ตอนที่ 8 ตอแย 1

1182 Words
ตอนที่ 8 ตอแย 1 ประโยคแรกที่เขาเอ่ยขึ้นมันดังสะท้อนขึ้นมาซ้ำๆ กันในหัวของฉันทันทีจนตัวเองต้องรีบเอามือปิดปากไว้แน่นเพื่อหลัวตัวเองจะส่งเสียงออกมา “อยากเล่นซ่อนหาใช่ไหมถึงพูดดีๆ ไม่ชอบถ้าชั้นเจอบอกไว้เลยว่าเธอไม่เหลือซากแน่” “ทำไมเงียบ” เสียงนั้นเงียบลงจนทำให้ฉันอยู่ไม่ติดจึงค่อยๆ ที่จะออกจากเสาไปทีละนิดๆ จนตอนนี้ใบหน้ามองไปยังจุดที่แวนเดอร์ยืนอยู่เมื่อกี้แต่ทว่าตอนนี้กับไม่เห็นร่างใหญ่ของเขาแล้วแม้แต่เงา สายตาจึงสอดส่ายไปทั่วทั้งซ้ายและขวาก็ไม่เจอเขาแล้ว “หรือว่าจะกลับไปแล้ว..” ฉันเอ่ยพูดกับตนเองเบาๆ และหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ตอนนี้ตัวเองได้รอดพ้นจากเนื้อมือของไอ้สารเลวคนนั้น “อยู่ข้างหลัง” “…” เสียงแข็งอันราบเรียบพูดขึ้นมาทำให้ฉันหันหลังกลับไปทันทีก็พบกับนัยน์ตาดำสนิทของแวนเดอร์ทันที ใบหน้าที่เรียบแต่ฉันรู้ว่ามันแฝงความป่าเถื่อน โหดร้ายไว้ข้างในมันทำให้ตัวของฉันเหมือนถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ “ลุกขึ้นมา!” เขากระชากร่างกายของฉันให้ลุกขึ้นจากนั้นจึงลากเดินมายังรถ BMW M9 Concept โดยที่ไม่สนใจเลยว่าฉันที่โดนลากมาอย่างไม่มีความปรานีจะล้มลุกคลุกคลานกี่ครั้ง ได้แผลมากี่แผล “โอ้ย! ปล่อยฉันนะแวนเดอร์ฉันเจ็บ!” ฉันพูดขึ้นเสียงดังในขณะที่โดนลากทั้งๆ ที่ไม่ได้เดิน อย่างงกันเลย แวนเดอร์ลากฉันในท่านอน หงายด้วยแรงเสียดสีของตัวเองกับพื้นปูนมันทำให้ทั้งตัวของฉันถลอกเป็นแผลไปหมดโดยเฉพาะช่วงตัวด้านหลัง ดีนะที่ช่วงล่างฉันใส่กางเกงยีนก็เลยค่อนข้างหนาจึงไม่ค่อยเกิดแผลนัก “วิ่งมาไกลได้ ทำไมจะโดนลากกลับคืนไปแค่นี้ไม่ได้สำออยหรืออ่อยวะ?” ตอนนี้ฉันกำลังพยายามลุกขึ้นอย่างยากเย็น เสื้อยืดสีขาวเปื้อนไปด้วยฝุ่นและก็รอยเลือดเสียงแดงเป็นแห่งๆ บางจุดก็ขาดจนทำให้เห็นผิวที่ซ่อนอยู่ด้านใน “ฉันไปทำอะไรให้นายไม่ทราบทำไมนายต้องทำแบบนี้ด้วย เพียงแค่ฉันเข้าไปนั่งตักเพื่อทำตามคำดูถูกของยัยลาวาเท่านั้น!” “เธอทำเพื่อเงินมากกว่ามั้งลืมไปแล้วหรอ?” ฉันไม่เถียงเพราะมันจริงว่าเงินคือเรื่องหนึ่งส่วนเรื่องรองก็คือคำดูถูกจากผู้หญิงคนนั้น เขาอยู่ตรงหน้าฉันยิ้มเยาะออกมาอย่างน่าสมเพช “ฉะ ฉัน..” “เงินสำคัญกับเธอมากกว่าความรู้สึกคนอื่น” พอเจอประโยคนี้ไปทำไมฉันถึงพูดไม่ออกนะ มันตันไปหมดทั้งเสียงที่จะเปล่งออกมาหรือแม้กระทั่งสายตาที่มองแวนเดอร์ “พูดไม่ออกเลยใช่ไหม ก็แน่ล่ะมันเป็นความจริงนิ ความรู้สึกของฉันเป็นของเล่นให้พวกเธอเดิมพันเล่นๆ ด้วยเงินใช่ไหม มันไม่ได้มีค่าเลยนิ!” “นายพูดเรื่องอะไรฉันไม่เข้าใจ จริงอยู่ที่ฉันทำแบบนั้นแต่...” “แต่อะไร อย่าบอกนะว่าสนใจความรู้สึกฉัน” ฉันมองสายตาของแวนเดอร์ที่แวบหนึ่งมันแสดงออกมาว่าเจ็บปวดมากก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นสายตาที่เย็นชาราบเรียบเหมือนเดิม มันเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น เขาเปลี่ยนเร็วมาก “มันเป็นสิ่งที่คนอย่างเธอต้องชดใช้ให้ฉันไงญานิน” “จะบ้าหรือไง ถ้าเป็นเรื่องนั้นที่ในคลับ ฉันขอโทษที่ไปล้อเล่นกับความรู้สึกของนาย ขอโทษจริงๆ” “ง่ายแบบนี้เลยหรอ ง่ายไปมั้งคิดว่ายุ่งกับฉันแล้วจะไปแบบง่ายๆ งั้นสิ บอกเอาไว้เลยนะญานินงานนี้เธอเล่นผิดคน เมื่อกี้เธอยังทำฉันเจ็บตัวแล้วเรื่องอะไรจะเชื่อเธออีกครั้ง โอกาสมันมีให้แค่ครั้งเดียวในเมื่อเธอหนีไม่รอดก็รับกรรมที่ก่อซะ!” ฉันอึ้งกับคำพูดของเขายิ่งกว่า นายนั่นไม่รับคำขอโทษจากฉันอีกทั้งยังถามกลับมาด้วยอารมณ์ที่ยั่วยุอีกต่างหากและเมื่อมองไปที่ใบหน้าของแวนเดอร์ชัดๆ ก็เห็นคราบเลือดเปื้อนอยู่ “ถามจริงนายโรคจิตเปล่าเป็นโรคประสาทหรือไงถึงได้เป็นแบบนี้หรือว่ามีปัญหากับแฟน แฟนไม่รัก แฟนทิ้ง แฟนนอกใจ ฟะ” “หุบปาก!” “ไม่มีสิทธิอะไรมาสั่งฉัน นายไม่ใช่พ่อแม่หรือญาติเสียหน่อย ยิ่งกิริยามารยาททั้งทรามเลวป่าเถื่อนแบบนี้อย่าหวังว่าจะเชื่อเลย” ฉันตะหวาดใส่ใบหน้าแวนเดอร์อย่างไม่กลัวเหมือนกัน คิดว่าทำได้คนเดียวหรือไงการกระทำแบบนั้นบอกไว้เลยไอ้ญานินคนนี้ก็ทำได้เหมือนกัน “…” “คิดว่าเหนือคนอื่นนักหรือไง มีปัญหากับใครก็ไปเคลียร์กับคนนั้น ไปเคลียร์กับแฟนนายเลย ไปเคลียร์สิ! แฟะ..” ปัง! ฉันเอามือปิดหูทันทีด้วยอาการสั่นเทาเมื่อคนตรงหน้าตะหวาดใส่หน้าอย่างเกรี้ยวกราด ใบหน้าแข็งกระด้างบึ้งตึงราวเป็นคนละคน ขะ เขามีปืนและเขาก็ใช้มันยิงขึ้นฟ้าเมื่อกี้เอง เสียงปืนที่ดังสนั่นก้องไปทั่วแล้วตอนนี้ปืนก็อยู่คามือข้างซ้ายอย่างนั้นก่อนที่มือใหญ่จะกระชากมือฉันไปบีบแน่นจนห่อเลือด “มีสิทธิอะไรมาถาม?” “…” “อยู่ดีๆ ไม่ชอบใช่ไหม?” “…” “ไอ้แวนจัดให้ เข้าไป!” “…” ฉันถูกกระชากตัวแล้วก็ถูมือใหญ่ของแวนเดอร์พยายามยัดตัวของฉันเข้าไปในรถหรูสีส้มที่จอดไว้ ไม่รู้ว่าเขาไปเปิดประตูรถค้างไว้เมื่อไหร่แต่บอกได้เลยว่ามันเร็วมากและแล้วฉันก็พยายามสุดแรงด้วยการใช้เท้ายันกับประตูรถเพื่อไม่ให้เข้าไปได้ ให้ตายยังไงฉันก็ไม่เข้า! “ไม่เข้าไอ้เลว ปล่อยฉันนะ” “ถ้าไม่อยากตายตอนนี้ก็เข้าไป” น้ำเสียงโทนต่ำสุดขีดพูดขึ้นเหมือนพยายามกดอารมณ์ที่คุกกรุ่นตอนนี้ให้ฉันได้ยิน “ให้ตายก็ไม่เข้า” ยังไงฉันก็ไม่เข้าไปนั่งในรถกับไอ้เฮงซวยนี้แน่นนอน “ได้!” เขากระชากเข็มขัดของตัวเองออกแล้วจัดการมัดไปที่ข้อมือของฉันทันที ยิ่งดิ้นรนมากเท่าไหร่ก็ถูกรัดแน่นเท่านั้นก่อนที่จะอุ้มขึ้นรถและก็ยังคว้าเชือกด้านหลังเบาะรถมัดฉันไว้กับเบาะอีกทีพอเสร็จเรียบร้อยจึงปิดประตูเดินไปประจำที่คนขับทันที “ไอ้โรคจิตทำแบบนี้ทำไมปล่อยฉันนะ ปล่อย บอกให้ปล่อย ขาดความอบอุ่นจากบ้านหรือไง ปล่อย!” “ใช่! ขาดมากไอ้ความอบอุ่น งั้นเรามาทำความอบอุ่นกันในรถมั้งดีกว่าคงจะฟินใช่ย่อย” 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD