“อะ แล้วเพื่อนที่จะออกค่ารักษาพยาบาลให้นี่ เป็นใครเหรอ” พลีสนึกขึ้นมาด้วยความสงสัย
“เป็นเพื่อนสมัยมหา’ ลัย พี่เคยช่วยงานมันผ่าน F มาได้ ถึงแม้มันจะได้ D ก็ตาม”
“ได้ดีที่ว่าคือ A เหรอ”
“เหอะ ไม่ใช่ ตัว D เลย”
“อ้อ” เธอทำหน้าเข้าใจ
“ก็ถือว่าเป็นการแลกกันน่ะ พี่ทำให้มันผ่าน มันก็ช่วยเรื่องการเงินแทน”
“แล้วต้องไปจ่ายคืนเขาไหม”
“ไม่ต้อง ๆ แต่พี่ต้องไปทำงานให้มันแทน”
“อ้าว ซะงั้น ทำงานอะไรเหรอ” พลีสลุกขึ้นมานั่งบนเตียง หันหน้าไปทางเขา
“ไปเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ”
“ก็โอเคนะ ยังอยู่ในวงการ”
“อืม ก็ยังดีที่พี่ยังทำงานเป็น ถ้างานนอกวงการอย่างร้านอาหาร ให้ไปเป็นเชฟอะไรแบบนี้พี่น่าจะทำร้านมันล่มจมก่อน ลูกค้าคงไม่กลับมาอีกแน่นอน”
“นั่นสิ คนไม่เคยเข้าครัวอย่างพี่ ถ้าได้งานแบบนั้นหนูจะรีบห้ามทันทีเลยแหละ”
“จ้า พูดเหมือนเราทำอาหารอร่อยขนาดนั้นแหละ ไข่เจียวยังทำเค็มอยู่เลย”
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ แล้วเธียเตอร์ก็ลุกขึ้นมาจูบอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เพื่อต่อในรอบที่สอง
...
เมื่อถึงวันที่เธียเตอร์ต้องไปออกกองที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พลีสก็อุ้มท้องได้ประมาณสามสิบสามสัปดาห์ ทั้งคู่กำลังยืนอยู่หน้าบริษัท กระเป๋าสัมภาระถูกเก็บไว้หลังรถเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะสวมกอดกันด้วยความรัก แล้วหญิงสาวก็ได้แต่ยืนมองร่างของคนรักเดินขึ้นไปนั่งบนรถตู้ จนกระทั่งรถตู้ลาลับสายตา
ระหว่างที่ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ต่างก็โทร.หากันทุกค่ำคืนก่อนนอน พลีสมักจะถามเรื่องภายในกองว่าเป็นอย่างไรบ้าง เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เธียเตอร์เองก็มักจะถามเธอเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินและชีวิตความเป็นอยู่ในแต่ละวัน แม้บางวันสัญญาณอินเทอร์เน็ตฝั่งเขาจะไม่ได้ดีมากจนพูดคุยไม่รู้เรื่องบ้างก็ตาม
วันหนึ่งขณะที่พลีสกำลังเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดท้องคลอดขึ้นมากะทันหัน ก่อนจะพบว่าน้ำคร่ำแตกแล้ว พนักงานในห้างสรรพสินค้าจึงรีบโทร.เรียกรถพยาบาลในทันที
ทางด้านเธียเตอร์ที่เพิ่งถ่ายซีนท่ามกลางสายฝนเสร็จ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ขึ้นพอดี เขารีบรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นสายของแฟนสาว
“โหล หนูมีอะไรรึเปล่า”
(ดิฉันเป็นพยาบาลจากประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลนะคะ) เสียงที่ตอบกลับมาทำให้เขายืนนิ่งเงียบ
(ใช่สามีของคุณอัคยารึเปล่าคะ) พยาบาลถามต่อ
“ใช่ครับ แฟนผมเป็นอะไรครับคุณพยาบาล”
(พอดีว่าภรรยาคุณกำลังจะคลอดลูกแล้วค่ะ เธอฝากบอกให้โทร.หาคุณนะคะ)
“เดี๋ยวผมรีบไปครับ”
หลังจากวางสายเธียเตอร์ก็รีบไปบอกกับทุกคนในกอง ซึ่งทุกคนก็เข้าใจดี ไม่ได้ว่าอะไรเขา แม้งบประมาณกองจะต้องเพิ่มขึ้นอีกจากการจ่ายค่าที่พัก
ทางฝั่งพลีสนั้นกำลังปวดท้องอย่างทรมานกับการเบ่งลูก บนใบหน้าขาวซีดเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดพราย แต่แล้วในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงลูกน้อยที่ถือกำเนิดออกมา ความเจ็บปวดทั้งหมดพลันหายไปทันทีหลังคุณหมออุ้มลูกมาให้เธอได้สวมกอดเจ้าตัวน้อย น้ำตาแห่งความดีใจไหลรินจากคนเป็นแม่
เธียเตอร์บินมาถึงกรุงเทพฯ ในเวลาเที่ยงคืนพอดี เนื่องด้วยสภาพอากาศที่เลวร้ายของวันทำให้เขาต้องนั่งรอเครื่องบินดีเลย์หลายชั่วโมง จากนั้นเขาก็รีบนั่งแท็กซี่ตรงมาที่โรงพยาบาลทันที เวลานี้พลีสพักอยู่ในห้องพักวีไอพีที่เพื่อนเขาจัดการไว้ให้เรียบร้อย ชายหนุ่มมองผ่านกระจกหน้าประตูห้องเห็นคนรักนอนหลับไปเรียบร้อย จึงเดินไปที่แผนกบำบัดพิเศษทารกแรกเกิด เด็กน้อยตรงหน้าเขากำลังนอนหลับอย่างสบายใจ เธียเตอร์ยิ้มด้วยความดีใจที่ลูกสาวเกิดมาอย่างแข็งแรงสมบูรณ์ดีทุกอย่าง ครบสามสิบสองส่วน พลันนึกตั้งชื่อเจ้าตัวน้อยไว้แล้วเรียบร้อย
…
เช้าวันต่อมาเธียเตอร์พาพลีสนั่งรถเข็นมาหาลูกน้อยอยู่หน้าแผนก ทั้งคู่ต่างมองดูลูกสาวผ่านกระจกกั้นพร้อมกับรอยยิ้ม ตอนนี้เขาและเธอได้เป็นคุณพ่อกับคุณแม่มือใหม่แล้ว
“น้องฟิล์ม”
“คะ?” หญิงสาวหันไปมองคนข้างกาย
“ลูกของเราชื่อฟิล์ม” เธียเตอร์หันมายิ้มอบอุ่นให้คนรัก
ทว่าอีกสองวันต่อมา เธียเตอร์ก็ต้องนั่งเครื่องบินกลับไปทำงานต่อให้เสร็จเรียบร้อย ซึ่งเหลืออีกแค่ไม่กี่ซีนเท่านั้น ขณะที่พลีสต้องพักฟื้นต่อจนกว่าจะได้ออกไปพร้อมกับลูกสาว ระหว่างนั้นก็คอยถ่ายรูปเจ้าตัวน้อยส่งไปให้คุณพ่อดู
ผ่านไปเกือบหนึ่งอาทิตย์ การถ่ายทำก็เสร็จเรียบร้อย เธียเตอร์และทุกคนในกองถ่ายต่างรีบเก็บข้าวของและเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบเดินทางมาหาคนรักที่โรงพยาบาลและสวมกอดกันอย่างอบอุ่น
เมื่อถึงวันออกจากโรงพยาบาล พลีสและเธียเตอร์ได้แวะพาลูกน้อยไปหาป๊ากับม้าก่อน เมื่อหญิงวัยกลางคนเห็นลูกสาวอุ้มหลานเข้ามาก็รีบเดินเข้ามาหาด้วยความดีใจ ตั้งแต่ที่พลีสคลอดลูกพวกท่านก็ยังไม่ได้ไปเยี่ยมเลย เนื่องด้วยลูกค้าเต็มแน่นร้านทุกวัน พอไปถึงหน้าห้องพักผู้ป่วยอีกที ก็เลยเวลาเข้าเยี่ยมแล้ว
“อาพลีส อาหนูนี่ชื่อไรนะ”
“ชื่อฟิล์มค่ะม้า” พลีสตอบ
“อ้อ อาฟิล์ม นี่อาม่าหนูเองนะ ในที่สุดเราก็ได้เจอหน้ากันสักที” ท่านพูดพร้อมกับรอยยิ้ม
“แล้วป๊าล่ะคะ” พลีสถามพร้อมกับมองหาป๊า
“ป๊าน่ะเหรอ ออกไปซื้อของได้สักครู่ละ ตั้งแต่รู้ว่าลื้อจะแวะมาที่บ้าน”
ทันใดนั้นป๊าก็เดินกลับมาถึงบ้านพอดี ในมือถือถุงสารพัดวัตถุดิบ ก่อนจะชวนให้เธียเตอร์และพลีสเข้ามานั่งกินข้าวในบ้านด้วยกัน โดยป๊ากับพลีสรับหน้าที่เข้าไปทำอาหารในห้องครัว ส่วนม้าอยู่ดูแลหลานสาว ขณะที่เธียเตอร์นั่งมองอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ