“ที่แสนไม่ได้บอก เพราะแสนไม่อยากรบกวนเนตร แสนรู้ว่าเนตรมีงานรัดตัว หากจะให้เนตรเดินทางมากับแสนด้วยคงเป็นการรบกวนเกินไป”
แสนขวัญแก้ต่างให้กับตัวเอง จะให้เนตรทรายซึ่งเป็นนักธุรกิจสาวไฟแรง มีงานกองอยู่เต็มโต๊ะ ทิ้งงานเพื่อมาตะลอนๆ ไปทั่วประเทศจอร์เจีย เพื่อค้นหาผู้ชายเพียงคนเดียวกับเธอ คงเป็นไปไม่ได้ หญิงสาวไม่กล้ารบกวนเนตรทรายถึงเพียงนั้น
แต่...เนตรทรายกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น “จะมีงานรัดตัวแค่ไหน เนตรก็มาเป็นเพื่อนแสนได้ งานไม่สำคัญเท่ากับแสน คนที่เป็นเพื่อนรัก เพื่อนตายของเนตรหรอก”
ได้ยินเช่นนั้นแสนขวัญถึงกับหน้าสลด รู้สึกผิดอยู่มากจนต้องออกปากเอ่ยขอโทษเพื่อน “แสนขอโทษด้วยนะเนตร ว่าแต่เนตรรู้ได้ยังไงว่าแสนมาประเทศจอร์เจีย”
เนตรทรายมีสีหน้าดีขึ้นหลังจากได้ยินคำขอโทษที่หลุดออกมาจากปากของแสนขวัญ ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามของอีกฝ่าย
“เนตรโทรไปหาข้าว...ข้าวบอกว่าเพิ่งกลับจากสนามบิน ไปส่งแสนขึ้นเครื่องมาประเทศจอร์เจีย ข้าวเป็นห่วงแสนมาก ก็เลยขอร้องให้เนตรมาจอร์เจียด้วย”
“โธ่...ยายข้าวนะยายข้าว ไม่น่าไปรบกวนเนตรเลย”
แสนขวัญอดตำหนิน้องสาวไม่ได้ ซึ่งเธอเองก็ผิด ที่ดันลืมกำชับน้องสาวไม่ให้บอกเรื่องนี้กับเนตรทราย
แต่เนตรทรายก็รีบปกป้องขวัญข้าวในทันที “อย่าไปต่อว่าน้องเลย ข้าวเป็นห่วงแสนมาก ในตอนแรกข้าวก็ค้านไม่ให้เราตามมา แต่เราดื้อตามมาเอง เพราะเราเป็นห่วงแสน เรารีบซื้อตั๋วเครื่องบิน เลือกเที่ยวบินที่จะมาถึงประเทศจอร์เจียให้ใกล้กับเที่ยวบินของแสนให้ได้มากที่สุด เพราะเรากลัวคลาดกันกับแสนแล้วตามหาแสนไม่เจอ ดีนะที่เที่ยวบินของแสนดีเลย์ไปหนึ่งชั่วโมง เนตรก็เลยบินมาถึงในเวลาใกล้ๆ กับแสน”
แสนขวัญตื้นตันใจคว้ามือเล็กของเนตรทรายมากุมไว้ ไม่นึกว่าเพื่อนคนนี้จะเป็นห่วงเธอมากกระทั่งยอมทิ้งงาน เพื่อตามมาดูแลเธอถึงประเทศจอร์เจีย
“ขอบใจเนตรมากเลยนะ ที่ยอมเสียเวลาและทำเพื่อเรามากถึงเพียงนี้ เนตรเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเหมือนข้าวพูดไว้ไม่มีผิด”
คราวนี้เนตรทรายแย้มยิ้มออกมาได้กับคำชม ก่อนจะสัพยอกกลับคืนบ้าง
“โธ่...เล่นชมซึ่งๆ หน้าแบบนี้ เนตรก็ตัวลอยสิ”
“ก็เนตรเป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ นี่” แสนขวัญเอ่ยชมไม่มีหยุดปาก
“พอแล้วๆ เลิกชมได้แล้ว ก่อนเนตรจะตัวลอยไปมากกว่านี้” เนตรทรายร้องห้าม พลางเอ่ยถามเพื่อให้คลายความสงสัยของตนเอง
“ว่าแต่แสนเถอะ นึกยังไงถึงได้มาประเทศจอร์เจีย”
แทนที่จะตอบคำถามของเพื่อน แสนขวัญหยิบกล้องถ่ายรูปมายื่นให้เนตรทรายดู พร้อมกับเอ่ยบอกถึงสาเหตุของการตัดสินใจออกเดินทางไกลข้ามทวีปในครั้งนี้
“เนตรดูรูปนี้สิ เราถ่ายรูปกับผู้ชายคนนี้ด้วยท่าทีเอ่อ...สนิทสนม เราคิดว่าผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นคนพิเศษหรือเป็นคนรักของเราก็ได้”
เนตรทรายรับกล้องถ่ายรูปมาดูภาพดั่งกล่าวแล้วเป็นฝ่ายเอ่ยถามกลับคืนบ้าง
“แสนก็เลยมาประเทศจอร์เจียเพื่อตามหาผู้ชายคนนี้ ทั้งๆ ไม่รู้ว่าเขาคือใคร ชื่ออะไร อยู่เมืองไหนของประเทศจอร์เจีย และที่สำคัญเราไม่เห็นแม้กระทั่งใบหน้าของเขา เหมือนกำลังงมเข็มในมหาสมุทรเลยนะแสน”
“เรารู้” แสนขวัญรับคำเสียงแผ่วเบา สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “ความหวังของเรามีเท่ากับศูนย์ ซึ่งเราไม่รู้ว่าจะตามหาผู้ชายคนนี้พบไหม แต่เราก็จะใช้ความพยายามให้ถึงที่สุด ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเป็นคนช่วยให้ความทรงจำเก่าๆ ของเรากลับคืนมาก็ได้”
“เฮ้อ...ต้องใช้เวลากี่วัน กี่สัปดาห์ หรือกี่เดือนถึงจะตามหาเขาพบ”
เนตรทรายอดบ่นออกมาไม่ได้ พอเห็นแสนขวัญทำตาแดงๆ เหมือนกำลังจะร้องไห้ ก็รีบเอ่ยขอโทษในทันที
“เนตรขอโทษ เนตรไม่ได้ตั้งใจพูดให้แสนเสียกำลังใจ”
แสนขวัญกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตาให้ไหลย้อนกลับ กระนั้นน้ำเสียงที่เอ่ยตอบออกมายังคงติดสั่นเครืออยู่บ้าง
“แม้ต้องใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี เราก็จะตามหาเขาให้พบ เพราะเขาเป็นความหวังเดียวของเรา...เราอยากหลุดพ้นจากฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเราในทุกค่ำคืน เราอยากกลับไปมีชีวิตเหมือนเดิม เนตรต้องช่วยเราตามหาเขานะ เราขอร้อง...”
เนตรทรายพยักหน้ารับกับคำขอร้องของเพื่อนรัก “จ้ะ...เนตรสัญญาว่าจะช่วยแสนตามหาเขาเอง เราจะตามหาเขาจนพบให้ได้”
“ขอบใจเนตรมากนะ”
แสนขวัญมีสีหน้าดีขึ้น และพอนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็รีบเอ่ยถามเพื่อนในทันที
“จริงสิเนตร เราสองคนมาเที่ยวในประเทศจอร์เจียด้วยกัน เนตรน่าจะรู้ว่าเราคบกับใครอยู่ เนตรพอจะจำได้ไหมว่าผู้ชายคนนี้คือใคร แล้วเนตรเป็นคนถ่ายรูปนี้ให้เราหรือเปล่า”
เนตรทรายส่ายหน้ากับคำถามเหล่านี้ พลางเอ่ยตอบให้แสนขวัญต้องถอนหายใจยาวด้วยความเสียดาย
“พวกเรามาเที่ยวด้วยกันก็จริง แต่เนตรสารภาพตรงๆ ว่าพอมาถึงประเทศจอร์เจีย เนตรเจอคนที่ถูกใจคนหนึ่ง เนตรกับแสนก็เลยแยกกันเที่ยว แสนไปเที่ยวทั่วประเทศจอร์เจียคนเดียว
ส่วนเนตรก็ไปกับคนรู้ใจ โดยเราสองคนตกลงกันว่าจะมาเจอกันอีกทีที่สนามบินในวันเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งเนตรไม่รู้เลยว่าระหว่างนั้น แสนไปเจอกับใคร และถ่ายรูปคู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อไร เนตรขอโทษด้วยนะ ที่ทิ้งแสนไปในช่วงนั้น”
พอเห็นเนตรทรายตีสีหน้าเศร้าๆ แสนขวัญก็รับจับมืออีกฝ่ายมากุมไว้แล้วบีบเบาๆ ด้วย
“อย่าโทษตัวเองสิ โอกาสที่จะเจอคนดีๆ ใช่ว่าจะมีง่ายๆ เราเข้าใจเนตรจ้ะ”
“ขอบใจแสนนะ ที่ไม่โกรธเรา” เนตรทรายคลี่ยิ้มออกมาได้อย่างโล่งอก ที่แสนขวัญไม่มีท่าทีโกรธตนเอง
“ไม่โกรธหรอกจ้ะ”
แสนขวัญคลี่ยิ้มให้เพื่อนรักอีกครั้ง และเมื่อเห็นว่าพวกตนยืนคุยกันอยู่ภายในสนามบินนานแล้ว อีกทั้งยังอยากไปพักผ่อนในโรงแรมหลังจากเดินทางไกลนับสิบๆ ชั่วโมง จึงเอ่ยบอกเนตรทรายว่า
“เราไปคุยกันต่อในโรงแรมนะ ตอนนี้แสนอยากนอนสักงีบให้หายเหนื่อย”
“จ้ะ แสน เนตรก็อยากไปนอนสักสองสามชั่วโมงเหมือนกัน” เนตรทรายรับคำ พลางยื่นมือมาข้างหน้าให้แสนขวัญจับยึดไว้
“ไปกันเถอะ แสน”
แสนขวัญยิ้มกว้างยื่นมือเล็กไปจับกุมมือเนตรทรายไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ลากกระเป๋าเดินทางก้าวเดินออกจากอาคารสนามบิน