เสียงแหบพร่าของคนป่วยขัดการสนทนา เขามองหญิงสาวที่รีบเข้าไปดูแลคนป่วย
มาอยู่ได้แค่สามเดือนยังพูดภาษาท้องถิ่นเก่ง เขียนอักษรได้งดงามมีเอกลักษณ์ ทำอาหารก็อร่อย แล้วยังปรนนิบัติพัดวีคนป่วยได้อย่างดีเยี่ยมอีก สตรีจากดินแดนแห่งนี้ช่างน่าพิสมัยนัก
“ท่านชาย ได้โปรดออกไปก่อนนะเจ้าคะ นางตัวร้อนมาก ข้าต้องเช็ดตัวให้นาง”
เขาได้สติจากเสียงของนาง รีบพยักหน้ารับอย่างเก้อเขินเพราะมัวแต่มองนางเพลินจนทำตัวเสียมารยาท
“อาลั่ว”
“พ่ะย่ะค่ะ” อาลั่วขานรับเสียงเบาอย่างหวาด ๆ
“บอกเพื่อนของเจ้าปิดปากเรื่องนี้ให้สนิท เข้าใจไหม”
“องค์รัชทายาท” อาลั่วชักสีหน้าเป็นกังวล
“อยากถูกตัดคอเหรอ”
“ไม่ขอรับท่านชาย”
ยิ้มอย่างพอใจเมื่อคำขู่ใช้ได้ผล “ดีมาก จำไว้ว่าข้าคือต้าเสิน” แล้วมองไปตามถนน “ทำไมอาสวงถึงช้านักนะ”
ร้านอาหารไหมทอง
“หลงจู๊”
“ว่าอย่างไร”
“วันนี้ซูวี่ไม่มาทำงานขอรับ”
“เมื่อคืนลี่ชุนเพ้อเพราะพิษไข้ต้องดูแลกันทั้งคืน วันนี้จึงขอลาหยุดเพื่อดูแลนาง” หลงจู๊บอกกับหัวหน้าคนครัวที่ดูจากท่าทางแล้วเหมือนจะมาหาเรื่องหญิงสาวมากกว่ามารายงาน และเขาก็รู้ว่าจุดอ่อนของผู้นี้คือลี่ชุน “ข้าเลยอนุญาตให้นางหยุดงานดูแลลี่ชุนสามวัน ช่วงนี้เจ้าคงต้องเหนื่อยหน่อยนะ”
“ตั้งสามวันเชียว!”
“หรือเจ้าจะให้ข้าตามนางมาทำงาน แล้วปล่อยให้ลี่ชุนนอนป่วยอยู่คนเดียวล่ะ จะเอาอย่างนั้นก็ได้นะ ข้าจะให้คนไปตามนางให้เดี๋ยวนี้แหละ”
“ไม่ต้องขอรับ” เสี่ยวหมานรีบปฏิเสธ แม้จะไม่ชอบใจนางมากเพียงใดก็มิอาจทำอะไรได้ เพราะนางหยุดงานเพื่อดูแลคนที่เขามีใจให้นั่นเอง
“อือ” หลงจู๊มองตามแผ่นหลังหนาที่เดินกลับไปหลังร้าน แล้วหันกลับมาสนใจกับการทำงานของคนงานส่วนหน้าร้านต่อ “อาเว่ย”
“ขอรับหลงจู๊” เสี่ยวเอ้อร์หนุ่มตอบรับกระตือรือร้น
“กลางวันนี้เจ้าเอาอาหารไปให้ซูวี่กับลี่ชุนด้วยนะ”
“ขอรับ” แม้จะแปลกใจกับความเอาใจใส่เกินเหตุของหลงจู๊ แต่เสี่ยวเอ้อร์ก็รีบรับคำ ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายโดยไม่ปริปาก
คฤหาสน์ชิวเทียน
“อวี่กง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
รัชทายาทยื่นจดหมายที่ใส่ซองเอาไว้เรียบร้อยให้ขันทีคนสนิท
“ให้จี้เฟิงเอาจดหมายของข้าไปให้หมอหลวงและรอเอายากลับมาด้วย”
“พระองค์เป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ” อวี่กงถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก ดูไม่ออกเลยว่าพระองค์จะป่วย
“แค่เอามาเผื่อ ๆ ไว้เท่านั้น เผื่อคนของเราเจ็บป่วยขึ้นมาจะได้มียารักษาได้ทันท่วงที”
“เรื่องนั้นพระองค์ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อบ้านเถอะ”
“พ่อบ้านมีงานต้องทำเยอะแยะ แค่ข้ากับเจ้ามาอาศัยอยู่ที่นี่ก็เพิ่มภาระใหญ่หลวงให้เขามากแล้ว เรื่องแค่นี้ช่วยได้ข้าก็อยากช่วย”
ที่นี่คือตำหนักส่วนตัวของพระมารดา อยู่ห่างจากวังหลวงไปทางทิศเหนือประมาณหนึ่งร้อยลี้ ตอนที่พระนางยังมีชีวิตอยู่พระนางทรงโปรดที่นี่มาก ๆ และเขาก็มักจะมาพักอยู่บ่อย ๆ เพื่อรำลึกถึงพระนาง และใช้เวลานี้สืบดูทุกข์สุขของราษฎรไปด้วย “รีบไปสิ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ก๊อก ๆ ๆ
“แม่นาง”
ซูวี่หยุดมือที่กำลังเช็ดตัวให้คนป่วย มองบานประตูที่มีคนมาเคาะเรียกในยามวิกาล
“ใคร”
“อาสวง”
คำตอบของคนด้านนอกทำให้นางรีบวางผ้าเช็ดตัวลงในอ่างแล้วไปเปิดประตูให้เขา
“อาสวง เข้ามาก่อนสิ”
“ไม่เป็นไรแม่นาง ข้าแค่แวะเอายามาให้ตามคำสั่งของท่านชายเท่านั้น” นายทหารหยิบยาในอกเสื้อยื่นให้หญิงสาว
“ขอบคุณ ฝากบอกท่านชายด้วยว่าข้าขอบคุณท่านมาก ๆ” กล่าวอย่างซาบซึ้ง
“ท่านให้ถามว่าอาการของนางเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไข้ลดลงบ้างแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้นเลย”
“ท่านชายสั่งมาว่าถ้าไม่ดีขึ้นให้เปลี่ยนมาใช้ยาตัวนี้ เพราะตรงกับอาการป่วยของนาง รายละเอียดการใช้ยาเขียนกำกับเอาไว้ในห่อเรียบร้อยแล้ว”
“เจ้าค่ะ ฝากขอบคุณท่านชายอีกครั้ง น้ำใจครั้งนี้ข้าจะไม่ลืมเลย” หญิงสาวที่หลงยุคมาไกลถึงสี่ร้อยปีโค้งศีรษะให้อีกฝ่าย
อาสวงโค้งศีรษะกลับไป “อย่าได้เกรงใจ ข้าแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น”
“ฝากบอกท่านด้วยว่าถ้ามีโอกาสข้าจะไปขอบคุณท่านด้วยตัวเอง”
“ข้าจะบอกท่านให้” อาสวงรับคำหญิงสาว คุยด้วยอีกไม่กี่ประโยคก็กล่าวลา
หลังจากอาสวงกลับไปแล้วซูวี่ก็รีบแกะห่อยา อ่านรายละเอียดที่แนบมาด้วยอย่างถี่ถ้วน ทำตามทุกขั้นตอนอย่างถูกต้อง แล้วเฝ้ารอดูอาการของคนป่วยอย่างใกล้ชิด หลับบ้างตื่นบ้างแต่ก็สังเกตอาการด้วยความห่วงใย
ผ่านไปค่อนคืนก็รู้สึกใจชื้นขึ้นเป็นกอง เมื่ออาการเพ้อเพราะพิษไข้ของคนป่วยสงบลง ตัวเย็นลงจนเป็นปกติ ไม่บ่นหนาวบ่นร้อนให้ได้ยินอีก
“อือ”
เสียงครางของคนป่วยทำให้ซูวี่ที่กำลังจะเคลิ้มหลับสะดุ้งตื่น รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เป็นอย่างไรบ้างลี่ชุน”
“น้ำ ขอน้ำดื่มหน่อยพี่ซูวี่” คนป่วยร้องขอน้ำดื่มด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ซูวี่รีบลุกไปรินน้ำร้อนที่อุ่นเอาไว้ตลอดให้หญิงสาวได้ดื่ม “เป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกดีขึ้นหรือยัง”
“อือ ดีขึ้นมากเลย”
“อย่าโกหกข้านะ ปวดตรงไหน มีอาการอย่างไรเจ้าต้องบอกข้ามาตรง ๆ นะลี่ชุน”
“ข้าดีขึ้นจริง ๆ พี่ซูวี่ ยังปวดเนื้อปวดตัวและเจ็บคออยู่แต่ก็ไม่รู้สึกปวดหัว ไม่จับไข้แล้ว”
“ไม่ต้องพูดแล้ว พูดไปก็ยิ่งเจ็บคอ นอนพักให้มาก ๆ ดื่มยาทุกมื้อเดี๋ยวก็หาย”
คนป่วยค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนอน มองหญิงสาวที่คอยดูแลในยามป่วยไข้อย่างใกล้ชิดด้วยความซาบซึ้ง
“ขอบคุณที่ดูแลข้าอย่างดีนะพี่ซูวี่”
“เลิกพูดแล้วก็นอนพักซะ จะได้หายไว ๆ ถ้าเจ้ายังไม่หายป่วยข้าคงจะป่วยตามเจ้าไปอีกคนแน่ แล้วพอถึงเวลานั้นจะไม่มีใครดูแลเจ้านะ”
“อือ”
และแล้วคำพูดของนางก็เป็นจริง หลังจากนั้นสามวันอาการป่วยของลี่ชุนก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่อาการของนางกลับทรุดหนักยิ่งกว่าตอนที่ลี่ชุนป่วยเสียอีก