ตอนที่ 13 เผ่าพันธุ์ อาณาจักรต่างๆ และเวทมนต์ !!

1961 Words
" ประเท..เอ้ย เมืองหรืออาณาจักรละครับ " เด็กชายถามต่อ " อืม งั้นเริ่มจากเผ่าพันธุ์ก่อน นอกจากพวกเราแล้ว ยังมีเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาสูงอื่น ๆ อีก เจ้าคงยังไม่เคยเห็น เช่น เอลฟ์ เผ่าพันธุ์เอลฟ์ นอกจากเอลฟ์ปกติก็มีอีกหลายเผ่า เช่น ดาร์คเอลฟ์ ไนทเอลฟ์ เผ่าพันธ์นี้ขึ้นชื่อเรื่องรูปลักษณ์สวยงามความว่องไงและเวทมนตร์ ไม่กินเนื้อสัตว์ปกติ แต่กินเนื้อมอนสเตอร์ เพราะพวกเขาผูกพันธุ์กับธรรมชาติบนโลก และอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ จึงไม่ค่อยถูกกับเผ่าพันธุ์คนแคระซึ่งชอบขุด ๆ ๆ เป็นเผ่าที่ตัวเตี้ย ๆ สูงไม่เกิน 5 ฟุต ( 150 Cm. ) แต่มีรูปร่างกำยำแข็งแรงมาก มือเท้าใหญ่ มีความรู้ความสามารถ เกี่ยวกับเหล็กหรือแร่ต่าง ๆ ที่เชี่ยวชาญอย่างมาก ฝีมือถลุงเหล็กพวกเค้านี่ ถ้าได้สัมผัสจะรู้ได้ถึงความห่างชั้นเลย แต่นิสัยเอาแต่ใจและขี้เหล้ามาก ๆ เผ่าต่อไป โอเกอร์ คล้ายมนุษย์แต่ตัวใหญ่โต สูงโดนประมาณเฉลี่ย 7 ฟุต ( 210 Cm. ) มีเขี้ยวยื่นออกมานอกปาก 2 เขี้ยวจากฟันล่าง เป็นเผ่าพันธุ์นักสู้ของจริง ถ้ามีข้อพิพาทด้วยละก็เป็นนรกบนดินของจริง แต่ไม่ได้ก้าวร้าวขนาดนั้นหรอก แค่แข็งแรงและสู้รบเก่ง ที่เหลือก็มังกรโบราณ สัตว์อสูรในตำนาน สัตว์เทพหรือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มหลังนี้ ไม่มีอาณาจักรแต่มีอาณาเขตเป็นดันเจี้ยน ทั้งหมดที่พูดมาเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงที่สามารถสื่อสารได้ จริง ๆ มีอีกหลายเผ่าพันธุ์แต่จะรวมในพวกมอนสเตอร์ทั้งหมด " แบรดอธิบายต่อ พร้อมสั่งให้สมิธ เอาแผนที่มากาง ทำจากหนังอะไรซักอย่าง " มนุษย์มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุด ตั้งแต่สุดตะวันออก จนเกือบสุดตะวันตกแล้วก็เหนือจรดใต้สุด เขตตะวันตก เป็นที่ของเอลฟ์อาศัยอยู่ในป่าใหญ่ตะวันตก ทิศเหนือติดอาณาจักรคนแคระ ทิศตะวันออกติดกับอาณาเขตของโอเกอร์และมนุษย์ ทิศใต้และตะวันตกติดทะเล ภูมิประเทศเป็นป่าทั้งหมด โอเกอร์ ทิศตะวันตกอยู่ติดกับอาณาเขตเอลฟ์และทิศตะวันออก กับ ทิศใต้ติดอาณาเขตมนุษย์ ด้านเหนือติดอาณาเขตคนแคระ และทะเลมีอาณาเขตเล็กสุด ส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้า ทะเลทรายและหุบเขา ส่วนคนแคระ อยู่ทิศเหนือสุด ภูมิประเทศก็มีแต่หุบเขาภูเขาไฟและน้ำแข็ง โดนแบ่งเป็น 2 เขตโดยทะเล ทำให้เขตบนเป็นน้ำแข็งทิศใต้ติดอาณาเขตเอลฟ์และโอเกอร์ และ เขตล่างเป็นเขตภูเขาไฟ ทิศตะวันออกและใต้ติดกับอาณาเขตมนุษย์ ตะวันตกติดกับทะเล เหนือติดทะเล พอตามทันไหม " เขาถาม " ทันครับ " แนชตอบ " อาณาเขตมนุษย์ ก็มีหลายอาณาจักร แบ่งเป็น เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก อาณาจักรเราอยู่ทางตะวันตกนี้ ติดกับเขตป่าเอลฟ์ ที่ป่าหมู่บ้านนี้ไกลสุดลูกหูลูกตาเพราะ ติดอาณาเขตเอลฟ์ละนะ ถัดไปก็มีอีก 2 อาณาจักรใหญ่ และตะวันออกก็มี 4 อาณาจักรใหญ่ เหนือมี 1 อาณาจักรใหญ่ ใต้มี 1 อาณาจักรใหญ่" แบรดอธิบายต่อไป " ในแต่ละอาณาจักร จะมีชนเผ่าแยกย่อยออกไปอีก ส่วนใหญ่ก็มีสงครามจากเผ่าย่อยนี่แหละ ไม่มีสงครามระหว่างอาณาจักรมายาวนานมากแล้ว อาณาจักรเรามีชื่อว่า พรอสเพรุม ถัดจากเรา 2 อาณาจักร คือ เมนอส ที่อยู่บน กับ เซนกิน อยู่ข้างล่าง อาณาจักรทางเหนือคือ วัลมันเด และทิศใต้คือ มัสดาฮี ตะวันออก เริ่มจาก ซามิดดา ที่ติดกับ เมนอส และ เซนกิน ถัดไปคืออาณาจักร ฟั่นหรง ถัดลงมา ชองนัน และท้ายสุดเป็นอาณาจักร ชินโชคุ เป็นเกาะใหญ่กลางทะเล ทางตะวันออก ในทุกอาณาจักรมนุษย์จะมี เมืองหลวง หัวเมืองใหญ่จะมี 4 หัวเมืองใหญ่ เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เมือง และหมู่บ้าน " " อืมมมม ชื่อคลับคล้ายคลับคลา " แนชคิด " คร่าว ๆ ก็ประมานนี้ มีอะไรสงสัยอีกไหม " แบรดถามเด็กชาย " มีอีกเยอะครับ แต่เกรงใจพวกลุง กลัวลุงหิว " แนชตอบ " ไม่เป็นไร ให้ 2 คนนั้นกินก่อน เจ้าสอนพวกเขากินหน่อย แล้วเรามาคุยกันต่อ " เขาบอกพลางให้เด็กชายสอนวิธีการกินอาหารที่เด็กชายนำมาให้กับสมิธและทหารอีกคน " เพราะเดี๋ยวต้องเปลี่ยนเวร ข้าค่อยกิน เดี๋ยวแบ่งไว้ นาน ๆ ได้คุยกับคนอื่นที่ไม่ใช่พวกลูกน้องก็ดีเหมือนกัน " " ทำแบบนี้นะครับ " เสียงแนชพูดพลางสอนวิธีแกะกุ้งกับหอย สมิธแกะทั้ง 2 อย่าง และแยกไว้ให้แบรด จากนั้นจึงลองชิมอาหารตรงหน้า " อื้มมม น่าสนใจ ๆ อร่อยและหอม ซู้ดดดด" เขาพูดขณะเคี้ยวกุ้งและซดซุปหอย " ผมสงสัยเรื่อง เวทมนตร์ครับ " เด็กหนุ่มหันกลับมาถามทันทีที่สอนการแกะและกินอาหารที่ตนนำมา " มันทำงานยังไงครับ " " ทุกคนสามารถใช้เวทมนตร์ได้อยู่แล้ว แต่จะสามารถใช้ได้ถึงขั้นไหนนี่อยู่ที่ความสามารถในการนำมานาจากบ่อมานาที่มีในร่างกาย มาใช้ได้มากแค่ไหน คนส่วนใหญ่ใช้เวทมนตร์ประจำวันได้นิด ๆ หน่อย ๆ อยู่แล้ว เวทย์ไฟ เวทย์ลม เวทย์น้ำ จะเห็นเป็นส่วนใหญ่ อยู่ที่เลือกเรียนไม่มีข้อจำกัด แต่ต้องเริ่มจากสัมผัสมานาจากบ่อมานาตรงท้องน้อยก่อน ปกติพ่อแม่จะทำให้ตอนลูกอายุประมาณ 8 ถึง 10 ขวบ เอ้าลุกซิ " แบรดสั่งเด็กชายให้ลุกขึ้น " ข้าจะทำให้เจ้าละกัน " พูดจบเขาก็เอามือมาทาบตรงท้องน้อยของแนช " ข้าจะลองส่งพลังเวทย์ไปนะ ให้เจ้าสัมผัสถึงความอุ่น แล้วจำความรู้สึกไว้ ให้ความรู้สึกนั้นเกิดในตัวเจ้าตรงท้องน้อย ข้าจะส่งไปเรื่อย ๆ จนเจ้ารู้สึกนะ " เขาส่งพลังเวทย์มาทันที เด็กหนุ่มรู้สึกถึงความอุ่นที่ผิวของเขา มันกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวเขา แบรดส่งมาอีกสองสามครั้ง " อ๊ะ " เด็กหนุ่มรู้สึกว่ามีความอุ่นแบบเดียวกันเกิดในตัวเขาตรงตำแหน่งเดียวกันที่แบรดวางมือของเขา มันกว้างมาก ๆ " รู้สึกแล้วหรอ ไวมากเลยนะเนี่ย " เขาเอามือออกจากท้องแนชแล้ว เอามาลูบที่คางเขาแทน น่าสนใจเกินไปแล้ว มันไวเกินไป แบรดคิดในใจ " มิน่าเด็กกำพร้าไม่มีคนใช้เวทย์ได้ ต้องมีคนคอยกระตุ้นให้เด็ก ๆ นี่เอง " แนชพูด " ถ้าผมใช้ได้ ผมสามารถทำให้เพื่อนได้ไหมครับ " เขาถามแบรด " ย่อมทำได้ แต่เจ้าต้องควบคุมมานาให้ได้ก่อนล่ะนะ ต้องฝึกกันเอาเป็นเอาตายเลย และที่สำคัญ อายุต้องระหว่าง 8 ถึง 10 ขวบจะเป็นช่วงที่รับรู้ได้ไว วิธีการเมื่อเจ้าสัมผัสมานาได้แล้ว จะต้องเรียนรู้เอง เพราะมานาจะเหมือนอวัยวะอีกอย่างของเจ้า " แบรดตอบ " เจ้าต้องทำให้มานาในตัวเจ้ามันเคลื่อนไปทั่วตัว ถึงจะเรียกว่าเชี่ยวชาญละนะ " [ เรียนรู้ความสามารถ ' รับรู้การมีอยู่ของบ่อมานา ' ] " เดี๋....ย...วววว " [ ผลของพรสวรรค์ทำงาน ' รับรู้การมีอยู่ของบ่อมานา ' พัฒนาเป็น ' แตกฉานในการใช้บ่อมานา ' ] " โอ้ยยยย!!! " เด็กชายล้มลง จับหัวของเขา แบรด และ ลูกน้องอีก 2 คนลุกทันที ทำหน้าตาเหวอ ปนตกใจกลัว " เจ้าเป็นอะไรไปเจ้าหนู " เขาพรวดพราดเข้ามาประคองเด็กชาย เด็กชายเงียบไปซักพัก เงยหน้าขึ้นแล้วบอกแบรด " ไม่เป็นไรครับลุง สงสัยเหนื่อยมากครับวันนี้วุ่นทั้งวัน แต่ไม่เป็นไรมาต่อกันเถอะครับ " ดันมาทำงานถูกเวลาซะด้วย ต้องแถไปแบบนี้แหละ " วันหน้าวันหลังยังมี ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืน " แบรดอดเป็นห่วงไม่ได้ " น้ำขึ้น ให้รีบตัก มีโอกาส ต้องรีบคว้าเอาไว้ครับ ข้าไม่อยากเสียเวลา " เขาตอบ " น้ำขึ้น.." แบรดสงสัยคำที่แนชพูด " แล้วถ้าจะทำให้มันไหลผ่านทั่วร่างต้องทำยังไงครับ " เขารีบพูดขัดเพื่อเปลี่ยนเรื่องที่แบรดกำลังคิดอยู่ " ง่าย ๆ ก็ต้องรู้สึกถึงมันแล้วบังคับให้มันเคลื่อนมาที่หัวใจ ผ่านต่อไปจนถึงสมอง จากสมองมายังมือ ข้างไหนก่อนก็ได้ แต่ปกติจะเริ่มจากข้างที่ถนัด แล้วไปข้างที่ไม่ถนัด แล้วไปขาทั้ง 2 ข้าง ข้างไหนก็ได้ แล้ววกกลับมาที่บ่อมานา ก็จะได้วงจรเวทมนตร์ในร่างกายแล้ว แต่นักเวทย์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเวียนมาที่ขาหรอก วนไปที่แขน 2 ข้างแล้วกลับที่บ่อมานาเลย เพราะบ่อมานาพวกเขาค่อนข้างใหญ่ เลยถ้าอยากใช้ความสามารถเกี่ยวกับการเสริมร่างกายก็จะใช้เวทย์จากมือส่งมาเสริมสมรรถภาพทางกายภาพเลย แต่พวกเรานักรบไม่ได้มีบ่อมานาใหญ่เท่านักเวทย์ เราใช้เวทย์เสริมจากในร่างกาย เลยต้องควบคุมมานาให้มันหมุนเวียนไปทั้งร่างกาย " แบรดบอก เด็กหนุ่มพยักหน้า พลางคิดในใจว่าอยากลองซะตอนนั้นเลย แต่กลัวหัวจะปวด ! " พอมีวงจรเวทมนตร์ ขั้นต่อไปคือ การสร้างและแสดงรูปร่าง เจ้าต้องใช้วงจรเวทย์เคลื่อนมานามาพร้อมจินตนาการคุณลักษณะว่าอยากให้เวทมนตร์อะไรออกมา คุณลักษณะเรียกง่าย ๆ ก็ธาตุล่ะ ดิน น้ำ ลม ไฟ สายฟ้า ศักดิ์สิทธิ์ คำสาป แสงสว่าง ความมืด ขั้นสูงหน่อยก็รวมธาตุพื้นฐานอย่าง ดินน้ำลมไฟ ด้วยกันได้ ตัวอย่างเช่น น้ำกับลม กลายเป็นน้ำแข็งอะไรแบบนี้ อยู่ที่จินตนาการด้วย การเสริมสมรรถภาพของนักรบก็ใช้แค่ขั้นนี้ ส่งออกมาจากในตัว เรียกว่า ออร่า นักประเมินก็ใช้ขั้นนี้ แต่การทำงานยังไงข้าไม่รู้หรอกนะ เมื่อสร้างเวทย์ได้แล้ว ก็สร้างรูปร่างให้ปรากฏออกมา ส่วนใหญ่ก็จากมือล่ะเพราะง่ายที่สุด แต่อยู่ที่ความเชี่ยวชาญ จะสร้างออกมากลางอากาศก็ได้ เมื่อถึงขั้นแสดงรูปแล้ว ก็ต้องคงรูปร่างไว้ เหมือนจุดไฟติดแล้วไม่สามารถคงรูปไว้ มันก็จะดับ การคงรูปร่าง ก็ใช้มานาเลี้ยงเวทมนตร์ที่เกิดจากจินตนาการของเราไว้ พอคงรูปร่างแบบนี้ก็ใช้ต่อสู้ได้แล้ว จะกลายเป็นพวกนักดาบเวทย์ ขั้นคงรูปร่างนี้สามารถเปลี่ยนแปลงเวทมนต์เป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้ แต่นักเวทย์ส่วนใหญ่จะเรียนขั้นต่อไปอยู่แล้วคือขั้นปลดปล่อย สมมุติว่า เรียกเวทย์ไฟออกมา แล้วเปลี่ยนเป็นรูปหอก ก็จะใช้ได้เหมือนหอกมือปกติ แต่ไม่สามารถเขวี้ยงได้ ขั้นปลดปล่อยก็คือทำให้สามารถขว้างออกไปได้ นั่นทำให้นักเวทย์ที่มีบ่อมานาใหญ่ ๆ ได้เปรียบ เพราะทุกขั้นตอนต้องใช้มานาทุกขั้นตอน ขั้นปลดปล่อยนี่คร่าว ๆ ก็ ใช้วงจรเวทย์ ดันเวทมนต์ที่คงรูปร่างออกไป ข้าก็ไม่รู้มากหรอกเพราะข้าก็เป็นแค่ทหารละนะ เอาละนี่ก็เป็นความรู้คร่าว ๆ ของเวทมนตร์นะ " แบรดจบบทสนทนาเกี่ยวกับเวทมนตร์ คิดว่าเด็กน้อยคงไม่สงสัยอะไรแล้ว " สัมผัสมานา สร้างวงจรเวทย์ สร้างเวทย์ แสดงเวทย์ คงรูปร่าง ปลดปล่อย ใช่ไหมครับ " แนชถาม " ใช่ แต่ละขั้นตอนก็ต้องใช้มานาเพิ่มขึ้น " แบรดตอบ " อื้มมมมมม พอเข้าใจแล้วครับ เอ่อแล้วดันเจี้ยน กับ มอนสเตอร์ละครับ " .....
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD