" ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่ผมอยากรู้ความเป็นไปของโลกภายนอกที่ไกลกว่าหมู่บ้าน ตัวเมือง น่ะครับ "
" แล้วก็พวกเรื่องความเป็นอยู่ เวทมนตร์ พรสวรรค์ อ้อแล้วก็ดันเจี้ยน อะไรประมานนี้แหละครับ แค่ตอนเวลาที่ลุงแบรดว่างก็ได้ครับ วันละนิดวันละหน่อยก็ได้ " แนชบอกความต้องการของเค้าให้แบรดฟัง
" เด็กกำพร้าแบบเจ้าส่วนใหญ่ใส่ใจแค่อาหาร ที่อยู่ เสื้อผ้า กับยารักษาโรคแค่นั้น มีแต่เจ้านี่แหละ แปลกกว่าคนอื่น ปกติเห็นเงียบ ๆ ไม่คิดว่าในสมองน้อย ๆ นั่นคิดอยากรู้นั่นนี่ด้วย " แบรดตอบเด็กชายตรงหน้า " ไม่มีปัญหาหรอกนะ แต่ข้าไม่ใช่คนว่างมากมายขนาดนั้นหรอกนะหนุ่มน้อย เห็นอย่างนี้ข้าเป็นหัวหน้านะ"
ที่ต้องมาคอยแจกขนมปังหรือมาจุดฟืนให้เด็กพวกนี้ เป็นเพราะอดีตของเขา เห็นเด็กกำพร้าพวกนี้ทีไร ความรู้สึกของเขามันยากจะพรรณณา เขาจึงรับผิดชอบหน้าที่พวกนี้เอง
" ผมไม่รีบนะครับ อย่างที่บอก วันละนิดวันละหน่อยก็ได้ครับ ผมแค่อยากรู้เฉย ๆ เมื่อก่อนผมแค่เก็บความสงสัยไว้เฉย ๆ เพราะผมขี้อายแล้วก็อย่างที่ลุงบอก แค่หาอาหารมารองท้องยังลำบากเลย ถ้าไม่ใช่ความโชคดีของผม ที่ทำให้บังเอิญรู้ว่าเจ้าพวกนี้เอามาทำกินยังไง ก็คงจะวุ่นอยู่กับการหาอาหารประทังชีวิตเหมือนเดิม บวกกับที่ผมเห็นว่าลุงก็ไม่มีทีท่ารังเกียจพวกผมเลย มันทำให้ผมมีความกล้าเลยลองถามลุงไปนะครับ ลุงไม่ว่างผมรอได้นะครับ แค่ตั้งตารอทุกวันจะเป็นอะไร " เด็กชายพูดออกไป จริงบ้างแถบ้าง ผสมกันไป เพราะเจ้าของร่างเดิมก็ขี้อายจริง ๆ นี่
แบรดมองเข้าไปในดวงตาเด็กน้อยตรงหน้า พลางคิดไปว่าเด็กขี้อายคนนั้น กลับพูดจาฉะฉานได้ขนาดนี้เลยหรอแค่คิดอยากจะพูดก็พูด วาทะศิลป์สำหรับเด็กไม่เกิน 10 ขวบได้ขนาดนี้เลยรึไง เขาสงสัย เหมือนผู้ใหญ่ที่รู้ความและมีการศึกษา เขาที่เป็นหัวหน้าทหารรักษาการณ์หมู่บ้านชายขอบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอขุนนางเด็ก แม้จะดูฉลาดแต่เด็กก็คือเด็ก
" ฮ่า ฮ่า ได้ซิ ข้าจะมาหาเจ้าเองนะเมื่อข้าว่าง หรือว่าจะไปหาข้าที่กองรักษาการณ์ล่ะ " เขาถาม
" วันปกติไม่ทราบว่าลุงว่างตอนไหนครับ ผมจะได้ไปหาเวลานั้น " แนชตอบกลับ
" ถ้าข้าบอกว่าข้าว่างช่วงสายถึงบ่าย เจ้าจะทำยังไงละ " เขาเย้าแหย่ปนหยั่งเชิงเด็กน้อย ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่สำคัญของเด็กกำพร้าเลยละนะ ดูซิจะตอบอย่างไร
" ถ้าลุงว่างเวลานั้น ลุงไม่ต้องห่วง ข้าไปได้ " เขาตอบแบรดไป
" เจ้าจะเสียเวลาออกไปหางานแลกอาหารนะ " เขาแค่ล้อเล่นเฉย ๆ แต่เด็กน้อยคนนี้กลับจะมาจริง
" ผมมีแผนแล้ว แต่จะถามเพื่อนอีกที ลองขอร้องเพื่อน ๆ " แนชบอก " ผมจะสอนเพื่อน ๆ หาของกินที่หาได้วันนี้ให้พวกเค้าช่วยกันหาแล้วมาแบ่งกันในช่วงที่ลุงว่าง ผมแค่อยากรู้คร่าว ๆ คงใช้เวลาไม่กี่วันหรอกครับ "
" ไม่ต้องหรอก ข้าล้อเล่น ใคร ๆ ก็ต้องทำงานช่วงนั้น เอาอย่างนี้ ข้าจะมาเวลาที่เจ้าทำอาหาร ยังไงเจ้าก็ต้องการคนจุดไฟใช่ไหมละ จริง ๆ ข้าอยากให้หินเหล็กไฟเจ้าไว้ละนะ แต่ข้ามาจุดให้พวกเจ้าจะสบายกว่าแถมยังสบายใจข้าด้วย "
ข้อเสนอนี้น่าสนใจ " อย่างนั้นก็ดีครับ ลุงจะได้เอาส่วนของพวกลุงกลับไปด้วย ว่าแต่ ทหารมีทั้งหมดกี่คนครับ " เขาถาม
" 7 คนรวมข้าด้วย ได้แค่ไหนแค่นั้นก็พอ ไม่ต้องพยามหามามากขนาดนั้น ส่วนขนมปังก็ไม่ต้องล่ะ พวกข้ามีอยู่แล้ว " จะมาแย่งเด็กกำพร้าได้ไง พวกเลว ๆ อาจจะทำ แต่ต้องไม่ใช่เขาและหน่วยของเขา
"ตกลงครับ แต่ผมขอหินเหล็กไฟด้วยได้ไหมครับ " เด็กหนุ่มต่อรอง
" ตกลง ไม่มีปัญหา พรุ่งนี้ข้าจะเอามาให้แล้วสอนวิธีใช้ด้วย มีอะไรอีกไหม ไม่มีข้าจะกลับล่ะ พวกเจ้าจะได้พักผ่อน " แบรดถาม
" ไม่มีแล้วครับ ขอบคุณครับลุง" ได้ยินเด็กชายพูดแบบนั้น แบรดจึงพยักหน้าแล้วเดินจากไป
หลังจากแบรดจากไป เด็กหนุ่มจึงหันมาบอกเด็กกำพร้า
" ทุกคน ฟังทางนี้หน่อย " แนชเรียกเด็กกำพร้าทุกคน เขาต้องวางรากฐาน สร้างเครือข่ายการทำงานจากเด็กกำพร้าพวกนี้ เริ่มจากหาอาหารนี่แหละคุณภาพชีวิตจะต้องดีขึ้น ไม่มากก็น้อย อย่างน้อยก็ไม่ต้องพะวงเรื่องปากท้อง จากนั้นค่อย ๆ ขยับขยาย
" พรุ่งนี้ฉันจะสอนพวกนายทุกคนหาอาหาร แต่พวกเราจะแบ่งกันไปนะ ชั้นจะให้พวกผู้ชายเข้าเมือง หาขนมปังมา ส่วนผู้หญิงเดี๋ยวชั้นจะเป็นคนสอนหาสิ่งที่เรากินกัน แล้วหลังจากนั้น เราจะมาแบ่งกันกินในตอนเย็น พวกนายจะพอเชื่อใจและทำตามฉันได้ไหม " เขาถามเด็กทุกคน
ไทนี่ตอบคนแรก " ข้าเชื่อเจ้า "
" ข้าก็เชื่อเจ้านะ " เหมยลี่พยักหน้า
เด็กที่เหลือก็พยักหน้า วันนี้พวกเขาได้กินอิ่มเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ บางคนตั้งแต่จำความได้ด้วยซ้ำ พวกเขาอยากลองฝากความหวังไว้กับแนช เพราะปกติชีวิตก็ต้องดิ้นรนอยู่แล้ว มีความหวังแม้จะเล็กน้อย ก็ดีกว่าอยู่เฉย ๆ
" เป็นอันตกลงนะ ขอบคุณนะทุกคน " เขาบอก " อย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าหลังจากรับขนมปังแล้ว พอกินเสร็จพวกเด็กผู้ชายก็เข้าไปในเมืองนะ ส่วนเด็กผู้หญิงตามชั้นไปลำธาร ฉันจะสอนการหาไอพวกนี้ที่เรากินกัน พรุ่งนี้เราก็จะมีอาหารกินอีกในตอนเย็น วันนี้เราก็นอนกันเถอะ เดี๋ยวจะนอนไม่พอกัน " ที่ต้องให้เด็กผู้ชายเข้าเมืองเพราะว่าส่วนใหญ่งานที่ให้เด็กกำพร้าทำต้องใช้แรงเข้าแลกทั้งนั้น พูดจบเขาก็เดินไปที่ ๆเขาใช้นอน
" พรุ่งนี้พอสอนหากุ้งกับหอยแล้ว จะลองเดินลงไปตามแม่น้ำ ลองทำหลุมดักปลาดีไหมนะ หรือเข้าป่าดีนะ เผื่อมีอะไรที่เรารู้จัก ยะฮู้ ตื่นเต้นจัง ไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี นอนไม่หลับเลย " เด็กชายคิด แต่ไม่ทันไรก็หลับไปเสียแล้ว
ราตรีนี้ เด็กทุกคน ณ สถานที่นี้ ต่างนอนหลับกันอย่างมีความสุข ไม่ต้องทนหิว ไม่ต้องฟังเสียงท้องตัวเองร้องประท้วง ไม่ต้องหนักใจ มีความหวังว่าพรุ่งนี้จะมีอาหารกิน พอสบายใจประกอบกับหนังท้องตึง หนังตาจึงหย่อน
พลันจึงทำให้โถงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เข้าสู่ความเงียบสงบ