"นางเป็นเช่นไรบ้าง"
"ทูลท่านอ๋อง พระสนมไม่รู้สึกพระองค์เลยเจ้าค่ะ หมอที่ท่านส่งมาก็ยังหาสาเหตุไม่ได้"
การหลับใหลไม่ได้สติของพระสนมเอกนานนับเดือนทำให้อ๋องตงหยางต้องมาดูนางสักครั้งเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา
บิดาของนางจะได้ไม่ต้องคอยหาเรื่องนี้มาพูดกระแนะกระแหนเขาได้อีกว่าใจจืดใจดำไม่เหลียวแลนางเลย
ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปใกล้ร่างของสตรีที่นอนนิ่งไม่ได้สติ ใบหน้าซีดเซียวผิวของนางที่ขาวอยู่แล้วตอนนี้กลับซีดไปหมดจนเหมือนผีดิบ ยิ่งมองก็ยิ่งเกลียดชังสตรีชั่วร้ายเช่นนางยิ่งนัก
"ดูแลนางให้ดี ขาดเหลืออะไรก็บอกซีอันจะได้จัดเตรียมให้"
"เจ้าค่ะท่านอ๋อง"
เมื่อพินิจแล้วว่านางยังไม่ตายอ๋องตงหยางก็ไม่คิดว่าตนมีเหตุจำเป็นอะไรที่จะต้องยืนอยู่ตรงนี้ต่อจึงได้กลับไป อยากให้มาดูก็มาดูแล้วเขาคงไม่มีสิ่งใดจะกล่าวกับนาง
หลังอ๋องตงหยางกลับไปแล้วหลินก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ คุณหนูของเธอพร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยความสงสารจับใจ
"ฮือๆ ขนาดท่านหลับไปนานเพียงนี้ ท่านอ๋องเพิ่งจะมาเยี่ยมท่าน มาประเดี๋ยวเดียวก็กลับไปเสียแล้ว ทำไมถึงไม่ใจร้ายใจดำกับคุณหนูของข้าเพียงนี้ ฮือๆ "
หลินร้องไห้ด้วยความเสียใจ นอกจากนางแล้วตำหนักของพระสนมเอกก็ไม่มีผู้ใดกล้าเฉียดกายเข้ามาใกล้ด้วยเกรงกลัวว่าพระสนมโหดเหี้ยมจะสั่งฆ่าเอา
ทำให้เหลือเพียงหลินที่ดูแลคุณหนูของนางอยู่ ท่านแม่ทัพก็เข้ามาในตำหนักฝ่ายในไม่ได้ ได้แต่คอยดูอาการของบุตรสาวอยู่ห่างๆ พอเห็นว่าคุณหนูของเธอไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นท่านแม่ทัพก็หันไปสนใจคุณหนูหนิงเซียนแทน
ยิ่งคิดก็ยิ่งอดสู่ ชีวิตของคุณหนูของนางเกิดมามีวาสนาทุกอย่างมีผู้ดลบันดาลให้ตลอด แต่สิ่งที่นางอยากได้และตามหาคือความรัก แต่นางกลับไม่เคยได้รับมันเลยแม้เพียงน้อยนิด
หลินได้เพียงคิดแล้วก็สงสารแต่นางเป็นเพียงบ่าวรับใช้ได้เพียงห่วงคุณหนูของนางก็เท่านั้น ยังมีเรื่องพัวพันกันอีกมากมายทั้งกับฮ่องเต้และคุณหนูที่ดูคลุมเครืออยู่อีก
แค่กๆ
"น้ำ...ฉันขอน้ำหน่อย"
"คุณหนูท่านฟื้นแล้ว!! "
อยู่ๆ เสียงไอพร้อมกันเสียงที่แหบพร่าเจ็บสากระคายคอจนต้องร้องหาน้ำเพื่อดับกระหายก็ดังขึ้นทำให้หลินรีบปาดเข้าไปดูคุณหนูของนางทันทีด้วยความตกใจและดีใจ
"นี่ๆ เจ้าค่ะคุณหนู"หลินรีบลนลานเอาน้ำมาให้
อึกๆๆ
พอได้ดื่มน้ำให้ชุ่มคอแล้วร่างกายที่เหมือนอ่อนแรงก็ดูจะสดชื่นขึ้นบ้างแต่ถ้าได้กินอะไรสักหน่อยลู่ซือคิดว่าเธอคงมีแรงออกไปสู้กับงานแล้วหลังจากที่ฝันร้ายยาวนานไม่มีที่สิ้นสุด
"มีอะไรกินไหมคะฉันหิว"
"เจ้าคะ! เอ่อ...เจ้าค่ะๆ เดี๋ยวข้าไปยกสำรับมานะเจ้าคะ"
หลินไม่มีเวลาที่จะสงสัยนานเพียงแค่คุณหนูของนางฟื้นขึ้นมานางก็ดีใจมากแล้วจึงรีบวิ่งออกไปเตรียมสำรับให้คุณหนูของนางทันทีด้วยความดีใจ
ร่างที่ระโหยโรยแรงค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งก่อนที่เธอจะจะสังเกตเห็นทุกสิ่งอย่างรอบห้องที่เหมือนกับในฝันที่เธอเห็นเลย
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น หรือจะเป็นเรื่องจริง!"
"คุณหนูค่อยๆ ลุกนะเจ้าคะเดี๋ยวล้มท่านไม่ได้ลุกมาเกือบเดือนแล้วร่างกายอาจไม่คุ้นชิน"
ลู่ซือมองไปยังหญิงสาวที่เจื้อยแจ้วอยู่ตลอดพร้อมกับจัดอาหารให้เธอ พอนั่งมองรอบๆ สักพักทุกสิ่งทุกอย่างก็ไหลเข้ามาในหัวเธอเต็มไปหมด
"อย่าบอกนะว่าเธอคือหลิน"
"เจ้าคะ? คุณหนูพูดอะไรนะเจ้าคะข้าฟังไม่ถนัด มาเจ้าค่ะข้าช่วยประคอง"
หลินค่อยๆ พยุงคุณหนูของนางที่ยังคงมึนงงและกำลังปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดอยู่มาที่โต๊ะกินข้าว
ลู่ซือมานั่งที่โต๊ะได้พอเห็นอาหารเธอก็ปัดความสงสัยทิ้งไปก่อนแล้วสวาปามอาหารรสเลิศตรงหน้าด้วยความหิวโหยจนหมดเกลี้ยงทุกอย่าง
"อ่าา พอกินเสร็จแล้วก็เหมือนจะมีแรงขึ้นมา ฉันขอถามอะไรเธอหน่อยได้ไหมหลิน" พอมีอาหารหล่อเลี้ยงร่างกายสติเธอก็กลับคืนมา
"คำพูดของคุณหนูฟังแปลกหูข้ายิ่งนัก "
"เอาเถอะเธอฟังรู้เรื่องใช่ไหม"
"พอจับใจความได้เจ้าค่ะคุณหนู"
"อย่างงี้นะฉันความจำเสื่อมจำอะไรไม่ค่อยได้เลย ถ้าฉันจะอยากรู้เรื่องราวต่างๆ จะได้ไหม"
"เอ่อ...เจ้าค่ะ"
แม้จะแปลกใจแต่หลินก็ตกปากรับคำไปในที่สุด นางไม่ได้ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้เพราะถ้าคุณหนูจำอะไรไม่ได้นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว นางจะได้ลืมความทุกข์ใจที่มีมากก่อนหน้านั้นไปให้หมดและใช้ชีวิตใหม่
"ตอนนี้ฮ่องเต้ชื่ออะไรแล้ว"
"พระนามว่าฮ่องเต้หลิวหยางเจ้าค่ะ "
จริงด้วยชื่อนี้ไม่มีในประวัติศาสตร์แต่มีในซีรีส์ที่ดูค้างเอาไว้ แน่นอนว่าเธอตายแล้วหลุดเข้ามาในซีรีส์ที่ดูก่อนจะตายแน่ๆ
งั้นแสดงว่าตอนนี้เธอก็มาอยู่ในร่างสนมหนิงเอ๋อจริงๆ อย่างงั้นเหรอ
"คุณหนูท่านไม่เจ็บปวดตรงไหนแล้วใช่ไหม ให้ข้าไปตามหมอหลวงไหมเจ้าคะ"
"ไม่ๆ เธอไปพักเถอะ ฉันขอคิดอะไรคนเดียวหน่อย"
แม้หลินจะเป็นห่วงคุณหนูของเธอมากแต่ก็ไม่กล้าจะขัดใจ อีกทั้งนางเองก็ยังมึนงงกับภาษาที่พูดเปลี่ยนไป
เมื่ออยู่คนเดียวแล้วลู่ซือก็กลับมาคิดอะไรคนเดียวหลายๆ อย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตที่แสนมหัศจรรย์ เธอกำลังคิดว่าจะทำยังไงถึงจะไม่ให้คนอื่นรู้ว่าเธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคนหรือปล่อยข่าวไปเลยว่าความจำเสื่อม แต่ถ้าทำแบบนั้นคนที่คิดไม่ดีกับหนิงเอ๋อก็ได้ใจและหาโอกาสทำร้ายนางแน่
"ฉันต้องทำยังไงเนี่ย ไม่เคยมีคนคอยดูแล ไม่เคยใช้ชีวิตสุขสบายด้วย แถมต้องรับมือกับอ๋องใจร้ายคนนั้นอีก นี่ยังไม่รวมที่ต้องทำตัวร้ายกาจให้เหมือนเดิมไม่ให้คนอื่นรู้อีก โอ้ยยย"
ลู่ซือนั่งคิดจนปวดหัว ก่อนที่ร่างกายที่อ่อนเพลียจะทำให้เธอล้มตัวลงนอนหลับไปอีกรอบ
"กงกงนางเป็นเช่นไรบ้าง"
"นางกำนัลที่จวนนั้นบอกว่าพระสนมฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"
พรึ่บ!!
"ข้าจะไปหานาง! "
ฮ่องเต้หลิวหยางลุกพรวดพราดขึ้นด้วยความร้อนใจตั้งท่าจะไปสนมหนิงเอ๋อจนขันทีกงกงต้องรีบห้าม
"เดี๋ยวก่อนสิเพคะฮ่องเต้ ถ้าฝ่าบาททรงทำอะไรผลีผลามเช่นนี้ท่านอ๋องจะรู้นะพ่ะย่ะค่ะ"
"แต่ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ"
"ฝ่าบาทเดี๋ยวข้าให้คนไปสืบดูก่อนแล้วท่านค่อยเสด็จไปวันอื่นนะพ่ะย่ะค่ะ ทรงทำพระทัยให้เย็นๆ ลงก่อนนะฝ่าบาท"
"แบบนั้นก็ได้"
เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ใจเย็นลงบ้างแล้วขันทีกงกงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นึกสงสารองค์ฮ่องเต้ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่ผิดบาป สตรีที่งดงามรายล้อมแต่กลับไปรักกับสตรีต้องห้ามที่เป็นสนมเอกของอ๋องตงหยางผู้ซึ่งมีอำนาจในราชสำนักมากจนไม่มีผู้ใดกล้าแข็งข้อ
หากอ๋องตงหยางจับได้ว่าความจริงเป็นเช่นไรเกรงก็แต่ว่าจะเกิดศึกแย่งชิงนางภายในราชวงศ์เกิดขึ้นเอง แม้อ๋องตงหยางจะไม่ชอบพอนางแต่ศักดิ์ศรีก็อยู่เหนือทุกอย่าง ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์ภายหน้าที่อาจจะเกิดขึ้นแน่นอนขันทีกงกงก็ได้แต่ปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อยอ่อนใจ