หลายวันต่อมาอาการของพระสนมหนิงเอ๋อเริ่มดีขึ้นมาก การฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติของนางทำให้มีทั้งฝั่งที่ดีใจและเสียใจที่นางไม่ตายๆ ไปเสียที
เพี๊ยะ!!
"ไหนเจ้าบอกว่านางจะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้วไงเล่า! "
"คุณหนูข้าผิดไปแล้วอย่าทำอะไรข้าเลยนะเจ้าคะ"
"ไม่ได้เรื่อง ออกไปให้หมด! "
ได้ยินเช่นนั้นเหล่านางกำนัลที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำก็รีบกันวิ่งออกไปจากตำหนักเกรงว่าอยู่นานกว่านี้พวกนางอาจสิ้นชีพก็ได้
หนิงเซียนอาละวาดมาหลายวันตั้งแต่นางรู้ว่าพี่สาวต่างมารดาฟื้นขึ้นมาแล้ว มันทำให้หนทางการเป็นนางสนมเอกอันเป็นที่รักของท่านอ๋องของนางริบหรี่ลงจนมองไม่เห็นหนทางหากหนิงเอ๋อยังอยู่
"ข้าจะทำให้เจ้าตายจริงๆ แน่หนิงเอ๋อ"
ทางด้านของอ๋องตงหยางเองก็รู้เรื่องที่สนมเอกนั้นฟื้นคืนสติขึ้นมาแล้ว แม้จะแปลกใจบ้างแต่ก็ไม่ได้ตกใจอะไร นางเป็นสตรีร้ายกาจนรกอาจจะไม่ต้อนรับนางในตอนนี้ก็ได้
แต่หน้าที่สวามีจำใจต้องมาเยี่ยมเยียนนางให้ผู้อื่นเห็นว่าเขาไม่ได้ใจดำกับนาง อีกนัยหนึ่งคือบิดาของนางจะได้เลิกสนใจเรื่องนี้เสียที
ศาลาริมบึงหลวง
"หลินท่านอ๋องของเธอเขาใจร้ายกับหนิง... เอ่อ..กับฉันมากไหม "
หลินไม่ได้ใส่ใจในคำพูดที่ดูกำลังสับสนในตัวเองของคุณหนู หลายวันมานี้นางได้ทำความคุ้นเคยและตอนนี้ก็เริ่มคุ้นชินแล้วกับภาษาท่าทางแปลกไปของสนมหนิงเอ๋อ
"เอ่อ...ข้าเองก็ไม่รู้จะพูดเช่นไร ปกติท่านอ๋องไม่ค่อยมาหาท่านเจ้าค่ะ"
นั่นสิลู่ซือลืมไปว่าอ๋องผู้นี้ไม่เคยเหลียวแลหนิงเอ๋อเลยทิ้งขว้างนางให้อยู่ตามลำพังจะมาหาก็ตอนที่นางมีเรื่องอะไรไม่ดี แต่เป็นการมาเพื่อว่าร้ายนางโดยไม่ถามนางสักครั้งว่านางได้ทำเช่นนั้นจริงหรือไม่
"แล้วนัดออกมาแบบนี้จะไม่จับฉันไปฆ่าใช่ไหม"
หลายวันมานี้กว่าลู่ซือจะทำความคุ้นชินกับการที่มีคนดูแลปรนนิบัติได้เธอก็ทำใจอยู่นาน พยายามคิดว่าเวลานี้ชีวิตของเธอได้เปลี่ยนไปแล้วเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ก็ว่าได้
แต่เพราะไม่อยากให้ดูแปลกไปมากจนผู้คนสงสัยเธอเลยทำตามทุกอย่างที่หลินบอกแต่ที่เธอยังมีเรื่องที่รับไม่ได้เลยคือตอนที่มีคนอาบน้ำให้นี่แหละทำใจลำบาก
"ข้าว่าคงไม่ขนาดนั้นมั้งเจ้าคะ ถ้าทำท่านg=joนั้นจริงท่านแม่ทัพถังโจวต้องไม่ยอมแน่เจ้าค่ะ"
"จริงสิหนิงเอ๋อนางมีพ่อหนุนหลังอยู่นิจะต้องกลัวท่านอ๋องบ้าอำนาจคนนั้นทำไม"
เพราะมัวแต่หันหน้ามองไปยังบึงดอกบัวหลวงที่สวยงามอย่างใช้ความคิดจึงไม่เห็นว่าคนที่เธอกำลังนินทาอยู่นั้นได้มายืนอยู่เบื้องหลังแล้ว
"ที่เจ้ากำลังพูดถึงหมายถึงข้าใช่หรือไม่"
"ก็ใช่...ท่านอ๋อง! "
ลู่ซือหันมาตอบก่อนที่เธอจะผงะด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอตอนนี้
ใบหน้าที่หล่อเหลาผิวขาวอย่างคนสุขภาพดีริมฝีปากอมชมพู่ ท่าทางสง่าผ่าเผยสมกับบุรุษที่คนดูอย่างเธอชอบกรี๊ดกร๊าดกับความหล่อเหลานี้ แต่ในจอก็ไม่เท่าตัวจริงที่ทำเอาเธออ้าปากค้างคนอะไรอย่างกับเทพบุตรลงมาจุติ
"เจ้าคงไม่รู้ว่าสตรีที่ดีไม่ควรว่าร้ายผู้อื่นลับหลัง แต่ข้าก็ลืมไปเจ้าไม่ใช่สตรีที่ดี"
แต่ความหล่อก็หมดลงได้ถ้าปากไม่ดี ลู่ซือเกือบลืมไปเลยว่าผู้ชายคนนี้ใจร้ายใจดำกับหนิงเอ๋อมากแค่ไหน ให้เมื่อหนิงเอ๋ออยากให้เธอมาอยู่ในร่างของนาง ลู่ซือก็จะถือโอกาสนี้สั่งสอนผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนี้ให้กับสนมที่เธอสงสารจนร้องไห้ตามทุกครั้งที่ดู
"ท่านอ๋องก็ไม่ควรมาเงียบๆ ไม่ให้สุ้มให้เสียงนะคะ"
"คำพูดของเจ้าฟังดูแปลกหู"
"ต่อไปฉันจะพูดแบบนี้ค่ะ ฟังไม่ออกก็แล้วแต่ท่านอ๋องเลย"
ลู่ซือจ้องมองชายตรงหน้าไม่คิดหลบสายตา เธอไม่กลัวเขาหรอกชีวิตของเธอผ่านความเป็นความตายมาแล้ว ต่อไปนี้เธอจะทำตามใจตัวเองไม่สนใจใคร ไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างใครให้ตัวเองถูกกดขี่ข่มเหงอีกต่อไป
อ๋องตงหยางจ้องมองสตรีตรงหน้าที่มีนิสัยเปลี่ยนไปจากเดิม เดิมทีนางผู้นี้เห็นเขาต้องเข้ามาพูดจาหวานหูเอาใจเพื่อให้เขาตกหลุมพรางนาง บัดนี้กลับทำตัวหยิ่งผยองเถียงเขาคอเป็นเอ็นจนนึกว่าเป็นคนละคนกัน
หรือจะเป็นแผนการเรียกร้องความสนใจแบบใหม่ของนาง...
"เอาเถอะข้าแค่มาดูว่าเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง พอเห็นว่าปากเก่งได้แบบนี้ข้าก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดอีก"
"ท่านรู้สึกผิดบ้างก็ได้นะคะ เพราะตั้งแต่ที่หนิงเอ๋อล้มป่วยก็มาดูแค่ไม่กี่ครั้ง สงสัยมัวแต่ไปสนใจผู้หญิงอื่น"
ประโยคสุดท้ายลู่ซือบ่นอุบอิบเธอละเกลียดจริงๆ ผู้ชายที่เห็นผู้หญิงเป็นที่รองรับอารมณ์แบบนี้ เธอบอกแล้วถ้าเธอมีโอกาสได้เกิดใหม่และมีเพียบพร้อมเธอจะไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบเธอได้อีก
"ไยข้าต้องรู้สึกผิด เจ้าเองเป็นคนที่อยากตายและทำร้ายตัวเจ้าเอง เอาไปเอามาข้าผิด? "
"ก็ท่าน...ชั่งเถอะยังไงฉันก็เถียงไม่ชนะท่านอ๋องผู้ทรงอำนาจหรอกเจ้าค่ะ ทูลลาเจ้าคะ หลินกลับตำหนัก"
เมื่อเห็นว่ายิ่งคุยมีแต่เข้าตัวเองทำให้คนที่เพิ่งจะเคยเถียงคนอื่นไม่มีคำจะพูดต่อ เธอต้องฝึกฝนตัวเองให้มากกว่านี้จะได้รับฝีปากกับเขาได้
อ๋องตงหยางมองดูสตรีที่เป็นสนมเอกของตนเดินฟึดฟัดออกไปแล้วนึกขัน นางไม่เคยเป็นเช่นนี้อยู่ดีๆ พอฟื้นขึ้นมาก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจริงๆ หรือนางจะวิปลาสไปแล้ว
ฮ่องเต้หลิวหยางที่เสด็จมาเยี่ยมสนมหนิงเอ๋อยืนมองเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เกิดขึ้นด้วยความครุ่นคิด ยิ่งได้เห็นอ๋องตงหยางยิ้มแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็ยิ่งคิดหนัก
"คุณหนูเมื่อครู่ข้าเห็นองค์ฮ่องเต้ด้วยเจ้าค่ะ"
"ฮ่องเต้! มาทำไมเหรอ หรือตามอ๋องตงหยางมา"
"ท่านลืมไปแล้วเหรอเจ้าคะว่าความสัมพันธ์ของท่านกับ...เอ่อ"
ท่าทีอ้ำๆ อึ้งๆ ของหลินทำให้ลู่ซือถึงกับตกใจทำไมเธอไม่รู้เรื่องนี้เลยในซีรี่ย์ไม่มีฉากพวกนี้ หรือว่าทุกสิ่งอย่างเปลี่ยนไปไม่เหมือนที่เธอรู้มาอีกแล้ว
"มะ หมายความว่ายังไงหลินเธอพูดมาให้หมดเลย"
ตอนแรกหลินเองก็ไม่กล้าเล่าพอโดนลู่ซือคะยั้นคะยอทำให้นางพูดออกมาทั้งหมด ทำเอาลู่ซือถึงกับช็อกกับเรื่องที่เธอเพิ่งรู้ไม่คิดว่าหนิงเอ๋อจะกล้าทำเรื่องนี้
"ละ แล้วฉันกับฮ่องเต้ เอ่อ...ถึงไหนกันแล้ว"
"เรื่องนั้นข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ เวลาที่นัดเจอพวกท่านไม่ต้องการให้บ่าวติดตามไปด้วย"
งามไส้ไหมล่ะหนิงเอ๋อทีนี้จะต้องทำตัวยังไง ลู่ซือได้แต่ครุ่นคิดในใจเธอคิดว่านางร้ายที่น่าสงสารคนนี้เป็นคนดีเสียอีกที่ไหนได้นางเล่นชู้ ที่น่าตกใจกว่านั้นคือเธอดันมาอยู่ในร่างสนมที่ร้ายกาจคนนี้เสียได้
"ฉันจำอะไรไม่ได้เลยหลินแล้วฉันจะทำยังไงดีเรื่องที่จมน้ำก็อีก ฉันไม่เชื่อว่าตัวเองอยากจะอยากฆ่าตัวตายเอง"
"ข้าก็คิดเช่นนั้นเจ้าค่ะ เสียดายที่คุณหนูจำเหตุการณ์ไม่ได้ แต่ก่อนวันที่ท่านจะจนน้ำท่านนัดพบกับฮ่องเต้นะเจ้าคะไม่แน่ว่าอาจทรงทราบเรื่อง ท่านหายไปทั้งคืนกลับมาเกือบสว่างเลยแถมเนื้อตัวยังเหมือนโดนทำร้ายมาอีกนะเจ้าคะ หรือจะเป็นฮ่องเต้ที่ทำร้ายท่าน!"
ลู่ซือเข้าในความไร้เดียงสาของหลินเพราะแต่ก่อนเธอก็ใสซื่อแบบนี้ แต่โลกของเธอเรื่องเพศเปิดกว้างแม้จะไม่เคยมีประสบการณ์แต่จากคำที่หลินบอกสภาพของหนิงเอ๋อคือคนที่ไปเสียสาวมาแน่ คงจะสนุกกันจนลืมความผิดชอบชั่วดี มาตอนนี้เธอเริ่มสงสารอ๋องร้ายกาจผู้นั้นแล้วสิต่อไปจะทำยังไงก็ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองเลย