“แบบนั้นแหละครับ ...ซ้ายนิดนึง ดีมาก” ฉันเปลี่ยนไปถ่ายชุดสุดท้ายเสร็จแล้วก็แวะซื้ออาหารให้ลูกสาวสุดที่รักทั้งสองตัวก่อนที่จะกลับบ้าน
“ต้องอันนี้ที่เจ้าอ้วนทั้งสองตัวชอบกิน” อาหารกระต่ายพร้อมกับของเล่นอีกสองสามอย่างถูกบรรจุใส่ถุงอย่างดี
มันดูหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะแต่ไม่เป้นไรเพื่อลูกรัก
แม่ทำด้ายยยย!
ตุ๊บ
“โอ๊ะ ...ขอโทษค่ะ
ฉันไม่ได้ตั้งใจเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ” เขาเงียบและไม่ตอบอะไรเลยเอาแต่มองหน้าฉันด้วยสายตานิ่งๆ
จนเป็นฉันเองที่ต้องหลบสายตาแล้วถอยออกมาก้าวนึง
“เจ็บมั้ย?” คำถามแค่สั้นๆหลุดออกจากปากเขา
เจ็บมั้ย? งั้นเหรอ เป็นหุ่นยนต์หรือไงถึงได้นิ่งขนาดนี้
“ฉันไม่เจ็บค่ะ คุณล่ะเจ็บมั้ย”
เขามองของในมือฉันก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางแล้วหายไปเลย
“แปลกคน ...ทำตัวเหมือนหุ่นยนต์ไปได้”
ถึงแม้จะรู้สึกว่าเขาแปลกแต่ฉันรู้สึกเหมือนว่าเคยรู้จักกับเขามาก่อน
แต่ไม่แน่ใจว่าที่ไหนหรืออาจจะเคยเดินผ่านก็ได้มั้ง
“เจ้าอ้วน แม่กลับมาแล้วมีขนมมาเต็มเลย”
กระต่ายตัวอ้วนฟูสองตัวรีบวิ่งมาทันทีตอนที่ได้ยินเสียงถุงขนม
T_T ทั้งๆที่ปกติไม่เคยวิ่งออกมาเร็วขนาดนี้แท้ๆ
...น่าจับไปปล่อยที่วัดให้หมดเลย
“ทีงี้ล่ะมาอ้อนเชียวนะ ...วันนี้แม่เจอคนแปลกๆด้วยล่ะ
เหมือนจะเคยรู้จักนะแต่ก็ไม่รู้ว่าไปเจอมาที่ไหน
เจ้าอ้วนรู้จักมั้ยลูก” เจ้าสองตัวหันมองหน้ากันแล้ววิ่งเล่นต่อ
เออเนอะ ฉันก็บ้าไปถามกระต่ายที่มันไม่รู้เรื่อง
“แต่คุ้นจริงๆน้า ...อืม
ช่างมันดีกว่า” ฉันนอนเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆแก้เซ็ง
ได้วันหยุดตั้งสี่วันจะไปที่ไหนดีนะ ถ้าถามเมอร์ลินก็กับเซียมจะแนะนำให้ไปช็อปปิ้ง
ถ้าถามยูกิก็จะแนะนำให้นอนอยู่ที่ห้องเฉยๆ
...แต่ฉันไม่อยากทำทั้งหมดที่เพื่อนแนะนำมานี่นา
หรือจะไปเที่ยวทะเลดีแต่ก็ห่วงเจ้าอ้วนสองตัวนี้ไม่อยากให้อยู่บ้านลำพัง
Rrrrrr(Ma)
“แม่ขา ...ดีใจจังเลยวันนี้ว่างเหรอคะ”
ฉันกดรับสายทันทีที่เห็นว่าคนโทรมาคือใครเพราะนานๆครั้งที่แม่จะโทรมาหา
ส่วนใหญ่ท่านจะยุ่งและไม่ว่างตลอดเลย
(วันนี้งานไม่ค่อยยุ่งแล้วเราล่ะเป็นยังไงบ้าง ...ไปอยู่ที่ไทยตั้งสามปีกว่าแล้วไม่เห็นกลับมาเยี่ยมที่นี่บ้างเลย)
“ก็ฟ้ายุ่งๆเหมือนกัน แม่เห็นคอลเลคชั่นใหม่ที่ฟ้าถ่ายมั้ย
สวยมากเลยขอบอก”
(เห็นแล้ว เหมามาแล้วเหมือนกัน
ฮ่าๆ)
“แม่อินเทรนด์เว่อร์ ฟ้าว่าแล้วต้องถูกใจแม่แล้วพายุเป็นยังไงบ้างคะ
ยังเกเรอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า” ฉันถามถึงน้องชายตัวแสบที่อายุห่างจากฉันแค่ปีเดียว
เราสองคนพี่น้องขออนุญาตกลับมาอยู่ที่ไทยแต่แยกกันอยู่เพราะพายุต้องการพื้นที่ส่วนตัวเป็นอย่างมาก
ซึ่งฉันก็เหมือนกัน ก็พายุไม่ชอบเจ้าอ้วนสองตัวนี้แล้วก็หาเรื่องจะแกล้งตลอดเวลาจนฉันกลัวว่าลูกจะตกใจตายซะก่อน
(รายนั้นอยู่ที่นี่เป็นยังไงที่ไทยหนักกว่าร้อยเท่าเลย
แต่แม่เตรียมแผนไว้แล้วรับรองว่าคราวนี้ไอ้ตัวแสบต้องโดนกำราบแน่นอน)
ฉันล่ะไม่อยากให้แม่มั่นใจแบบนั้นเลยเพราะหลายครั้งที่แม่มั่นใจ
มันมักจะจบลงตรงที่โดนพายุตลบหลังทุกครั้งไป
...และฉันมีลางสังหรณ์ว่าครั้งนี้น่าจะเป็นเหมือนทุกครั้ง
“แม่อ่ะ มั่นใจเกินไปหรือเปล่า
เห็นทุกครั้งก็โดนพายุตลบหลังทุกครั้งเลย”
(แต่แผนแม่ครั้งนี้รับรองว่าเลิศกว่าทุกครั้งแน่นอน
อย่าห่วงเลย ...ไม่มีพลาดแน่
แค่นี้ก่อนนะลูกแม่ต้องรีบเข้าไปประชุมต่อ รักลูก บาย)
ยังไม่ทันที่จะได้บายกลับเลยแม่ก็วางสายไปซะแล้ว
อัพเดทข่าวกันหน่อยเนอะ! ฉันเพิ่งย้ายกลับมาจากอังกฤษเมื่อประมาณเกือบๆสี่ปีแล้ว
เหตุผลที่ว่าฉันอยากกลับมาอยู่ที่นี่มากนั่นคือเรื่องรอง
เรื่องหลักคือไม่อยากเรียนบริหารธุรกิจที่นั่นและไม่อยากสืบทอดกิจการของพ่อเลี้ยงแค่คิดว่าต้องนั่งประชุมทุกวันอย่างแม่ฉันก็น่าเบื่อจะตายแล้ว
และอีกอย่างคือฉันอยากเรียนด้านแฟชั่นมากกว่า ถึงได้ยอมรับงานถ่ายแบบทุกอย่างเพื่อเก็บประสบการณ์ทั้งที่จริงๆแล้วต่อให้ไม่ทำงานฉันก็อยู่ได้แบบสบายๆเลย
เงินที่แม่กับพ่อเลี้ยงให้ต่อเดือนก็หลายแสนอยู่
Rrrrrrr(Richard)
“สวัสดีค่ะคุณลุง” แหม
เหมือนนัดกันมาเลยเพิ่งวางสายจากแม่ พ่อเลี้ยงก็โทรมาทันที ฉันเรียกเขาว่าคุณลุงเพราะว่าไม่อยากเรียกเขาว่าพ่อซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว
(เป็นยังไงบ้าง แม่เราโทรหาหรือยังเห็นบ่นๆมาหลายวันแล้ว)
“เพิ่งวางสายไปเมื่อกี้เลยค่ะ ...ใจตรงกันเหลือเกินนะคะ” แล้วคุณลุงก็ชวนฉันคุยเรื่องนู้นนี่ไปสักพักก่อนจะขอตัววางสายไปเพราะมีงานด่วนเข้ามา
เห็นมั้ยล่ะว่าชีวิตของพวกเขายุ่งและวุ่นวายกันแค่ไหนแล้วจะให้ฉันไปเป็นแบบพวกเขาคงไม่ไหวแน่ๆ
“ไปวิ่งกันมั้ยลูกรัก” เจ้าอ้วนทั้งสองตัววิ่งหลบเข้าไปในซอกแล้วเอาเหนียงหนุนกันอย่างสบายใจเลย
...นี่ฉันหวังอะไรอยู่เนี่ย
T_T เจ้ากระต่ายแสนขี้เกียจทั้งสองตัวไม่มีทางที่จะไปออกกำลังกายกับฉันแน่นอน
“งั้นแม่ไปแล้วนะอยู่ในห้องอย่ากัด อย่ารื้ออะไรเด็ดขาด ถ้าไม่ฟังจะเอาไปปล่อยวัด”
ฉันวิ่งรอบๆคอนโดของตัวเองอยู่ค่อนข้างบ่อยอยู่แล้วแต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ถึงมีเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้นะ
ตุ๊บ!
“โอ๊ย ...ขอโทษค่ะฉันไม่ระวังเอง”
วันนี้จะต้องชนคนอื่นอีกกี่ครั้งกันเนี่ย ถ้าฉันศัลยกรรมมาหน้าต้องเบี้ยวไปแล้วแน่ ๆเพราะชนแต่ละทีแรงเหลือเกิน
“เจอกันอีกแล้วนะ” พอเงยหน้าขึ้นไปก็เจอกับคนเมื่อเช้าที่ฉันเดินชนแต่ต่างกันตรงที่ตอนนี้เขากำลังยิ้มอยู่
เวลายิ้มก็หล่อดีนี่นาแล้วทำไมถึงไม่ค่อยจะยิ้มกันล่ะ
“เราชนกันบ่อยนะคะ ...คุณพักอยู่ที่นี่เหรอ”
“ใช่ครับ พักอยู่ที่นี่”
เอ แปลกจัง ถ้าเขาพักอยู่ที่นี่ทำไมฉันถึงไม่คุ้นหน้าเขาเลยล่ะ
หรืออาจจะเป็นคนที่มาอยู่ใหม่ก็ได้มั้ง
“อ๋อค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ
ขอตัวก่อนค่ะ”
หมับ!
ยังไม่ทันที่ฉันจะวิ่งออกไปก็โดนมือหนารั้งไว้ซะก่อน
“คะ? มีอะไรหรือเปล่า” เขาส่ายหน้าและยอมปล่อยให้ฉันวิ่งออกมา
มันอาจจะดูแปลกๆนะที่พูดแบบนี้แต่สัมผัสของเขาเมื่อกี้ทำใจฉันเต้นแรงเป็นบ้าเลย
K ON
ในที่สุดก็ได้เจอกันแล้วสินะยัยกระต่ายหรือจะต้องเรียกว่าฟ้าใสดี
ผมมองฟ้าวิ่งผ่านหน้าไปเฉยๆโดยที่ไม่รั้งไว้ไม่ใช่เพราะไม่อยากรั้งแต่แม่งทำอะไรไม่ถูกต่างหาก
มัวแต่ใจเต้นแรงจนยัยตัวเล็กวิ่งไปไกลแล้ว
“อยู่ที่นี่งั้นสินะ ...งั้นก็ซื้อไปทั้งหมดเลยละกันง่ายดี”
ผมโทรสั่งให้เลขาจัดการทำเรื่องซื้อคอนโดที่นี่แล้วโอนกรรมสิทธิ์เป็นของผมแค่คนเดียว
มันก็ค่อนข้างจะยุ่งยากอ่ะนะแต่ผมเชื่อว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างโดยเฉพาะถ้าให้เลขาผมทำแล้วเนี่ย
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
...พรุ่งนี้ย้ายเข้าก็แล้วกัน
“กูบอกแล้วไงว่าไม่เอา ...ของเล่นมึงมันน่าเบื่อ”
“แต่กูอยากให้มึงเล่น และมึงต้องเล่น?”
ผมมองพวกมันสองตัวที่เอาแต่ทะเลาะกันไปมาอย่างน่ารำคาญ
ไอ้ดินก็ขยันกวนตีนไอ้ศึกเหลือเกิน พวกแม่งนี่น่าจับมัดรวมกันแล้วโยนลงน้ำไปเลย
“แล้วเอายาเชี่ยอะไรมาฉีดให้กูอีกเนี่ย!!! แม่งเอ้ยยย”