ตอนที่ 11 กุ้งเผา !!

2256 Words
สมิธ มองเด็กหนุ่มพลางขบคิด เด็กคนนี้ยิ่งรู้จักยิ่งน่าสนใจจริง ไม่แปลกที่หัวหน้าสั่งไว้ว่าให้คอยจับตาดู มีอะไรน่าสนใจก็กลับไปรายงานเขา จะใช้คำว่ารายงานก็ดูทางการไป แค่เล่าให้ฟังนั่นแหละนะ " พี่สมิธครับ เรารีบไปขุดหลุมดักปลากันเถอะ " แนชพูดเมื่อเดินมาถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พลางชวนทหารหนุ่มเดินไปทางหลังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วลงมือขุดกันตามแบบที่ทำเหมือนเมื่อกี้ " เจ้ามั่นใจหรือว่าปลามันจะเข้ามาในหลุมนี้ " สมิธถามในขณะที่มองเด็กน้อยเอาหญ้าน้ำและผักน้ำคลุมหลุม ตอนแรกเด็กชายอยากเอาถังใส่เข้าไปในหลุมเลย เพื่อใช้เป็นพื้นหลุม แต่คิดไปคิดมา เผื่อเอาไปทำอะไรอย่างอื่นดีกว่า " ไม่มั่นใจครับ แค่อยากลอง ผมเคยได้ยินชาวประมงเค้าพูดกันว่าเวลาน้ำลด ปลาจะชอบหาที่อยู่ใหม่ตามสัญชาตญาณนะครับ ทั้ง ๆ ที่น้ำก็ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ แต่ถ้าได้กลิ่นน้ำหรือกลิ่นดินใหม่ มันจะตามมานะครับ ผมเลยลองเอาคำที่พวกเขาคุยกันมาคิดหาวิธีหาปลาครับ มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ " ก็อปเขาแต่บอกเราทำ " ข้าขออวยพรให้มันได้ผลละกัน " สมิธบอกอย่างจริงใจ ในขณะเดียวกันกับที่เด็กชายทำหน้าตาประหลาด " เจ้าเป็นอะไร " " ไม่มีอะไรครับ ผมขอตัวนะพี่สมิธ ข้าศึกบุกแล้ว " เด็กชายฉวยเสียมและกระโดดลงน้ำ เพื่อไปฝั่งตรงข้ามไปยังชายป่า เพื่อหาที่เหมาะ ๆ สมิธขมวดคิ้ว หน่วยข่าวกรองกับหน่วยลาดตระเวนก็ไม่เห็นส่งข่าวอะไรมา ข้าศึกแอบมาจากไหน เขาคงต้องรีบไปพูดคุยกับหัวหน้าแล้ว คิดเสร็จเขาก็เดินกลับไปกองรักษาการณ์ เด็กชายวิ่งไปหาที่เหมาะใต้ต้นไม้ใหญ่ พลางขุดไปคิดไปว่า ระบบขับถ่ายที่นี่เป็นยังไงนะ ในความทรงจำก็มีแต่ห้องน้ำท่ามกลางธรรมชาติแบบตอนนี้ เอาหญ้าเอาใบไม้แถวนั้นเช็ด มินิมอลจัด เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพสุด ๆ ส่วนหน้าหนาวก็ใส่ถังแล้วเอาไปเทในที่ ๆ เค้าจัดไว้ให้ ตรงทางออกหลังหมู่บ้านที่ห่างไกลที่อยู่ เพื่อเอามาใช้ทำปุ๋ย แต่แปลกไม่ยักมีกลิ่นเหม็น น่าประหลาด เสื้อผ้าพวกเขาบางวันยังเหม็นกว่า คงต้องถามลุงแบรดซะแล้ว เมื่อเสร็จกิจ ด้วยความเป็นคนที่มาจากที่ ๆ ต้องใช้น้ำทำความสะอาดก้น เขาก็เกรงใจจะกระโดดลงน้ำแหละนะ แต่มันทำไม่ได้ จึงตัดสินใจกระโดลงไปในน้ำ ตู้มมม!!! ขยี้ ๆ บี้ ถู พอเสร็จกิจจึงขึ้นมาจากน้ำตรงหลังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า " คงต้องรองน้ำฝนเพื่อใช้กินแล้วละ ถ้าไม่งั้นต้องเดินไปต้นน้ำกว่านี้หน่อยเพื่อตักน้ำมาต้ม " คิดได้เมื่อผ่านเหตุการณ์เมื่อกี้มา พร้อมกับหยิบถังน้ำที่ล้างเรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปในบ้านของเขา กลุ่มเด็กผู้ชายที่เข้าไปในเมืองยังไม่กลับมา แนชจึงชวนกลุ่มเด็กสาวไปหากิ่งไม้แห้ง แต่หันไปบอกเหมยลี่ว่าให้เธอไปเอาหัวกุ้งที่ตากไว้เอามาตำ แล้วโรยใส่ดินรอบ ๆ บ้าน เตรียมไว้ก่อนเพื่ออนาคต " ไว้ใจข้าได้เลย " เหมยลี่ตอบ เขาและเด็กสาวอีก 5 คนเดินมาจนถึงสะพานข้ามฝั่งที่หากุ้งกับหอยเมื่อเช้า เขาจึงคิดว่า น่าจะขุดอีกหลุมแถวนี้นะ เขาจึงบอกพวกเด็กสาวว่าให้เก็บฟืนกับกิ่งไม้กันไปก่อน เมื่อบอกกล่าวแล้วจึงรีบวิ่งกลับไปเอาเสียมกับถัง และวิ่งไปที่แปลงนาที่ไปขอดิน เขาเอามาไม่เยอะรอบนี้ เมื่อกลับมาถึงก็ข้ามสะพานและหาที่ขุดหลุมดักปลา พอขุดเสร็จก็หาผักหาหญ้าแถวนั้น มีกอหญ้ากอใหญ่อยู่แถว ๆ นั้น เขาจึงเดินไปเพื่อจะดึงมัน " อ๊ะ ใบคมชะมัด " มือโดนบาดนิดหน่อย จึงเอาเสียมตัด อืมมม คุ้น ๆ นะต้นนี้ กลิ่นนี้ คงไม่ใช่มั้ง พลันจึงรีบเอาเสียมขุดขึ้นมาทั้งต้นน นี่มัน ๆ ตะไคร้!!!! โว้วว เขารีบขุดเอาขุดเอา ต้องเอากลับบ้านเยอะ ๆ เอาไปปลูกที่บ้านด้วย ขุดได้ตั้งเยอะ ยังยุบไปหน่อยเดียวเอง เยอะจัด เมื่อได้มาพอสมควรแล้ว เขาจึงเอาใบมันรวมกับผักกับหญ้าอื่น ๆ วางบนหลุมดักปลาของเขา แล้วโปรยดินลงน้ำแถว ๆ ปากทางเข้าหลุมดักปลา เสร็จแล้วจึงถามกลุ่มเด็กหญิงว่าได้เยอะหรือยัง เมื่อได้คำตอบจึงพากันเดินกลับบ้านของพวกเขา เมื่อมาถึง เขาเห็นแบรดรออยู่กับเหมยลี่ จึงเดินเข้าไปถามถึงสาเหตุการมาเยี่ยมเยียน " ลุงแบรดทำไมมาเร็วจัง มีอะไรเหรอครับ " " เจ้าสมิธนะซิ " เขาเริ่ม " เจ้านั่นมันบอกว่า เจ้าบอกว่ามีข้าศึกมาบุก ทั้งที่หน่วยข่าวก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ข้าเลยมาถามเจ้านะซิ " " หืมข้าไปบอกตอนไหน " เขาร้องสงสัย พลันนึกออกว่าเขาพูดอะไรตอนวิ่งไปหาที่ปลดทุกข์ " อ๋ออออ ผมไม่ได้รู้อะไรมาหรอกครับ ตอนนั้นปวดท้องเลยบอกพี่สมิธว่า ข้าศึกบุกเฉย ๆ แค่นั้นแหละครับ " เขาตอบ " ปวดท้อง ทำไมไม่บอกว่าปวดท้องเล่า " แบรดบ่นออกมาทั้งหงุดหงิดทั้งสงสัย " คำเปรียบเปรยนะครับลุง เหมือนว่าพอข้าศึกเข้าบุกประชิดแล้ว เราจะรอต่อไม่ได้แล้วอะไรแบบนี้ " เด็กชายตอบออกไป " เฮ้อ " เขาถอนหายใจ " ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว ข้ากลับไปทำงานก่อนนะ " เขาขอตัวพร้อมเดินจากไป " อย่าลืมสัญญาของเรานะครับ " แนชร้องตะโกนบอก มองแบรดเดินจากไปแล้วจึงหันหลังกลับเข้าบ้าน ไปค้นหม้อตรงที่เครื่องครัว หม้อเก่าเยอะมาก เพราะมันมีทั้งที่รั่ว แตก บางอันพอใช้ได้ บางอันก็ไม่ได้เลย เขาเลือกมาอันนึง ที่แตกตรงปากหม้อ " เรามาแยกหอยกับกุ้งกันเถอะทุกคน เอากุ้งมาไว้หม้อนี้ เดี๋ยวข้าไปตักน้ำมาให้ แล้วใส่หม้อหอยซักหน่อยนะ " พูดแล้วก็เดินเอาถังไม้ไปตักน้ำ สักพักเดินเข้ามา วางถังน้ำลง แล้วหยิบตะไคร้ มาตัดรากออกจากเหง้า แล้วตัดใบออกห่างจากโคนประมาณ 1 คืบ แล้วแกะเปลือกออกประมาณ 3 ชั้น ทำแบบนี้จนหมด ที่แบ่งไว้ก็เหลืออีก 2 3 หัว ไว้ต้มกับหอยและกุ้ง มองไปที่กุ้ง มันที่หัวเยอะแยะเลย กุ้งเผา!!! กุ้งเผาต้องเข้าแล้ว เอาตะไคร้ไปปักริมน้ำก่อน แล้วหาไม้สดมาหนีบกุ้งดีกว่า คิดจบก็เดินไปปักต้นตะไคร้ริมน้ำหลังบ้าน แล้วรดน้ำให้ชุ่ม จากนั้นเดินไปหาไม้สดและเถาวัลย์มาพอประมาณ จึงเดินกลับ เวลานั้นกลุ่มเด็กชายที่เข้าเมืองกลับมาแล้ว พร้อมกับถือขนมปังบางคนก็ 2 บางคนก็ 3 ก้อน ไม่ต้องแย่งกันหางาน ทำไห้ได้กลับมาทุกคน เพราะในเมืองตามร้านใหญ่หน่อยก็มีทาส หรือคนงานอยู่แล้ว ที่บางร้านจ้างเพราะสงสาร " กลับมากันแล้วหรอ " " อื้อ " ไทนี่ตอบ พร้อมเอาตะกร้าวางลง ทุกคนจึงเอาขนมปังมาวางในนั้น ได้ทั้งหมด 13 ก้อน " เรากินคนละก้อนนะมื้อเย็น ที่เหลือเก็บไว้ ตอนเช้าก็กินของที่เหลือเมื่อคืนก่อนนะรวมกับของที่ได้รับมาใหม่ เอาของตอนเช้าที่เหลือเก็บ แล้วของที่เอามาจากเมืองเราก็เอาของจากตอนเช้า กินในตอนเย็นรวมกับที่หามาจากในเมือง แล้วที่เหลือก็เก็บ ทำอย่างนี้วนกันไปทุกวันนะ เจ้าเป็นคนแจกแจงขนมปังนะ ไทนี่ " แนชมอบหมายงานแก่เพื่อนของเขา " ได้ เจ้าวางใจข้าได้เลย " ไทนี่ภูมิใจที่ได้รับมอบหมายงาน พูดจบเขาก็เดินไปดูหม้อหอย " ทุกคนเอาหอยใส่ถังไม้หน่อย " ทุกคนก็มาช่วยกันแป๊ปเดียวจึงสำเร็จ จากนั้นแนชจึงเอาหม้อออกไปเทน้ำในหม้อทิ้งไป แล้วเทหอยกลับเข้าหม้อ พลางสั่งเพื่อนให้ไปตักน้ำต้มในหม้อที่ต้มเมื่อคืนมาใส่หม้อหอย จากนั้นจึงเอาตะไคร้มาทุบด้วยหิน ใส่ไปในหม้อ " ทุกคน มาตรงนี้มาช่วยฉันหน่อย เราจะเอากุ้งวางบนไม้แบบนี้นะ จะกี่ตัวก็แล้วแต่ กะเอาพอประมาณ แต่ให้อยู่บริเวณกลาง ๆ นะ ปลายไม้ทั้งสองด้านเราจะใช้จับ เพราะเราจะย่างมัน เอาไม้อีกอันทับข้างบน เอาเถาวัลย์มัด บน ล่าง ให้ไม้มันหนีบเข้าหากุ้ง แบบนี้นะ พอเสร็จจะได้แบบนี้ " เขายื่นให้คนอื่นดูที่เขาทำเสร็จ " ช่วยกันทำนะ จะได้ทำเป็น มัดแน่น ๆ ละ " พูดจบเค้าก็ดูเพื่อน ๆ ทำ พลางสอนไปด้วย แบรดเดินเข้ามาพอดี เด็กหนุ่มเห็นจึงบอกให้แบรดจุดไฟ และวานให้ยกหม้อหอยขึ้นเตาพร้อมบอกให้เขาไปเอาถาด กับถ้วยมาเพราะที่นี่ไม่มี อาหารน่าจะเสร็จอีก 1 ชม. พอแบรดวางหม้อบนไฟเสร็จ เขาก็ออกไป เขาบอกไปว่าเดี๋ยวเอาถาดกับถ้วยมาให้ก่อน แล้วจะกลับไปเคลียร์งานก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยมา " ถ้างั้นเดี๋ยวผมเอาไปให้เองดีกว่า หลังพวกผมกินเสร็จ " เขาบอกแบรด " ตามนั้นก็ได้ " แบรดตอบ แล้วเดินจากไป ไม่นานนักสมิธก็เอาถาดไม้ 1 อันกับถ้วยไม้ 2 ใบ กระบวยไม้ 1 อันแล้วช้อนส้อมไม้อีก 2 คู่ สมิธบอกว่าแบรดให้เอา ถ้วย 1 ใบ กระบวย 1 อันกับช้อนส้อม 2 คู่ให้เด็กชาย พูดจบเค้าก็กลับไป เด็กชายเดินถือถาดและถ้วยมาวางแถว ๆ เตาผิง แล้วบอกเพื่อน ๆ " พวกเจ้าทุกคน ถือไม้ที่หนีบกุ้งมาถืออังไฟ คอยพลิกฝั่งดูเรื่อย ๆ ทำแบบนี้ พอเปลือกไหม้นิดหน่อย ค่อยเปลี่ยนไปย่างอีกฝั่งนะ อย่าให้ไหม้นะ จะอดกินของอร่อยกัน เอาละช่วยกันย่างได้ " เขาพูดจบก็ปล่อยให้เพื่อนทำ สถาปนาตนเป็นหัวหน้างาน " การศึกษาเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด ที่เราจะนำมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงโลก " คำคมของเนลสัน แมนเดลา ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ไม่ซิ แม้กระทั้งต่างโลกก็ใช้ได้จริง ๆ สักพักเขาเดินมาที่หม้อต้มหอย เปิดฝา เห็นน้ำเริ่มพอดีกับหอยแล้ว จึงใสผักบุ้งลงไป " คงไม่เหม็นนะ อุส่ามีตะไคร้ " เด็กชายคิด คนย่าง ก็ย่างกันไป โดยมีเขาคอยกำกับ มีไหม้บ้าง แต่ไม่เสียหาย เปิดหม้อดูน้ำอีกรอบ ลดลงน้อยกว่าหอยแล้วจึงเรียกไทนี่มาช่วยเขาเอาลง การเอาลงก็เอาไม้คานใหญ่สอดเข้าที่หูหม้อแล้วยกจากตะขอเกี่ยวที่แขวนลงมาบนเตาผิง เขาให้ทุกคนถอยจากตรงนั้น แล้วค่อยยก กันอุบัติเหตุ วางหม้อลงพักไว้ แกะกุ้งออกจากไม้วางบนถาด เปิดหม้อตักผักแยกวางบนถาด และตักซุปหอย ซุบหอยจริง ๆ ใส่ชามทั้ง 2 ใบ ตักตะไคร้ทิ้งไป แบ่งกุ้งกับผักบุ้งส่วนหนึ่งไว้ที่ถาดของฝั่งทหารรักษาการณ์แยกไว้ แล้วพวกเขาก็แบ่งขนมปังกันคนละก้อน ช้อน 2 คันในถ้วย ส่วนน้ำที่ต้มดื่มไว้ยังมีอยู่ " เอาล่ะทุกคน วันนี้คือกุ้งเผา กับซุปหอย และผักบุ้งต้มนะ กุ้งก็แกะเหมือนเดิมนะ แต่วิธีทำนี้ จะมีกลิ่นหอมกว่า แต่เนื้ออาจจะแห้งกว่า หอยก็ตักออกมาจากถ้วย แกะเอาเนื้อข้างในเหมือนเดิม ส่วนน้ำซุปก็ซดเอาหรือขนมปังจุ่มลงไปก็ได้ เอออ หัวกุ้งมีมันแบบนี้นะ กินได้ " เขาพูดพลางทำให้ดู " แต่ไม่ชอบบิออกมาแล้ววางไว้ก็ได้ ข้ากินเอง เอาละ กินได้ " สิ้นเสียงแนช เด็กทุกคนก็แกะ กุ้งแหะหอยยัดเข้าปาก ภายในโถงนอนมีแต่เสียงความสุข อิ่มเอมของเด็กกำพร้า ทั้ง 10 คน " อร่อยย " " อื้อ อื้อ " " แจ๊บ แจ๊บ " แม้จะมีคนร้อง แต่ก็เพราะความยินดี แต่อีก 1 คนนั้นในใจอยากจะร้องให้จริง ๆ ออกมาอยู่แล้ว พลางบ่นในใจ อยากได้เครื่องปรุง ไหนน้ำปลา ไหนมะนาว ไหนพริก ไหนกระเทียม " อยากได้น้ำจิ้มซีฟู๊ดโว้ยยย " เขาร้องในใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD