยๆ ๆ”
พี่เจไดและเพื่อนส่งเสียงร้องเชียร์ฉันราวกับกองเชียร์
ฉันรับแก้วเหล้าจากมือพี่เจไดมาถือเอาไว้แล้วหันมองหน้าทุกคน
“งั้นมินนี่จะดื่มแล้วนะคะ”
ฉันยกแก้วเหล้าขึ้นจ่อที่ริมฝีปาก แต่ยังไม่ทันได้ดื่มมันลงไปก็มีมือใครบางคนมาแย่งแก้วเหล้าไปจากมือของฉัน แล้วสาดเหล้าในแก้วใส่ไปทางพี่เทพและพี่เฟียส
“เฮ้ย! อะไรวะ”
“เปียกหมดเลยสัส”
ทั้งพี่เฟียสและพี่เทพโวยวาย บรรยากาศสนุกสนานเมื่อครู่กลายเป็นตรงกันข้าม
“มึงหาเรื่องเหรอวะ”
“เออ! กูอยากมีเรื่อง”
ผู้ชายที่เดินเข้ามายังโต๊ะของเราส่งเสียงดัง ซึ่งฉันเห็นเขาเพียงหางตาเท่านั้น ฉันเห็นว่าพอพี่เฟียสและพี่เทพเห็นหน้าของผู้ชายคนนั้นแล้วสีหน้าพวกเขาที่เหมือนจะเอาเรื่องก็ดูเจื่อนลงไปทันที
“พี่แจสเปอร์!”
เสียงของวาวร้องขึ้นสีหน้าของนางเหมือนเห็นผี พอฉันหันกลับไปมองก็พบว่าคนที่ชื่อแจสเปอร์ยืนซ้อนหลังฉันอยู่ เขาตัวสูง ผิวขาว มีรอยสักเต็มตัว และหน้าตาดี แต่ท่าทางโคตรจะกวนบาทา
“นึกว่าใคร”
พี่เจไดยิ้มมุมปาก ก่อนจะลุกขึ้นยืน จากนั้นพี่เฟียสและพี่เทพก็พากันยืนอยู่ข้างหลังของพี่เจไดเสมือนกองหนุน
“ที่แท้ก็ขาใหญ่ประจำมหาลัยฯ นี่เอง คืนนี้เหงาเหรอถึงได้เข้ามาหาเรื่องพวกกู”
“มินนี่ มานี่เร็ว”
วาวาดึงฉันให้หลบไปจากการเผชิญหน้าของพวกหนุ่มๆ นางดึงแรงมากจนฉันแทบเซเข้าไปหานาง
“กูก็แค่คันไม้คันมือนิดหน่อย นี่มึงออกมาเที่ยวขออนุญาตแม่แล้วหรอไอ้ลูกแหง่ เดี๋ยวแม่โทร.ตามจะอายหญิงเอานะโว้ย” คนที่ชื่อแจสเปอร์อมยิ้ม ปากเขาคาบบุหรี่เอาไว้ด้วย
“ไอ้แจสเปอร์ ปากดีนักใช่ไหมมึง”
จู่ๆ พี่เจไดก็กำหมัดพุ่งเข้าหาผู้ชายคนนั้น แต่ยังไม่ทันถึงตัวเขาอีกฝ่ายก็ยกเท้าขึ้นถีบหน้าอกจนพี่เจไดกระเด็นไปชนโต๊ะข้างๆ ล้มลงไปกองหมดสภาพ ตอนนี้ผู้คนรอบๆ โต๊ะของเราเริ่มหยุดกิน หยุดดื่มแล้วหันมาให้ความสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ไอ้ไก่อ่อน”
คนที่ชื่อแจสเปอร์เดินเข้าไปหาพี่เจไดที่ยังล้มอยู่ พี่เฟียสและพี่เทพแทนที่จะเข้ามาช่วยเพื่อน พวกเขากลับเดินถอยหลังออกไปเหมือนจะกลัวนายอันธพาลคนนี้ จนฉันคิดว่าต้องทำอะไรบางอย่างแล้วสินะ ก่อนที่พี่เจไดจะถูกเขารังแก แล้วฉันก็หันไปเห็นแก้วเหล้าที่โต๊ะข้างๆ ฉันหยิบมันและเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างพี่เจไดและผู้ชายอันธพาลคนนั้น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เขาหันมองหน้าฉัน แล้วฉันก็สาดเหล้าใส่หน้าของเขาทันที
“ซวยห่าแล้ว… มินนี่”
วาวาร้องเสียงหลงพร้อมกับยกมือขึ้นป้องปากของนาง