ตอนที่ 5

1370 Words
  “ใหญ่แล้วชอบมั้ยล่ะ” ผมกระซิบถามเสียงกระเส่าข้างหู   “ชอบจ้ะ... แต่ก็กลัวเจ็บ” “อยากใช้ปากกับน้องชายผมมั้ย... อยากกินมั้ยครับ” “อยากจ้ะ... ” ได้ยินที่หล่อนว่า ผมรีบสลับเอาตัวเองขึ้นมาเอนหลังพิงพนักหัวเตียงในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน “อยากก็จัดสิครับ... เอาเลย” แม่เพื่อนขยับเข้ามาคุกเข่าตรงหว่างขาของผมอย่างรู้จังหวะ มือข้างหนึ่งของผมเอื้อมมาโอบศีรษะน้าเดือน รั้งลงมารับแรงกระเด้า ส่งดุ้นเอ็นใหญ่ยาวป้อนเข้าใส่ปากเซ็กซี่ของหล่อนเป็นจังหวะ “อ๊า… ” ผมสะดุ้งเสียว ลิ้นของหล่อนตวัดเลียส่วนหัวถอกทู่อย่างเร่าร้อน ผมเกร็งจนแลเห็นเม็ดน้ำใสๆ ปริ่มไหลออกมาจากรอยแยกรูปดวงตาน้อยๆ “อูย... เก่งเหลือเกินน้าเดือนครับ” ผมหลุบตาลงมองส่วนปลายเบ่งบานที่กำลังโดนลิ้นของหล่อนไล้เลียอย่างเอร็ดอร่อย หัวมังกรสีแดงและมนทู่ถอกบานผงึกผงกชูชัน ตั้งเป็นลำแข็ง ยาวขึ้นมาถึงหน้าท้องซึ่งแน่นนูนไปด้วยซิกแพ็คน่าลูบไล้ “เซ็กซี่จัง... ” มือข้างหนึ่งของน้าเดือนเอื้อมขึ้นมาลูบไล้เส้นขนบริเวณท้องซึ่งแน่นนูนไปด้วยลอนกล้ามของผม “อู้ว… เสียว” สะโพกของผมส่ายร่อน น้าเดือนต้องอ้าปากจนกว้างสุดกราม เพื่อที่จะครอบครองความยาวใหญ่เอาไว้ให้ได้มากที่สุด “ซี้ด... เสียวเหลือเกินน้าเดือนจ๋า... อย่างนั้นละ อ๊ะ... อ๊ะ... อู้ย”  มือใหญ่ของผมกดศีรษะของหล่อนอย่างเอาใจช่วย มองดูน้าเดือนรูดริมฝีปากลงมาช้าๆ รับเอาความแข็งแกร่งแทงลึกสวนขึ้นมาใส่อุ้งปากเซ็กซี่          “อูย… อู้ว… น้าเดือนดูดเก่งสุดๆ” ผมเปล่งเสียงครางยาว คำชมของผมทำให้แม่เพื่อนรีบตวัดปลายลิ้นระรัวเลียรอบรอยบากของดุ้นเอ็นอย่างเอร็ดอร่อย ไม่นานน้ำหล่อลื่นของผมก็หยดย้อยเป็นยางเยิ้มติดริมฝีปากน้าเดือน “ชอบมั้ยจอห์นจ๋า” น้าเดือนเหลือบตาขึ้นมองหน้าผม ขณะดูดดุ้นเอ็นเป็นจังหวะ “ที่สุดครับ” ผมตอบ กลิ่นคาวสวาทของท่อนเอ็นใหญ่ยาวกระตุ้นเร้าความอยากของสาวใหญ่ ยิ่งดูดของผมน้าเดือนก็ยิ่งน้ำเดิน ร่องสวาทแฉะฉ่ำร่ำร้องหาการทิ่มทะลวง          อั่กๆ ๆ ๆ ๆ ๆ น้าเดือนครอบริมฝีปากรัวๆ ใส่ดุ้นเอ็นพองโต เหยียดขยาย เคียดขึงคับแน่นอยู่ในอุ้งปากน้อยๆ ของหล่อนที่ต้องอ้ากว้างสุดกรามจึงจัดการของผมได้ “อู้ว... ไม่ไหวแล้ว ขอผมกระแทกนะครับ” ผมขยับลุกนั่ง สลับเอาร่างระทดระทวยของหล่อนลงมานอนหงาย ดันเข่าแบะอ้ากดขึ้นมาเป็นรูปตัวเอ็ม จับท่อนเอ็นมาจ่อปากรูค่อยๆ เสียดถูเตรียมกระแทก แล้วจู่ๆ ทุกอย่างก็มีอันต้องอันตรธานหายวาบในพริบตา เพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังลั่นขัดจังหวะ “ห๊า... นี่เราฝันไปหรือนี่” ผมลืมตาตื่นขึ้นมา ปิดเสียงนาฬิกาอย่างอารมณ์เสีย ขณะมือยังกุมท่อนเอ็นของตัวเองเอาไว้ ภาพของน้าเดือนคนงามสลายไปพร้อมกับเสียงนาฬิกาปลุกและแสงแดดที่สาดเข้ามาทางช่องหน้าต่างห้องนอน ผมพยายามหลับตา อยากสานต่อความฝันสุดหวามนั้นอีกครั้ง อีกนิดเดียว... นิดเดียวเท่านั้นน้าเดือนก็เสร็จผม แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่คิด เฮ่อ... เสียดายจัง... แหม... เสียดายจัง หรือว่าความปรารถนาสุดเร่าร้อนของผมที่มีต่อน้าเดือนแม่เพื่อนคนนี้จะเป็นได้เพียงแค่ความฝัน เอาน่ะ... ผมบอกตัวเองว่าอย่าท้อ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั้น คอนดูนะ... สักวันผมจะเบิร์นน้าเดือนให้น้ำกระจาย จะจัดหนักถึงขั้นร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว... คอยดู   อีกเดือนต่อมา “ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ... ซวยฉิบ” ตอนหัวค่ำ ที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นมะม่วงหลังบ้านของไอ้วินซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและเพื่อนรักของผม มันบ่นรำพึงรำพันพลางยกน้ำสีอำพันในแก้วกรอกลงคอ ตัดพ้อโชคชะตาที่กลั่นแกล้งให้มันจับได้ใบแดงในการคัดเลือกทหารเมื่อเดือนก่อน ขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ ในกลุ่มจับได้ใบดำกันหมด   “แค่ปีเดียวเท่านั้น... เป็นทหารให้อะไรมากกว่าที่มึงคิดนะโว้ย” ผมให้กำลังใจคนไม่เก่ง หากพยายามหาเหตุผมด้านดีปลอบใจเพื่อน อยากให้มันมองเห็นข้อดีของการได้ฝึกระเบียบวินัยในกรมกอง อย่างน้อยการฝึกหนักจะทำให้เพื่อนผมแข็งแรงแน่ๆ “มึงไม่ได้เป็นกู... ก็พูดได้สิวะไอ้เหี้ย” มันด่ากลับซะงั้น แต่ผมชินเสียแล้ว พูดคำด่าคำนี่แหละไอ้วิน ผมกับมันสนิทกันมาก รู้จักรู้ใจกันดี เราเริ่มคบกันตั้งแต่ตอนเรียนปวช. จากนั้นก็เป็นเพื่อนรักกันเรื่อยมาจนกระทั่งจบปวส. “เรื่องฝึกหนักกูไม่กลัวโว้ย... ห่วงก็แต่แม่กูอยู่คนเดียว” บอกพลางรินเหล้าลงแก้ว แม่ที่มันเอ่ยถึงก็คือ ‘น้าเดือน’ สาเหตุที่ไอ้วินห่วงก็เพราะว่าทุกวันนี้มันกับแม่อยู่กันสองคน น้าเดือนครองตัวเป็นม่ายมานานหลายปีหลังจากพ่อไอ้วินเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหลายปีก่อน ไอ้ วินจึงห่วงแม่นักหนา ว่าในระหว่างที่มันต้องไปเป็นทหาร น้าเดือนต้องอยู่คนเดียวลำพัง ไร้คนดูแล “ฝึกหนักแค่สองเดือนแรกเท่านั้น... เดือนต่อๆ ไปเดี๋ยวทางกรมก็ให้ลากลับบ้านได้” ผมพยายามพูดไม่ให้มันเป็นกังวล “ระหว่างกูไม่อยู่มึงแวะมาดูแม่กูบ้างนะ” ไอ้วินเอ่ยปากฝากผู้หญิงที่มันห่วง “เออ... กูสัญญาว่าจะแวะมาบ่อยๆ” ในฐานะเพื่อน ผมรีบรับปากเพื่อให้เพื่อนรักไปเป็นทหารอย่างหมดกังวล “ได้ยินอย่างนี้ก็ดี... ไอ้เพื่อนรัก” ไอ้วินกล่าวพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม นั่งซดเหล้าประชดชีวิตแบบจัดหนัก เพราะว่าพรุ่งนี้เช้าจะต้องเข้ากรมไปเป็นทหารเกณฑ์ “หิวกันมั้ยจ๊ะหนุ่มๆ” หลังจากได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามาจอดในบ้านได้เพียงชั่วอึดใจ ไม่นานเสียงใสของน้าเดือนก็ดังขึ้นพร้อมใบหน้างาม ชะโงกผ่านหน้าต่างหลังครัวออกมาถามผมกับลูกชายหล่อน กำลังนั่งดื่มกันอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นมะม่วงหลังบ้าน “หิวเหมือนกันครับน้าเดือน” ผมรีบตอบ เพราะว่านอกจากเหล้าและกับแกล้มเบาๆ เมื่อตอนเย็น ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอาหารหนักตกถึงท้อง “รอนะ... เดี๋ยวน้าทำกับข้าวให้นะจ๊ะ” เสียงหวานตะโกนตอบมา “ผมทำเองก็ได้นะครับน้าเดือน... แค่มาม่าต้มก็โอเคแล้วครับ ผมทำได้ เดี๋ยวจัดการเองครับ” ผมเกรงใจแม่เพื่อน เพราะว่าน้าเดือนเพิ่งกลับเข้ามาจากข้างนอก ตอนนี้เวลาก็สามทุ่มกว่า น้าเดือนเพิ่งกลับมาถึงบ้านเหนื่อยๆ ควรจะได้อาบน้ำพักผ่อน “งั้นช่วยตัวเองนะจ๊ะ” น้าเดือนตะโกนตอบมา ประโยคที่ได้ยินสะกิดใจผมอย่างแรง คำว่า ‘ช่วยตัวเอง’ ของหล่อนนั้นหมายถึงเรื่องต้มมาม่า แต่จิตใจกระหายสวาทอยากฟาดแม่เพื่อนก็ประหวัดไปทางหื่น น้าเดือนจะรู้บ้างไหมว่าผมแอบ ‘ช่วยตัวเอง’ บ่อยๆ ก็เพราะความสวยของหล่อนเป็นเหตุ “ครับ... ” ผมส่งยิ้มหวานในทันทีที่มีโอกาส น้าเดือนยิ้มตอบก่อนชักใบหน้างามกลับเข้าไปในครัว ผมยังไม่ละสายตา มองตามจากทางด้านหลัง เห็นสะโพกผายส่ายไหวตามจังหวะก้าว วันนี้น้าเดือนนุ่งกระโปรงสั้น ช่วงขาเรียวยาวทำเอาผมใจสั่น แทบไม่ละสายตาจากเรือนร่างเอิบอิ่มเย้ายวนใจ ผมมองหล่อนเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้านเพื่ออาบน้ำ น้าเดือนคงไม่รู้หรอกว่าเพื่อนลูกชายสุดหื่นอย่างผมกำลังแอบมอง “มึงรอนะไอ้วิน... เดี๋ยวกูต้มมาม่าให้” ผมบอกเพื่อน มันพยักหน้า ตาไม่ได้มองผม แต่สนใจอยู่กับการตอบแชทไลน์กับสาวๆ ได้ยินเสียงข้อความเด้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD