ตอนที่ 2 คืนธรรมดา 1

1285 Words
ตอนที่ 2 คืนธรรมดา 1 “โธ่เว้ย! ทำไมต้องฝันเกี่ยวกับเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยวะ” เนื้อตัวที่ต่างชุ่มไปด้วยเหงื่อเต็มร่างกายของตัวเองจนผมต้องลุกมายืนที่ตรงระเบียงของคอนโดเพื่อรับลมเย็นๆ ของบรรยากาศชั้นบนสุดของตึก เมื่อมองไปรอบๆ ตัวต่างก็พบกับแสงไฟมากมายที่ระยิบระยับจากตึกอื่นๆ บ้าง จากบ้านเรือนบ้างทั้งที่อยู่ใกล้และอยู่ไกล “ทำไมผมถึงยังไม่ลืมคุณนะ..” ทำไมไม่ลืม... ตั้งแต่จากกันวันนั้นผมก็ไม่เคยกลับไม่พบหน้าของผู้หญิงคนนั้นอีกเลย ผมย้ายมหาลัย ย้ายออกจากหอเพื่อไปเรียนที่เมืองนอกจนจบแล้วค่อยย่างก้าวเข้ามาเหยียบแผ่นดินไทยเพียงแค่สองปีที่ผ่านมาเอง แต่ความทรงจำร้ายๆ ก็ยังคอยตามหลอกหลอนไม่เว้น แม่ง... ทำไมต้องเสือกจำ ทุกวันนี้ผมจึงเกลียดผู้หญิงที่เข้ามาหาตัวเองมากมาย ไม่เว้นช่วงเวลา สิ่งที่เป็นตัวเร้าให้เข้ามาก็คือรูปลักษณ์ภายนอกของผมเอง เกลียดที่ทำไมพวกเธอถึงไม่รู้จักคุณค่าของตัวเอง เกลียดที่มองผู้ชายแค่เปลือกนอกเหมือนอย่างกับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยรู้ว่าผมมีฐานะเป็นอย่างไร ทางบ้านมีกิจการอะไรและอีกอย่างในปัจจุบันนี้ผมก็เปลี่ยนเป็นตัดผมสั้นเรียบร้อยจึงเหมือนไฮโซคนมีเงินขึ้นมามากมั้ง ถึงมีผู้หญิงเข้ามาทำความรู้จักอย่างไม่ขาดสาย ก็อย่างว่าสมัยนี้มองที่รูปร่างภายนอกมากกว่าจิตใจ... Rr… “ว่า?” ผมกรอกน้ำเสียงอย่างปกติเมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นใครพร้อมกับยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก ก็แน่ล่ะตอนนี้เราสองคนเป็นเพื่อนซี้กันไปแล้ว ตั้งแต่ไอ้เพื่อนทั้งสามคนมันมีเมียเป็นตัวเป็นตนไปหมด [ไปฟันสาวกันเปล่าวะ?] น้ำเสียงที่ค่อนข้างเซงๆ พูดขึ้นเสียงดังที่ปลายสาย “ที่?” ไม่ต้องถามว่าผมจะตกลงไปไหมเพราะยังไงก็ไม่พลาดไปกับเพื่อนรักอย่างไอ้รูธทั้งที ความสนุกรอเพียบแน่ [ไหนก็ได้กูตามใจมึงไอ้แวน] “มันต้องอย่างนี้สิ ไอ้รูธว่าแต่มึงพึงออกเวรหรือวะ?” [เออ ก็เลยอยากพักผ่อนบ้างคลายเครียดตามประสาคนโสด] “หึ... แล้วเจอกัน” ไม่ต้องพูดกันให้มันมากความเพราะว่าผมเข้าใจที่ไอ้รูธมันพูดดี ผมเข้าไปจัดการอาบน้ำและแต่งตัวเพื่อออกไปด้านนอกทันทีโดยที่ไม่สนว่าจะเวลาเท่าไหร่ VENDEN: TALK END เสียงดนตรีที่ดังกระหึ่ม ณ คลับแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างจะมีผู้คนคับคั่งอย่างล้นหลามจนต้องเบียดเสียดร่างกายเบียดกันอย่างมากมาย มันค่อนข้างทึบและอึดอัดมากเป็นพิเศษ แบบนี้ฉันไม่ชอบเลยด้วยซ้ำแต่ดันไปรับปากเพื่อนๆ นักดื่มไว้จึงจำเป็นต้องมาโดยที่ไม่เต็มใจสักนิดเดียว “เอ้าๆ ดื่มๆ ชนๆ” เสียงของนาเดียร์ดังขึ้นจนถึงขั้นแสบแก้วหูทำไมเสียงถึงกังวานแบบนี้ก็ไม่รู้ทั้งที่คลับแห่งนี้ก็เปิดเพลงดังพอสมควร “ยกสิยัยนิน ฉันไม่ได้พาแกมานั่งเป็นเจ้าที่ ที่นี่นะเว้ย” “เออๆ รู้แล้วๆ” นาเดียร์พูดขึ้นทำให้คนในกลุ่มหันมาจ้องหน้าฉันอย่างเป็นจุดศูนย์รวมจึงทำให้ฉันจำใจยกขึ้นดื่มจนหมดแก้วไม่รู้ว่าเหล้าที่ดื่มไปมันมีฤทธิ์มากหรือน้อยด้วยซ้ำ จะเมาตายไหมวะ ถ้ามีอีกแก้วคงต้องแค่จิบๆ แล้ว ฉันขอแนะนำตัวเลยแล้วกันว่าฉันชื่อญานินเป็นลูกจ้างประจำร้านเค้กแห่งหนึ่งในเมืองหลวงนี่แหละ การศึกษาไม่ต้องถามปริญญายังไม่ได้เรียนด้วยซ้ำทั้งๆ ที่อายุย่างเข้าจะยี่สิบสองแล้ว เหตุก็เพราะว่าจนเป็นเหตุผลหลัก ยิ่งในยุคที่ข้าวของแพงแบบนี้เลี้ยงตัวและส่งเงินให้ปู่กับย่าที่อยู่บ้านนอกยังไม่พอใช้เลยด้วยซ้ำ ถ้ายังเสือกเรียนอีกก็ไม่ต้องมีชีวิตแล้ว “เออพวกแกฉันขอตัวกลับก่อนนะพรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้าตรู่” “เดี๋ยวๆ เฮ้ย! ญานิน” ยังไม่ได้ฟังเสียงของเพื่อนๆ สักนิดฉันก็ลุกขึ้นและก้าวออกมาทั้งที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อซ้ำๆ แต่ฉันก็ไม่กลับไปแล้วแหละ ฉันเลือกออกทางด้านหลังร้านทันที ถ้าเกิดว่าฉันหันไปฟังคำพูดของเพื่อน บอกเลยว่าเช้าก็ยังไม่ได้กลับด้วยซ้ำอีกทั้งตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกมึนๆ ยังไงชอบกล “อ๊ะเบาๆ หน่อยสิคะ น้ำไม่ไหวแล้ว โอ้...แวน..” เท้าฉันหยุดชักงักทันทีก่อนที่จะมองไปยังหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลังซุกไซ้กันอย่างเมามันอยู่ที่กำแพงในมุมมืด ช่างกล้าเนาะ “น่าไม่อาย” ฉันเลือกพูดขึ้นอย่างดังโดยไม่กลัวว่าสองชายหญิงนั้นจะได้ยินจนหยุดกิจกรรมดังกล่าวก่อนที่ฝ่ายหญิงจะมองมาทางฉันด้วยสายตาที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก ฉันไม่ผิดเพราะถ้าพวกนั้นไม่สนใจคำพูดฉันก็สามารถทำอะไรกันต่อได้อย่างสบาย ฉันก็ไม่ได้เข้าไปดึงหรือผลักพวกเขาสักหน่อย “ชอบแส่นักหรือคะ?” ผู้หญิงคนนั้นเดินมาและพูดขึ้น “ก็ไม่เชิงหรอกค่ะเพียงแต่ไม่อยากเห็นหมาเดือนสิบสองผสมพันธุ์กันเฉยๆ มันเป็นเสนียดสายตา” “แก แก...” “เอ๊ะ! จุ๊ๆ อย่ากรี๊ดนะคะเป็นสุภาพสตรีหน่อยเดี๋ยวผู้ชายจะเบื่อเอา” กึก! “เธอไม่ผ่านการเป็นผู้หญิงของฉันเสียใจด้วย ฉันไม่ชอบให้คนขัดจังหวะ” เสียงผู้ชายดังกล่าวเดินเข้ามาทำให้ฉันตะลึงมากยิ่งกว่าเจอดาราที่ว่าหน้าตาดีแล้วนะแต่... เทียบไม่ได้กับผู้ชายคนนี้ เขาตัวสูงโปร่ง ช่วงขายาวยิ่งกว่านายแบบบางคน ผิวขาวราวหิมะจะเรืองแสงหรือไงพ่อคุณ สีผมสีน้ำตาลตัดสั้นจนเข้ากับรูปใบหน้าหวานแต่นิสัยคงไม่หวานอย่างที่คิดเมื่อเขาปฏิเสธสาวที่ฉันพึ่งด่าไปเมื่อกี้อย่างไร้เยื้อใยสิ้นดีคงเป็น Playboy ตัวพ่อสินะ เขามองฉันด้วยหางตาอย่างเหยียดๆ จากนั้นก็เดินเฉียดฉิวโดยไม่สนใจอะไรมีเพียงกลิ่นหอมๆ ที่ถูกทิ้งเอาไว้กับอากาศ “แกทำให้ฉันเสียโอกาส รู้ไหมว่ากว่าจะได้เจอกับเขามันต้องใช้ความพยายามมากเท่าไหร่” ใบหน้าที่ค่อนข้างจะจริงจังและหาเรื่องเดินเข้ามาประชิดตัวของฉันทันที โดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิดเดียว เอ้า... ผู้ชายไม่เอาแล้วฉันเกี่ยวอะไร “เกี่ยวอะไร เอาเวลาไปเรียนดีกว่าไหมจะได้ไม่เสียเวลาวิ่งตามผู้ชายที่เขาไม่สนใจ?” ฉันตอกกลับหน้าหญิงคนนั้นอย่างเด็ดขาด “งั้นถ้าคนอย่างแกมีปัญญาให้เขาพาออกไปจากคลับด้วยฉันให้สองแสน” “สองแสน” นั้นมันเงินก้อนเชียวนะ สองแสนไม่ได้หาง่ายๆ สมัยนี้ ถ้าเป็นฉันก็ยิ่งอยากยิ่งกว่าการลงไปงมเข็มในมหาสมุทรอีก ไม่แปลกถ้าสายตาของฉันลุกวาวทันที เงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นมันทำให้ปู่ย่าสบายไปทั้งชาติเลยนะแต่ว่ามันค่อนข้างเสี่ยง เสี่ยงพอสมควร “หรือว่าไม่กล้าเพราะสารรูปอย่างเธอคงยากที่เขาจะเอา!” อีนี่... รู้จักอีนินคนนี้น้อยไปเสียงแล้ว “ตกลง ฉันรับคำท้า” ----------------------------------------------
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD