พนายิ้มกริ่ม “ฉันอยากบอกเอง บังเอิญพ่อฉัน เขาเป็นพวกขนดก ตรงไหนที่ขนขึ้นได้ดกหนาทุกที่เลย มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เขาหรี่ตามองเขมขิมอย่างหาเรื่องจนเธอหน้าแดงไม่รู้ว่าโกรธหรืออาย
หญิงสาวพยายามรวบรวมสติเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เถียงกับคนบ้า ไม่มีวันชนะ ใครจะมีปัญหากับคนบ้า อีกอย่างตอนนี้เธอต้องรีบไปรายงานตัวที่สำนักงานแล้ว เธอเสียเวลากับหมีบ้ามานานเกินไปแล้ว
“เอาละ ฉันขอโทษที่เผลอไปวิจารณ์ใบหน้าของคุณ ขนบนตัวคุณ แต่ตอนนี้ ฉันอยากไปถึงไร่พนาไพรก่อนค่ำ ช่วยรีบๆ กระดกยอดข้าวในมือคุณให้หมดแก้วซะ แล้วไปส่งฉัน นี่ไม่ใช่ประโยคขอร้อง แต่เป็นประโยคคำสั่ง”
“สั่งใคร” เขาถามกลับเสียงห้วน
เขมขิมข่มความโมโหไว้เต็มเปี่ยม ถ้าไม่ติดว่าต้องพึ่งพา เธอด่ากลับไปแล้ว“คุณไง คนขับรถ”
ปากแบบนี้อาจได้ผัวเป็นคนขับรถคืนนี้ก็ได้
พนาไม่ได้พูด แต่แววตาอันคมกริบพันธนาการเธอไว้อย่างเหนียวแน่น
เขมขิมไม่ใช่คนไร้เดียงสา เห็นแววตามองโลมเลียของคนตรงหน้าก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว สัญชาติญาณระวังภัยเริ่มทำงาน “มองหน้าฉันแบบนี้ มีอะไร”
“กำลังคิดว่าเธอคงมีแฟนแล้วก็ถูกแฟนทิ้งมาแน่”
เขมขิมอ้าปากค้าง ตกใจที่เขาเดาถูกแต่เธอไม่ยอมรับให้เสียหน้าหรอก ผู้ชายที่เห็นแก่ตัวอย่างอัตมันไม่มีค่าให้เธอเสียใจ
“ตกใจเลยเหรอ รู้ไหมทำไมฉันเดาถูก เพราะเธอนี่ท่าทางจะเป็นพวกชอบสั่งนะ แต่อย่ามาสั่งคนอย่างฉัน เข้าใจไหม” น้ำเสียงกร้าวขึ้นอย่างชัดเจน เขาไม่ชอบให้ใครมาสั่ง มาบงการ โดยเฉพาะผู้หญิง
“คุณเดาผิดต่างหากล่ะ ผู้ชายส่วนมากนี่ชอบมโนคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญเนอะ แต่นั่นมันเรื่องส่วนตัวของฉัน ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอธิบายให้คนอย่างคุณเข้าใจ เพราะสิ่งที่สำคัญคือทำไมฉันจะสั่งคุณไม่ได้ คุณถูกสั่งให้มาบริการฉัน แต่สิ่งที่คุณทำมันทำให้ฉันลำบากใจ ฉันขอสั่งอีกครั้ง กระดกที่เหลือให้หมด แล้วรีบไปขับรถ”
คำพูดยาวเหยียดจากริมฝีปากได้รูปนั้นทำให้พ่อเลี้ยงพนายิ่งนึกสนุก เธอมีแฟนมาแล้วไม่ผิดแน่ แต่คงเพิ่งเลิกกันมาด้วยสาเหตุอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาไม่สนใจหรอก แต่ว่าตอนนี้คนอย่างเขาถูกพนักงานใหม่ในตำแหน่งจัดซื้อออกคำสั่ง เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ร่างสูงกำยำยืนขึ้นจนเต็มความสูงแล้วกระดกเหล้าทีเดียวหมดแก้ว มืออีกข้างวางลงบนไหล่ลาดจนร่างเล็กสะดุ้ง แต่ถูกพลังแห่งบุรุษเพศอันกล้าแข็งของเขากักไว้ในอ้อมแขนไม่ให้หนีไปไหนได้
“คนอย่างนายพนามีผู้หญิงสองคนที่จะบงการ และออกคำสั่งได้ คนแรกแม่บังเกิดเกล้า คนที่สองเมียบนเตียง เธอเป็นผู้หญิงสองประเภทนี้ของฉันหรือเปล่า”
“ว้าย! คนบ้า ฉันไม่คิดจะเป็นเมียคนที่สี่ของคนขับรถอย่างคุณหรอกนะ อย่ามายั่วทำให้ฉันโกรธมากกว่านี้ ไม่งั้นไปถึงไร่ นายดวงซวยแน่ ฉันจะฟ้อง ฟ้อง...”
แม่คนขี้ฟ้อง เดี๋ยวจะร้องไม่ออก
เขาจ้องเธอเขม็ง ยิ่งไออุ่นจากลมหายใจของเขาปะทะผิวแก้มแล้วก็ยิ่งทำให้ร่างเล็กร้อนผ่าวไปทั้งตัว กับอัตมันก็ยังไม่เคยใกล้ชิดกันขนาดนี้
“ฟ้องว่าถูกทำแบบนี้ด้วยใช่ไหม”
คนตรงหน้าไม่ได้ทำท่าทางชวนถอดเสื้อผ้าแล้วฟัดให้ฟ้าเหลือง แต่เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงมาบงการ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครารกครึ้มแนบแก้มหอมละเอียดอ่อนราวกับผิวเด็ก สูดหายใจเข้าปอดฟอดใหญ่
เขมขิมเบิกตาโพลง ส่งเสียงร้องลั่นด้วยความโกรธ ร่างเล็กเดือดดาลแทบคลั่ง “คุณทำแบบนี้ได้ไง หอมแก้มฉันทำไม”
พนาอมยิ้ม เลิกคิ้วสูงท่าทางไม่รู้สำนึกสักนิด “นี่แค่ตักเตือน ถ้าเธอไม่เงียบปาก และนั่งดื่มเป็นเพื่อนฉัน ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าเมื่อตะกี้มันแค่เรื่องขี้ผง”
แววตาคมกริบสาดประกายดูเหี้ยมๆ ทำให้เขมขิมรู้สึกใจสั่น ทำไมสาวน้อยผู้โชคร้ายอย่างเธอซวยซับซ้อนขนาดนี้ แฟนทิ้ง ถังแตก แล้วยังเจอคนขับรถบ้ากาม ถ้าเธอวิ่งหนีออกไปโบกแท็กซี่ได้เหมือนในกรุงเทพฯ เธอวิ่งไปแล้ว แต่เส้นทางที่ผ่านมาเมื่อครู่มีแต่ภูเขาสลับกับหุบเหว รถที่ผ่านก็มีแต่รถส่วนตัว แบตเตอรี่มือถือก็ดันหมดเสียอีก
“ชีวิตเฮงซวย” ร่างเล็กกระแทกก้นงอนงามลงบนเก้าอี้สูงหน้าบาร์ แล้วมองไปทางอื่น
“ขอบคุณที่นั่งดื่มเป็นเพื่อน อีกแก้วเดียว เดี๋ยวไปส่ง” พ่อเลี้ยงพนาลอบมองรูปร่างน่ากินของหญิงสาวที่หันหน้ามองไปทางอื่น อกเป็นอก เอวเป็นเอว แถมใบหน้ายังสวยจัดแม้จะวางท่ารังเกียจเขาสุดฤทธิ์
เห็นแล้วคึกเป็นบ้า
สะดีดสะดิ้ง ไปเถอะ
เขมขิมไม่รู้ตัวว่าถูกลอบมองอยู่ เธอนั่งอย่างไม่สงบ ร้อนรนอยู่พักใหญ่ เริ่มกังวลไปต่างๆ นานา ก่อนมาจากกรุงเทพฯ เพื่อนสนิทของเธอชวนไปดูดวง เขาบอกว่าหลังจากเดือนนี้ไปชีวิตเธอจะมีแต่รุ่ง พุ่งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ หลังจากเจอเรื่องหนักๆ มาหลายปี รุ่งอะไรกัน แค่จะเริ่มต้นไปทำงานใหม่ก็ดันมาเจอคนบ้าเสียก่อนแล้วอนาคตที่เหลือจะเป็นอย่างไร เขมขิมถอนใจ แม้ว่าจะไม่หันไปมองเขา แต่การที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันทำให้เห็นว่าคนร่างสูงข้างๆ มีเค้าความเป็นต่างชาติอยู่ในโครงหน้า ผิวคล้ำน่าจะมาจากการถูกแดดมากกว่า หากโกนหนวด โกนเครา ก็น่าจะหล่อไม่เบา หรือบางทีเธอคงเข้าใจผิดไปแล้ว เขาอาจไม่ใช่คนขับรถอย่างที่เข้าใจ
“จะนั่งนิ่งเป็นหุ่นอีกนานไหม กินสิ”
แก้วเหล้าถูกเลื่อนมาวางตรงหน้าแต่ถูกเขมขิมเบือนหน้าหนีอย่างรังเกียจ
“กินเถอะ ฉันเลี้ยงเธอเอง”
สีหน้าอึดอัดคับแค้นของคนตัวเล็กจ้องหน้าคนพูดว่าจะเลี้ยงเขม็ง “ด้วยเงินของฉันนี่นะ”
“เออ เดี๋ยวคืนให้ ทวงอยู่ได้” เขาครางฮึมอย่างรำคาญ
“ฉันจะไปไร่ส้มนี่ก็ค่ำแล้ว ไม่ใช่มานั่งกินเหล้ากับไอ้ขี้เมาที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่รู้ป่านนี้ผู้จัดการแผนกจัดซื้อเขาจะคิดว่าฉันไปเถลไถลที่ไหนหรือเปล่า”
“ก่อนที่จะเป็นห่วงเรื่องอื่น ฉันว่านะ ฝ่ายจัดซื้อคงรับพนักงานไม่ได้มาตรฐานมา ย้ำคิด ย้ำทำ พูดตั้งหลายครั้งก็ย้ำอยู่นั่น รู้แล้วว่าอยากไปไร่ แต่เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าฉันจะมีอารมณ์ขับรถ”
เขมขิมอยากจะกรีดร้อง ตะเบ็งถามเขากลับไป “ขับรถต้องมีอารมณ์ด้วยเหรอ”
เขาตอบสั้นๆ “อือ” มือสากจับหมับที่ข้าศอกเรียวแล้วออกคำสั่ง “ไม่กินเหล้า ไม่ง้อก็ได้ งั้นนั่งเฝ้าพี่ยันเช้าละกันน้องสาว”
น้ำเสียงเขามีความร้ายกาจปนความยียวนอยู่ในตัว เขมขิมอยากจะตะกุยหน้าหมีให้พังแต่ก็ยับยั้งไว้ได้ เธอถอนใจอย่างสุดทน
เวรกรรมที่แท้ทรู
“เอ้า ชนแก้ว” หมีขี้เมาชวนอย่างอารมณ์ดี