สวัสดีค่ะ แนะนำตัวกันก่อนค่ะ
เฉิน ซีเย่
นางเอก ในโลกปัจจุบัน เป็นหญิงวัย 35 เคยมีแฟนแต่ยังไม่ได้แต่งงานก็มีอันต้องเลิกรากันไป เธอใช้ชีวิตโสดทำงานหาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าครอบครัวจะไม่ได้ลำบากอะไรมาก พ่อแม่ถือว่าเป็นชนชั้นกลางอยู่ในเมืองเจียงโจว มณฑลหูเป่ย เธอเรียนจบมหาลัยในเมืองปักกิ่ง และทำงานในบริษัทชั้นนำที่มีคนอยากเข้าไปทำงานจำนวนมาก หน้าที่ผู้จัดการฝ่ายการตลาดด้านเทคโนโลยี ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ เธอทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจทำงานหามรุ่งหามค่ำตั้งแต่เรียนจบ จนครบ 5 ปีเต็มถึงได้ตำแหน่งนี้มาครอง แต่ก็แลกกับหลายๆ อย่างที่สูญเสียไป คนรัก ที่คบกันมาตั้งแต่เรียนปี 2 ก็ขอเลิกกับเธอด้วยเหตุผลที่เธอไม่มีเวลาให้ คุณยายที่จากไปโดยที่เธอไม่มีโอกาสได้ร่ำลาเพราะอยู่ในช่วงไปศึกษางานที่ต่างประเทศ จนล่าสุดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว พ่อกับแม่ก็จากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนที่เดินทางมาหาเธอที่ปักกิ่งช่วงหลังปีใหม่ เพราะคิดถึงลูกสาวที่ไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านนานถึง 3 ปี
นับว่าชีวิตของ ซีเย่ ตอนนี้เหมือนไม่เหลือใครหากไม่นับ คุณลุงคุณป้า ที่เป็นพี่ชาย พี่สาวพ่อของเธอ ที่ไม่ค่อยสนิทกันนักเพราะอยู่คนละเมือง พึ่งจะมาติดต่อกันหลังพ่อแม่ตายไปแล้วนี่เอง เธอได้เจอพวกท่านเมื่อตอนอายุ 15 ที่พ่อพาไปเยี่ยมปู่ที่หูเป่ยครั้งเดียวก็ว่าได้ พ่อของซีเย่เป็นลูกชายคนเล็กของบ้านเฉิน แต่งงานแล้วย้ายมาอยู่ที่เจียงโจวกับแม่ เพราะแม่ของเธอทิ้งคุณยายที่อยู่คนเดียวไปไม่ได้ บิดาจึงเป็นเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิง อย่างไม่มีทางเลี่ยง เพราะพ่อรักแม่มาก เคยได้ยินท่านเล่าให้ฟังว่าปู่ของเธอเป็นเจ้าของบริษัท ในเครือ เฉินซี กรุ๊ป และแบ่งหุ้นให้ลูกๆ ทุกคนในอัตราส่วนที่แตกต่างกันไป ความจริงปู่กับย่า รักพ่อของเธอมากจนไม่กล้าขัดใจตอนที่พ่อขอแต่งงานกับแม่ และเธอรู้ว่าพ่อมีรายได้จากเงินปันผลจาก บริษัททุกปี แต่ไม่รู้ยอดเงินและเงินพวกนี้พ่อก็ได้นำมาเลี้ยงดูครอบครัวและส่งให้เธอได้เรียนหนังสือจนจบ มหาลัยชื่อดังของปักกิ่ง ส่วนแม่มีร้านขายอาหารไม่ใหญ่มากอยู่ในเมืองเจียงโจว ที่รับสืบทอดมาจากคุณยายของเธอ และมีพ่อมาช่วยทำอีกคน ถึงไม่ได้ขายดีจนร่ำรวยแต่ก็พอมีกิน มีใช้และมีเก็บพอประมาณ ไม่ลำบาก
ตอนที่เธอเรียนอยู่มหาลัยปีสุดท้าย พ่อได้บอกกับเธอว่าปู่ได้แบ่งหุ้นส่วนตัวให้ หลานๆ ทุกคนๆ ละ 10% เพราะมีหลานแค่สามคน คือ ลูกชายลุงใหญ่ อายุมากกว่าเธอ 8 ปีกับลูกสาว อายุมากกว่าเธอ 5 ปีส่วนป้าของเธอไม่มีลูกเพราะสามีเป็นหมัน ตอนนี้ท่านได้เป็นหม้ายเพราะสามีเสียท่านจึงกลับมาอยู่บ้านพ่อแม่ที่หูเป่ย ส่วนตัวป้าท่านมีหุ้นอยู่แล้ว 15% จึงไม่เดือดร้อน พ่อกับลุงใหญ่ถือหุ้น คนละ 20% ส่วนย่าเสียตั้งแต่เธอยังเด็กจึงไม่เคยเจอท่านสักครั้ง เธอจำได้ว่าตอนที่เธอเห็นปู่ครั้งแรก ก็กลัวมากเพราะปู่ค่อนข้างจะหน้าตาดุ เหมือนกันกับลุงใหญ่ คงมีแต่พ่อของเธอที่หน้าตาหล่อเหลาอ่อนโยน ปู่บอกพ่อเหมือนย่ามาก จึงออกไปทางหน้าหล่อเหมือนผู้หญิง
ซีเย่ ไม่ค่อยได้ติดต่อกับญาติฝ่ายพ่อ แต่มีเคยมีทนายนำเอกสารมาให้เซ็นรับทราบหุ้นและที่มหาลัยครั้งหนึ่ง และทุกสิ้นปีเธอจะส่งการ์ดอวยพรไปให้พ่อแม่กับปู่ และยาย ทุกปี แม้จะไม่ได้ไปก็ตาม เธอรู้เพียงว่าเงินปันผลจะเข้าบัญชีที่เป็นชื่อเธอปีละ 2 ครั้งแต่เธอไม่เคยสนใจไปดูว่ามีเท่าไหร่ เพราะมีคนคอยดูแลให้เธออยู่แล้ว เรียนจบก็มีบริษัทชั้นนำหนังสือชวนเชิญให้เธอเจ้าร่วมทำงานด้วย เพราะเกรดการเรียนของเธอดีมาก จึงมีหลายบริษัทติดต่อเข้ามา ตั้งแต่ยังไม่จบเธอตัดสินใจเข้าบริษัท ที่เล็งไว้แต่ต้นจากนั่นก็ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ จนสามารถขึ้นมาเป็น ผอ.เฉิน ซีเย่ ในปัจจุบัน หลังจากเสียพ่อแม่ไปพร้อมกัน ทำให้เธอเสียใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้เธออายุเข้าวัย 35 ปี ทุกคนในวัยเดียวกันบางคนมีลูกโตกันแล้ว แต่เธอตอนนี้แม้แต่แฟนก็ยังไม่มี ไม่ใช่ว่าเธอหน้าตาขี้เหร่หรืออัปลักษณ์ แต่เพราะเธอเพอร์เฟคมากเกินไป ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาจีบ เธอเป็นผู้จัดการแผนกตั้งแต่อายุ 28 ปี ตำแหน่งที่สูงเกินกว่าหนุ่มๆ วัยเดียวกันจะกล้าหมายปอง และเธอมีดวงตาเฉี่ยวคมและออกจะติดดุเหมือนปู่ ยิ่งทำให้คนพบเห็นกลัวได้ง่ายๆ แต่เธอไม่ได้คิดเดือดร้อนเรื่องแฟน ในเมื่อเธอหาเลี้ยงตัวเองด้วยความสามารถได้อยู่แล้ว จึงไม่ได้คิดจะพึ่งพาผู้ชาย
ในตอนที่คนรักมาบอกขอเลิกเธออึ้งไปเหมือนกัน เหตุผล ที่เขาบอกเพราะเธอบ้าทำงานมากเกินไป ไม่มีเวลามาดูแลเอาใจใส่เขาเหมือนแฟนสาวคนอื่น จะไปกินข้าว ดูหนังด้วยกันแต่ละครั้งยังยากเลยเขาจึงทนคบกับเธอต่อไปไม่ได้จริงๆ เธอไม่ได้เสียใจหรือเสียดายอะไรมาก และไม่โทษคนรักเพราะเธอเป็นแบบนั้นจริงๆ และหากเขารับไม่ได้ก็ไม่อยากจะฝืนให้ลำบากใจทั้งสองฝ่าย จึงบอกลาเขาด้วยดี เพราะถ้าจะให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองก็คงทำไม่ได้
จนตอนอายุ 33 ปีที่เธอเสียพ่อแม่ไปพร้อมกัน ตอนนั้นไม่เหมือนเสียแฟนหรือคุณยาย ความรู้สึกเหมือนโลกดับมืดไปหมด หาทางออกไม่เจอ เหมือนคนจมน้ำที่กำลังจะขาดอากาศหายใจ รู้สึกคับแน่นหน้าอกจนเกินบรรยาย ซีเย่ สั่งงานลูกน้องและไปอยู่ทำพิธีให้พ่อแม่ 1 เดือนเต็ม บริษัทก็เข้าใจเธอดี ในช่วงวันส่งศพพ่อแม่ไปสุสาน ลุงใหญ่กับพี่ใหญ่เฉิน พี่สาวเฉิน เดินทางมาร่วมเป็นประธาน กับเธอด้วยเพราะรู้ว่าเธอไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก
ลุงใหญ่ ให้เธอไปอยู่ที่หูเป่ยเพราะที่นี่ไม่เหลือใครแล้ว บ้านของพ่อเธอที่หูเป่ยก็มีหนึ่งหลัง แต่เธอได้บอกท่านว่าตัวเองชินกับปักกิ่งแล้วและการงานก็อยู่ที่นั่น ถึงตอนนั้นเธอตะยังเช่าหอพักอยู่ก็ตาม หลังจากฝั่งศพพ่อแม่ที่สุสานเสร็จเธอก็เก็บกวาดบ้านเก่าไว้เรียบร้อย ก่อนจะบินกลับปักกิ่งพร้อมรูปภาพพ่อแม่และยาย เธอทนอยู่ในบ้านหลังเดิมไม่ได้เพราะหดหู่เกินไป พอกลับมาถึงปักกิ่ง ทนายของ เฉินซี กรุ๊ป ก็มาจัดการซื้อห้องชุดให้เธออยู่ใกล้ที่ทำงานมากกว่าเดิม เป็นคำสั่งจากลุงใหญ่เฉิน ซีจ้าวเพราะเป็นห่วงหลานสาวคนเดียว พี่ใหญ่เฉิน ซีซวน อยากให้เธอไปทำงานในเครือ เฉินซี กรุ๊ป ด้วยแต่เธอบอกปฏิเสธไปแล้วเพราะไม่ถนัดงานด้านออกแบบ
เฉินซี กรุ๊ป เป็นบริษัทรับเหมาโครงการขนาดใหญ่ ทั้งยังมีการออกแแบบ ตกแต่งอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ครบวงจร แต่ซีเย่ไม่ได้เรียนมาทางสายนี้ เธอเรียนการตลาดเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์มา ทั้งที่พี่ใหญ่เฉิน จะมอบตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายตลาดให้เธอเช่นกัน แต่เรื่องอาคารเธอไม่ถนัดจริงๆ จึงขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับการบริหารเธอรอรับเงินปันผลอย่างเดียวก็สบายดีอยู่แล้ว
หลังจากที่พ่อแม่ตาย ซีเย่ ก็รู้แล้วว่าชีวิตเธอไม่ได้มีแต่ทำงานอย่างเดียว ตอนนี้เธอหันมาให้เวลากับตัวเองมากขึ้น ปีใหม่ก็ไปเยี่ยมปู่ที่แก่ชรามากแล้วทุกปี และไปไหว้พ่อแม่และยายที่สุสานในวันสำคัญๆ ตลอด เรื่องงานก็ปล่อยวางได้มากขึ้น ถ้าเธอกลับมาเจียงโจว จะต้องแวะบ้านเฉินเพื่อทักทายคุณปู่และลุง กับป้าเฉิน ทุกครั้ง หุ้นของพ่อก็ตกมาเป็นของเธอตามสิทธิ์โดยชอบธรรม
ตอนนี้ถือว่าเธอเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เลยก็ว่าได้ ปู่นำบัญชีเงินปันผลมาให้เธอดูและท่านยังนำเงินบางส่วนไปลงทุนในหุ้นและซื้อพันธบัตร เธอเห็นยอดเงินในบัญชีหลักร้อยล้านหยวน พ่อแม่ทิ้งเงินมรดกไว้ให้เธอจำนวนหนึ่ง และมีบ้านและร้านอาหารที่เจียงโจว ที่เธอปิดไว้ทั้งหมด เพราะไม่มีใครทำต่อแล้ว และตัวเธอเองก็มีเงินเก็บที่เธอได้จากการทำงานอยู่ไม่น้อย เรื่องเงินมั่นคงเรื่องงานก็มั่นคงและเป็นงานที่เธอชอบจึงไม่รู้สึกกดดันเหมือนแรก
ตั้งแต่ 2 ปีหลังเธอเริ่มใช้ชีวิตมากขึ้นแต่เพราะวัยที่มากขึ้นจึงไม่ได้ชอบเที่ยวแบบผาดโผนหรือสังสรรค์กับเพื่อนฝูง เพราะซีเย่ ห่างจากกลุ่มเพื่อนมานานจนกลายเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อนหรือสังคมมากนัก เธอมีงานอดิเรกคืออ่านนิยายออนไลน์ในแอปอ่านหนังสือนิยายหลายแอป เพราะสะดวกอ่านผ่านแล็ปท็อปและมือถือได้ทุกที่ไม่ต้องพกพาให้หนักเหมือนพวกหนังสือ เธอชอบอ่านนิยายแนวครอบครัว ยุคเก่าของจีนทั้งแบบท่องยุทธภพ แบบแนวยุคก่อนปฏิวัติ ยุค 60 ยุค 70-90 ซึ่งแต่ละเรื่องก็มีลูกเล่นตามจินตนาการนักเขียน ซีเย่ ใช้เวลาว่างทั้งหมดนอนอ่านนิยาย บางครั้งก็แทบไม่ได้นอนเพราะติดงอมแงม
หลังสุดมีนิยายเรื่องหนึ่งที่มีนักเขียนมือทองที่เธอติดตามซึ่งมาลงขาย เป็นนิยายช่วงยุคปลาย 70 คำพรรณนาพระเอกที่หล่อเหลา อาชีพตามสมัยนิยมคือ หนุ่มโรงงานที่กำลังเจริญก้าวหน้าในยุคเริ่มต้นอุตสาหกรรม อุปนิสัยเย็นชา หน้านิ่งและไม่แยแสสิ่งใด มันใช่เลยนี่แหละสิ่งที่ตามหา นางเอกเป็นน้องสาวนางร้ายที่เป็นภรรยาคนที่สอง ของพระเอก ส่วนเมียคนแรกนั้นได้หนีตามชายอื่นไปตั้งแต่ลูกยังเล็ก เธอไม่รู้ว่านักเขียนแต่งตัวตนของภรรยาคนแรกขึ้นแค่เพียงตัวประกอบเฉยๆ หรือจะมีบทบาทกลับมาทีหลัง เพราะพึ่งเริ่มอ่านนิยายเรื่องนี้ค่อนข้างดราม่าเพราะมีบทที่แจ้งถึงความรุนแรงทั้งภาษาและคำบรรยาย ครั้งแรกที่เห็นก็คิดว่านักเขียนคงจะมีบทพูดแบบชาวบ้านทั่วไป แต่พออ่านไปได้เกือบครึ่งเรื่อง ซีเย่ ก็รู้ว่าตัวเองคงไปต่อไม่ไหว เพราะสงสารตัวละครเด็กน้อยในเรื่องเป็นอย่างมาก เด็กไม่ถึง 4 ขวบ จะไปรู้ความอะไรนักหนาต้องถูกกลั่นแกล้งจากทั้งบ้านแม่พระเอกและมาเจอแม่เลี้ยงใจร้ายอีก ซีเย่อ่านมาถึงตอนที่ นางร้ายใช้ลูกเลี้ยงถือถ้วยข้าวต้มร้อนๆ ออกมาให้แต่เพราะเด็กไม่รู้ความใช้มือเปล่ายกถ้วยที่ร้อนๆ ก็สะบัดจนถ้วยข้าวหล่นแตก น้ำข้าวต้มร้อนๆ ลวกไปตามหลังมือและเท้า นางร้ายโมโหมากตวาดเสียงดัง และหยิบไม้กวาดมาฟาดที่หลังเด็กเต็มแรง เด็กน้อยกลั้นสะอื้นจนตัวสั่นด้วยความกลัว หากร้องแม่เลี้ยงจะยิ่งตีหนักกว่าเดิม ถึงตอนนี้น้ำตาซีเย่ ไหลพรากเธอเปิดประตูบันไดหนีไฟเพื่อลงไปซื้อของที่ซุเปอร์มาร์เก็ตมาไว้กินที่ห้อง ที่ลงบันไดเพราะเธออยู่ชั้น 2 ขี้เกียจรอลงลิฟท์ และเพราะมัวแต่จ้องมองที่จอโทรศัพท์ทำให้เธอก้าวขาพลาดเสียหลัก พลัดตกลงไปจากขั้นบนสุด จนถึงขั้นสุดท้าย ท้ายทอยไปฟาดกับเหลี่ยมบันไดเข้าอย่างแรง ซีเย่ รู้แค่ว่าทุกอย่างเริ่มมืดดับไปก่อนจะไม่รู้สึกอะไรอีก และเพราะเป็นบันไดหนีไป อาคารส่วนบุคคลทำให้ไม่มีใครเห็นตอนที่ซีเย่ตกลงมา