บทที่13
ปรับความเข้าใจ
หลังจากทานข้าวเสร็จพ่อกับแม่ผมก็พาเด็กๆ ไปซื้อของใช้ส่วนตัวและของเล่นที่ห้างผมเลยบอกให้ลูกน้องและแม่บ้านออกไปทำงานข้างนอกกันให้หมดในบ้านจึงเหลือวีนัสกับผมสองคน เธอไม่พูดไม่คุยถามคำตอบคำผมจึงขยับไปนั่งข้างๆ เธอแต่เธอก็ขยับหนี
“วีนัสเธอจะไม่หายโกรธฉันจริงดิ ถ้าเธอไม่หายโกรธฉันเธอจะกลายเป็นยักษ์เลยนะ ฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ”
“เอาเป็นว่าฉันหายโกรธ คุณก็ทำหน้าที่พ่อไปและช่วยเว้นระยะห่างกับฉันอย่างน้อยสองเมตรนะคะถือว่าฉันขอ”
“ฉันไม่ได้เป็นโควิดนะเว้ย!”
=__=!
“ไหนๆ วันนี้ลูกก็ไม่อยู่แล้วเธออยากไปซื้อของใช้ไหมฉันจะพาไป เสื้อผ้า นาฬิกา กระเป๋า รองเท้าฉันจะซื้อให้ถือว่าเป็นของขวัญที่เธอดูแลลูกๆ มาเป็นอย่างดี”
“ฉันไม่ได้เห็นแก่ข้าวของเงินทอง ขอโทษด้วยแต่คุณเก็บของพวกนั้นไว้ใช้กับผู้หญิงของคุณเถอะค่ะ”
ผมมองหน้าเธอด้วยสายตาผิดหวังพยายามเข้าใกล้ก็เหมือนมันยิ่งไกลออกไป ถ้าไม่ติดว่าผมเป็นคนดีผมคงอุ้มเธอพาดบ่าพาขึ้นไปจิ้มบนห้องเสียให้เข็ด ติดตรงที่ผมเป็นคนดีนี่แหละ
“วีนัสไปดูแมวที่ห้องฉันไหม”
วีนัสหันขวับมามองชายหนุ่มที่มองเธอด้วยสายตาออดอ้อน เธออยากจะเอานิ้วจิ้มตาให้บอดแต่บอดี้การ์ดข้างนอกคงจะยิงเธอทิ้งก่อนที่ลูกๆ เธอจะกลับมาแน่
“ปัญญาอ่อน!”
“โหววว แรงอะวีนัสฉันอุตส่าห์ง้อเธอแล้วนะทำไมต้องด่ากันขนาดนี้ด้วย เออตามใจ!”
ผมหันหน้าหนีไปอีกทางแต่วีนัสเธอก็ยังเฉยเมยกับผม ไม่ถามไม่คุยไม่ขอโทษตัวเองผิดที่ว่าผมควรจะมาง้อผมสิ
“ฉันรู้นะว่าฉันทำผิดกับเธอแต่เธอต้องเข้าใจว่าตอนนั้นฉันเจออะไรมาบ้าง ฉันผิดที่ดึงเธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ฉันเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนั้นเลย แฟนเก่าฉันถูกขืนใจต่อหน้าลูกน้องนับร้อย ถูกจับแก้ผ้าขึงกับเสาฉันรู้ทุกอย่างแต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย”
///วีนัส///
นี่มันแย่มากเลยนะฉันหันไปมองหน้าคุณโบ๊ทเขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ นี่คงเป็นตราบาปในชีวิตของผู้หญิงคนนั้น ตอนที่คุณโบ๊ทจับตัวฉันมาเขายังไม่เคยทำอะไรเลวทรามต่อหน้าลูกน้องเขาเลย แต่สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นเจอมันเกินไป
“ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้างคะ”
“สบายดีเธอกับเตชินผู้ดูแลแก๊งภูตะวันมีลูกด้วยกันอายุประมาณ6ขวบ ฉันไม่ได้อยากกลับไปคืนดีกับโมจิเพราะมันเป็นไปไม่ได้แล้วเพราะถ้าฉันทำแบบนั้นปัญหาของสองแก๊งนี้ก็ไม่จบไม่สิ้น”
“เธอโอเคใช่ไหมคะ ฉันหมายถึงสภาพจิตใจของเธอ”
“เรื่องนั้นผมไม่รู้แต่เวลา4ปีกว่าที่ผ่านมาผมพูดตรงๆ ว่าผมมีแต่คุณ ผมพยายามตามหาคุณแล้วแต่พ่อผมขอให้หยุด เพราะกลัวว่าจะมีปัญหากันไปมากกว่านี้”
ฉันถอนหายใจออกมาจนคุณโบ๊ทหันมามอง เขาเองก็คงเจ็บใจเรื่องคุณโมจิที่ถูกกระทำเลวทรามจนหน้ามืดมาลงกับฉัน ตอนนั้นฉันโกรธเขาเกลียดเขามากแต่พอได้รู้เรื่องจากพี่ชายฉันมาบ้างก็แอบใจหาย ยิ่งมาฟังรายละเอียดเบื้องลึกของภูตะวันฉันยิ่งเห็นใจคุณโมจิ
“เอาเป็นว่าฉันเสียใจด้วยแต่ที่พี่ชายฉันร่วมมือกับแก๊งภูตะวันพี่ชายฉันไม่ได้อยากทำแบบนั้นเลย คุณพ่อฉันต่างหากที่ร่วมมือกับพวกรัฐบาลประเทศนี้ พวกนั้นอยากยึดอำนาจของครอบครัวคุณ”
“เรื่องนั้นฉันพอรู้มาบ้างแล้วล่ะ” โบ๊ทตอบอย่างเหนื่อยใจก่อนจะมองหน้าวีนัสด้วยสายตาเศร้าหมอง
“อีกเรื่องนึงพี่ชายฉันอยากให้พวกคุณกำจัดคุณพ่อ”
“ทำไม?” ชายหนุ่มมีสีหน้าตกใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่วีนัสพูด
“ที่คุณพ่อจับตัวมีก้าไปเพราะต้องการเอาไปฝึก ต้องการพรากลูกไม่ให้ผูกพันกับฉัน ที่ฉันต้องมาอยู่ประเทศนี้ก็เพราะว่าคุณแม่รู้เรื่องความลับของคุณพ่อแถมท้องสองยังเป็นลูกสาว คุณพ่อไม่ต้องการทายาทผู้หญิงเขาต้องการแค่ผู้ชาย พี่วิคเตอร์ก็ถูกจับตัวไปตั้งแต่5ขวบ แต่พอโตขึ้นก็ตามหาฉันกับแม่จนเจอและแอบส่งเสียให้ฉันได้เรียนที่เดียวกับคุณไง”
“แต่ทำไมต้องฆ่าด้วยนั่นพ่อเธอนะ”
“ถ้าคุณพ่อยังอยู่สิ่งที่มีก้าต้องเจอคือการถูกปล่อยแช่น้ำข้ามวันข้ามคืน ถูกซ้อมยิ่งกว่าทหารป่วยก็ต้องทน ถูกปล่อยให้อยู่ในป่าใช้ชีวิตตามลำพังโดยไม่มีลูกน้อง ฉันทนไม่ได้แค่ลูกไอฉันก็รีบหายาพ่นคอแล้ว”
ผมฟังแล้วก็หดหู่ถ้าลูกต้องไปเจออะไรแบบนั้นผมก็คงทนไม่ได้เหมือนกัน ผมรู้ว่าไอ้งานผิดกฎหมายพี่ชายเธอไม่ได้ทำแต่พ่อของเธอต่างหากที่ทำ วีนัสเธอทำสีหน้าไม่สบายใจที่ต้องตัดสินใจแบบนี้เรื่องฆ่าพ่อเธอมันง่ายนิดเดียวตอนนี้พ่อเบย์ฉีดยากล่อมประสาทอยู่ที่โรงพยาบาลจนมีอาการเบลอพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง เห็นท่านเงียบๆ ท่านร้ายนะตายแบบทรมานทุกราย
“ฉันไปเตรียมทำขนมให้ลูกดีกว่า”
“เดี๋ยววีนัส คะ คือเรื่องของเรามันพอจะมีทางเป็นไปได้ไหม ฉันอยากสร้างครอบครัวกับเธอจริงๆ นะ”
วีนัสไม่ตอบแต่เธอเหมือนกำลังใช้ความคิด บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นเงียบจนได้ยินแต่เสียงเครื่องปรับอากาศ
“เรื่องนี้ฉันตอบคุณไม่ได้หรอกค่ะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวคุณและที่สำคัญฉันขอให้ลูกๆ เป็นคนตัดสินใจ”
“ไม่เป็นไรอย่างน้อยเธอก็ให้โอกาสฉันได้พิสูจน์ตัวเอง ไม่ต้องห่วงนะยังไงฉันก็จะทำให้ครอบครัวของเราสมบูรณ์และเพอร์เฟคที่สุดเลย”
เธอไม่ตอบแต่เดินหนีเข้าครัวไป ผมทิ้งตัวนอนยิ้มอยู่บนโซฟาหัวใจที่ห่อเหี่ยวกลับมามีชีวิตอีกครั้งจนกระทั้งผมเงยหน้าไปเจอไอ้กรณืที่ยืนกุมไข่อยู่บนหัวผม
“นายเป็นอะไรครับยิ้มอยู่คนเดียวเป็นบ้าติ”
“พ่องมึงสิ กูกำลังฟินใครให้มึงเข้ามาไอ้กรณ์กูกำลังปรับความเข้าใจกับเมีย!”
“แหมเรียกเต็มปากเต็มคำเลยนะครับ เดี๋ยวเขาก็ด่าพ่อกลับมาอีกหรอก”
“มึงนี่กวนส้นตีนกูจังแล้วเข้ามามีอะไร!” ผมลุกขึ้นมานั่งมองหน้ามันไอ้เวรนี่ควรถูกกระทืบให้หมาออกจากปากบ้าง
“อ๋อเปล่าครับไม่มีอะไร ผมขอตัวก่อนนะครับ”
=__=!