ตอนที่ 8

1170 Words
“ฉันมีติดตัวอยู่ห้าพันเหรียญ พอไหม” วาดดาวถอยหลังออกห่าง มองเงินในมือหนาตาระห้อย อยากได้ก็อยากหรอกนะ แต่ไม่อยากเอาเปรียบใครอีกแล้ว “เก็บเงินของคุณเอาไว้เถอะ ที่ฉันพูดไปเมื่อกี้ ฉันล้อเล่น” “แต่ฉันให้เธอจริงๆ รับไปเถอะ ถือเสียว่าเป็นค่าเสียเวลา” “ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เอา เอาไว้ฉันกระโดดตัดหน้ารถนายอีกเมื่อไหร่ ค่อยจ่ายก็แล้วกัน ไปล่ะ” วาดดาวจะเดินหนี แต่ถูกมือหนาอบอุ่นคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน “ฉันจะตามเธอไปที่บ้าน” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงรู้สึกเอ็นดูเด็กสาวตรงหน้านัก ไม่ได้รังเกียจความมอมแมมของหล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว “ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องไป เพราะมันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก” เด็กสาวสะบัดแขนจนหลุด “ฉันไปล่ะ” “เดี๋ยวก่อนสิ” เมเตโอพยายามร้องเรียก แต่วาดดาวเดินหายไปไกลแล้ว เขาจึงทำได้แค่เก็บเงินใส่กระเป๋า และหมุนตัวเดินกลับบ้านแทน วาดดาวเดินมาไม่กี่ก้าวก็สวนกับเซเลน่าที่กำลังจะออกไปเที่ยวพอดี “เมื่อกี้แก... เอ้อ... น้องดาวยืนคุยกับใครน่ะ หล่อเชียว” “อ้อ คนมาถามทางน่ะ ฉันขอตัวนะพี่เซ” แล้ววาดดาวก็เดินเลี่ยงไป ทิ้งให้เซเลน่าขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัยเพียงลำพัง ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก หล่อนก็จำเป็นที่จะต้องทำ... ทำในสิ่งที่รู้อยู่เต็มอกกว่ามันผิด ผิดมหันต์เลยทีเดียว! กำแพงรั้วสูงเบื้องหน้าเป็นอุปสรรคอย่างมากสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ เช่นหล่อน วาดดาวเร้นตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านทอดยาวข้ามรั้วสูงเข้าไปภายในคฤหาสน์ หลังจากที่พยายามคิดมาตลอดทั้งคืน ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้คือทางเดียวที่จะพาหล่อนให้เข้าไปภายในอาณาจักรของคนรวยพวกนี้ได้ มือขาวสะอาดแต่ค่อนข้างหยาบกร้านเพราะทำงานหนักมาตั้งแต่เล็กยกขึ้นแตะเปลือกของต้นไม้เบื้องหน้า ดวงตากลมโตแหงนขึ้นไปมองยังยอดสูง แม้หล่อนจะไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยอะไร แต่การปีนต้นไม้สูงๆ แบบนี้ก็ทำเอาขลาดกลัวได้ไม่ยาก เด็กสาวกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด “เป็นไงเป็นกัน” แล้วร่างเล็กก็ทำในสิ่งที่อยู่ในหัวมาตลอดทั้งคืนทันที สองเท้าเหยียบย่ำลงบนกิ่งของต้นไม้อย่างระมัดระวัง มือเล็กจับกิ่งก้านแข็งแรงเอาไว้เพื่อทรงตัว อีกนิดเดียวก็จะถึงกิ่งใหญ่ที่ทอดผ่านข้ามรั้วเข้าไปภายในอาณาเขตของคฤหาสน์หรูแล้ว วาดดาวสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ อีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจก้าวไปยืนอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ ค่อยๆ คลานไปตามความยาวของมันทีละนิดทีละนิด ความสูงจากพื้นดินที่เห็นตรงหน้าทำให้เกิดความกลัวไม่น้อย “กระโดดลงไปขาจะหักไหมเนี่ย” เด็กสาวลังเลอยู่พักใหญ่ แต่ก็ไม่อาจจะหันหลังกลับได้อีกต่อไป ตุ๊บ!!! เสียงร่างเล็กกระแทกลงกับพื้นหญ้าดังสนั่น วาดดาวต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากเพื่อหยุดเสียงร้องครางด้วยความเจ็บร้าวเอาไว้ในทันที เมื่อได้ยินเสียงใครบ้างคนตะโกนดังออกมา “เสียงอะไรน่ะ” วาดดาวตกใจหน้าซีด ความไม่สุจริตจากสิ่งที่คิดจะทำส่งผลให้หล่อนต้องกัดฟันคลานไปซ่อนหลังพุ่มไม้ใกล้ๆ ด้วยความทุลักทุเลน่าเวทนา และไม่ช้าร่างสูงของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเดียวกับที่หล่อนเจอเมื่อวานเดินผ่านไป “เฮ้อออ นึกว่าจะไม่รอดเสียแล้วเรา” เด็กสาวเป่าลมออกจากปากอย่างโล่งอก ทิ้งตัวนั่งอยู่หลังพุ่มไม้เงียบๆ “แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าสร้อยเพชรนั่นอยู่ตรงไหนของคฤหาสน์หลังนี้” วาดดาวชะเง้อคอออกไปนอกพุ่มไม้ มองความหรูหราโอ่อ่าของสิ่งปลูกสร้างที่รายล้อมอยู่ตรงหน้าด้วยความเป็นกังวลขึ้นมาทันที “แล้วจะทำยังไงถึงจะเข้าไปในตัวตึกได้ล่ะ” เด็กสาวพยายามคิด... คิดจนหัวแทบจะระเบิดแต่ก็ยังคิดไม่ออก “ฉันอิ่มแล้วล่ะ” โอลิเวอร์เมินหน้าหนีจากอาหารที่ป้าเกรซกำลังป้อนให้ “คุณท่านรับประทานอีกสักหน่อยนะคะ” ป้าเกรซรู้สึกไม่สบายใจเลยกับท่าทางหมดอาลัยตายอยากของเจ้านาย “ฉันอิ่มแล้วจริงๆ หล่อนเอาไปเก็บเถอะ” ชายชราที่เส้นผมบนศีรษะกลายเป็นสีขาวโพลนขยับรถเข็นหนีออกมา ป้าเกรซรีบวางถ้วยข้าวต้มและรีบเดินมาเข็นรถให้อย่างเป็นห่วง “ถ้าคุณแม็ตรู้ว่าคุณท่านรับประทานนิดเดียว เธอคงเป็นห่วงแย่นะคะ” “หล่อนก็อย่าไปบอกเจ้าแม็ตมันสิ” ป้าเกรซก้มหน้าลงและอ้ำอึ้ง จะไม่ให้หล่อนรายงานเมเตโอได้ยังไงกัน ในเมื่อโอลิเวอร์ดื้อดึงเป็นเด็กทารกเช่นนี้ “หล่อนก็ชอบเอาเรื่องของฉันไปฟ้องเจ้าแม็ตมันตลอด” “อิฉันเป็นห่วงคุณท่านจริงๆ นะคะ” “คนแก่ๆ อย่างฉัน จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้ ไอ้ความหวังว่าจะได้อุ้มเหลนก่อนตายก็ไม่มีแล้ว ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมเหมือนกัน” “โธ่ คุณท่านขา อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ” ป้าเกรซใจคอไม่ดี “คุณท่านยังแข็งแรงอยู่เลยนะคะ” “อนาคตใครจะไปรู้ล่ะ บางทีพรุ่งนี้ฉันอาจจะตายก็ได้” “ไม่นะคะคุณท่าน อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ” ยิ่งฟังป้าเกรซก็ยิ่งใจคอไม่ดี โอลิเวอร์ระบายยิ้มบางๆ “หล่อนเข็นฉันไปที่ริมระเบียงหน่อยสิ ฉันจะนั่งรับลมตรงนั้นเสียหน่อย” “แต่ว่า... ถึงเวลาพักผ่อนของคุณท่านแล้วนะคะ และอีกอย่างแดดตอนบ่ายค่อนข้างแรง อิฉันเกรงว่า...” “พอเถอะ” โอลิเวอร์ยกมือขึ้นห้ามปรามคนที่กำลังพูดอยู่ “ฉันเข็นไปเองก็ได้” แล้วชายชราก็เอามือเหี่ยวย่นผ่ายผอมพยายามหมุนล้อของรถเข็นไปเรื่อยๆ ป้าเกรซสงสารต้องรีบตามใจ “อิฉันช่วยค่ะ” ใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีโอลิเวอร์ก็ได้มาอยู่ที่ระเบียงตามที่ต้องการ “หล่อนจะไปไหนก็ไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว” “แต่ว่า...” “ฉันไม่มีแรงกระโดดลงไปข้างล่างหรอกน่า” ป้าเกรซเต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่อาจจะขัดใจโอลิเวอร์ได้ “งั้นอิฉันจะกลับมาในอีกสิบนาทีข้างหน้านะคะ” “ฉันขอครึ่งชั่วโมง” “แต่..” “ไม่มีแต่ มีอะไรก็ไปทำเถอะ” โอลิเวอร์ตัดบทด้วยความเย็นชา ก่อนจะนั่งนิ่งเงียบ ป้าเกรซถอนใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ถอยหลังห่างออกไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD