“อื้อ~” เสียงเดินของใครบางคนรบกวนให้คนที่หลับสบายอยู่บนเตียงส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ เธอเหยียดแขนทั้งสองข้างเพื่อบิดไล่ความขี้เกียจออกไป
“มาอยู่ที่นี่จนถึงเย็น กลับบ้านไปแม่มะลิจะไม่ดุเอาเหรอ?” เตชินเอ่ยถามคนที่เพิ่งตื่นนอน หลังจากที่มะปรางหลับอยู่บนเตียงของเขาจนมืดค่ำ
“บอกแม่แล้วว่าจะออกไปหาอะไรทำ อาจจะกลับบ้านดึกหน่อย”
“เฮียมีงานด่วนต้องไปจัดการ หนูกลับบ้านเลยไหม”
“เฮีย...” มะปรางไม่ได้ตอบคำถามของเตชินเมื่อครู่ แต่กลับเอ่ยเรียกชายหนุ่มเสียงหวานพร้อมกวักมือเรียกให้เขามาหา ซึ่งเตชินก็รีบเดินไปหาเธออย่างไม่อิดออด
“ครับ”
“ตรงนี้ห้าร้อย ตรงนี้หนึ่งพัน” เด็กสาวเจ้าเล่ห์พูดพร้อมชี้ไปที่หน้าผากแล้วเลื่อนนิ้วชี้ไปที่แก้มตามลำดับ เตชินทำสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยขณะที่นั่งลงบนเตียงนอนเคียงข้างเธอ
มะปรางขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเลื่อนใบหน้าหวานซบลงบนบ่าแกร่งแล้วเงยมองชายหนุ่มด้วยสายตาออดอ้อน เตชินยกยิ้มมุมปากก่อนจะก้มลงไปจูบที่หน้าผากมนของเธออย่างอ่อนโยน
“ห้าร้อย” มะปรางพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้เตชินรับรู้ความต้องการของเธอในทันที แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลื่อนใบหน้าไปหอมแก้มและจูบหน้าผากของเธอสลับไปมาหลายครั้งตามความพอใจของตัวเอง โดยที่มะปรางก็คำนวณเงินตามจำนวนครั้งอย่างรวดเร็ว “พันห้า สองพัน สองพันห้า สามพันห้า สี่พัน สี่พันห้า”
“เด็กเจ้าเล่ห์”
“เอาอีก” คนได้ใจร้องขอเสียงออดอ้อน ซึ่งเตชินก็แกล้งทำเป็นเมินเฉยโดยการแนบแก้มสากลงบนหน้าผากมนของเธออย่างหยอกล้อ
“กลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวเฮียให้เด็กของเฮียไปส่ง”
“เด็กของเฮีย?” มะปรางพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนจะน้อยใจก็ไม่ปาน จากสีหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่กลายเป็นสีหน้าบึ้งตึงทันที เธอไม่คิดว่าเขาจะมีเด็กคนอื่นอีกนอกจากเธอ ก่อนจะเริ่มระบายยิ้มอ่อน ๆ เมื่อเขาอธิบายให้เธอกระจ่าง
“ทำไมทำหน้าอย่านั้น เฮียหมายถึงเด็กฝึกของเฮีย คนที่หนูเห็นเมื่อเช้าไงครับ เดี๋ยวเฮียพาไปแนะนำให้รู้จัก”
แกร๊ก!
เตชินจูงมือมะปรางเดินเข้ามาในห้องทำงานที่มี เซน ซาน และนาวินอยู่ภายในนั้น เตชินแนะนำให้มะปรางรู้จักกับทั้งสามคน
“คนนั้นชื่อเซนเป็นพี่คนโต คนนี้ชื่อซานเป็นน้องชายของเซน แล้วก็คนที่นั่งประดิษฐ์ของอยู่ตรงโน้นชื่อนาวิน ส่วนพวกแกสามคน นี่มะปรางเป็นคนที่นี่ รู้จักกันเอาไว้”
มะปรางเดินไปยังโต๊ะทำงานของเซน เธอคุ้นเคยกับใบหน้าของเขา มือเรียวหยิบแว่นที่วางอยู่บนโต๊ะของเขาขึ้นมาในระดับเดียวกับดวงตา
“เซน เด็กใหม่ที่ไอ้เติร์ดเคยบอก แฝงตัวเนียนเลยนะ” เซนดึงแว่นตาของเขาจากมือมะปรางมาถือไว้
“พี่ปราง เห็นไอ้เติร์ดพูดถึงอยู่บ่อย ๆ ไม่คิดว่าจะเป็นเด็กของหัวหน้าเหมือนกัน”
“เดี๋ยวเซนไปส่งมะปรางที่บ้านด้วยนะ วันนี้ฉันมีงานด่วนต้องไปจัดการ” เตชินพูดพร้อมหยิบแจ็กเกตบนโซฟามาสวมใส่ ก่อนจะหยิบเงินจำนวนห้าพันบาทออกจากกระเป๋าสตางค์
“ครับหัวหน้า” เซนขานรับอย่างไม่เรื่องมาก ก่อนที่เตชินจะเดินมาหามะปรางที่ยืนอยู่ใกล้เซน
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ หนูมาหาเฮียได้ตลอดเลยนะ” เขารั้งศีรษะทุยเล็กเพื่อประทับจูบลงบนหน้าผากมนของเธอเบา ๆ มะปรางไม่ได้ขัดขืนเพียงแค่ตกใจเล็กน้อยที่เขากล้าจูบเธอต่อหน้าเด็กฝึกทั้งสามคน “จุ๊บ~ ห้าพันบาทพอดี”
พูดจบเขาก็ให้เงินกับเธอตามจำนวน แล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน โดยที่เซน ซาน และนาวินต่างก็หันมายิ้มแหยให้กัน ผู้หญิงเพียงคนเดียวภายในห้องได้แต่ทำสีหน้าไม่ถูก เธอแสร้งทำเป็นนับเงินแก้เขิน ก่อนจะเก็บมันลงในกระเป๋าสะพาย
“ไปครับพี่ปราง เดี๋ยวผมไปส่ง” เซนลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน เขาสวมใส่แว่นให้ดูเป็นเด็กเนิร์ด ก่อนจะเดินนำหน้ามะปรางออกไป
“ไปก่อนนะทุกคน” มะปรางกล่าวลากับอีกสองคนที่อยู่ในห้อง
“ครับพี่ปราง” นาวินเงยหน้ามาพูดกับมะปรางเล็กน้อย ทั้งที่สองมือยังวุ่นวายอยู่กับสิ่งประดิษฐ์ตรงหน้า
“แวะมาที่นี่บ่อย ๆ นะพี่ปราง พี่มาแล้วหัวหน้าอารมณ์ดีเป็นพิเศษ” ซานพูดตามหลัง ขณะที่มะปรางกำลังจะเดินออกไปจากห้อง ใจดวงน้อยมันเต้นแรงผิดจังหวะเมื่อได้ยินซานพูดออกมาอย่างนั้น
ณ สถานีตำรวจ
“จริงหรือเปล่าคะที่ว่าเหตุการณ์จลาจลเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมามีเหยื่อถูกข่มขืนด้วย”
“ถ้าเป็นเรื่องจริงแล้วปิดข่าวเรื่องที่มีเหยื่อถูกข่มขืนทำไมคะ”
“ใจเย็น ๆ นะครับทุกคน ที่ทางเราต้องปิดข่าวเรื่องนี้เพราะมันเป็นความต้องการของผู้เสียหายเอง...”
เสียงเจี๊ยวจ๊าวของนักข่าวที่จ่อไมค์แย่งกันถามหาข้อเท็จจริงจากปากของตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เนื่องจากข่าวสุดช็อกถูกเผยแพร่ออกไปรวดเร็วจนควบคุมไม่อยู่ มันปะทุและกลายเป็นเรื่องใหญ่อีกครั้ง
เตชินที่มองเหตุการณ์อยู่ไกล ๆ เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ข่าวโศกนาฏกรรมครั้งนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงและเป็นที่จับตามองของคนในประเทศ กระแสกดดันจากสังคมโซเชียลทำให้ตำรวจกำมะลออย่างเขาต้องทำงานอย่างหนัก ไม่ต่างกับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเลย
“ตายจริง! มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในชุมชนของเราด้วยเหรอเนี่ย” แม่มะลิเอ่ยพูดขึ้นขณะที่ดูข่าวผ่านหน้าจอทีวี โดยไม่รู้เลยว่าลูกสาวที่กำลังจัดการกับถ้วยจานบนโต๊ะอาหารมือไม้สั่นไปหมด เนื่องจากข่าวที่ปรากฏอยู่หน้าจอทีวีมันทำให้เธอนึกถึงเรื่องราวของวันนั้น วันที่เธอควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้วทำเรื่องน่าอับอายออกไป
“...!” มะปรางได้แต่คิดเป็นตุเป็นตะว่าการกระทำของเธอในวันนั้นมือคือการข่มขืนหรือเปล่านะ ถ้าเป็นอย่างนั้น เตชินก็คือเหยื่อที่ถูกเธอกระทำชำเรา
“มะปราง!”
เพล้ง!
จานที่ถืออยู่ในมือตกแตกทันทีที่คนเป็นแม่เอ่ยเรียกชื่อของเธอ มะปรางมีสีหน้าที่วิตกกังวล เธอรีบก้มลงไปเก็บจานที่แตกเกลื่อนพื้นทันที
“ซุ่มซ่ามอีกแล้วนะยัยลูกคนนี้” คนเป็นแม่เดินไปหาลูกสาวพร้อมถือไม้กวาดกับที่รองเศษขยะติดมือมาด้วย มะปรางเก็บของที่แตกกระจัดกระจายตรงหน้าอย่างลนลาน และด้วยความไม่ระมัดระวังทำให้เศษจานบาดนิ้วมือของเธอเข้าให้
“โอ๊ย!”
“นั่นไงได้แผลจนได้ เป็นอะไรไปฮะมะปราง ทำไมเดี๋ยวนี้เหม่อลอยบ่อยจัง”
“แม่... ปะ...ปรางรู้สึกไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัวเท่าไหร่ ปรางขอตัวก่อนนะ” พูดจบ มะปรางก็รีบเดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง โดยที่มีแม่มะลิมองตามด้วยความสงสัย เพราะอาการของลูกสาวดูแปลกไปจนน่าเป็นห่วง
มะปรางเดินเข้ามาภายในห้องพลางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงด้วยความทรมาน
“อึก!” เธอมีอาการใจสั่นอีกแล้ว ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ ความรู้สึกของเธอมันจมดิ่งลงไปในห้วงเหวลึกที่ดำมืดตลอด
นี่ขนาดเธอพลาดกินไปแค่เม็ดเดียวยังเป็นถึงขนาดนี้ แล้วคนที่พลาดผิดเสพติดมาก ๆ แล้วต้องการจะเลิกมัน พวกเขาเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร