เมื่อคืนนี้เป็นคืนแรกที่ไม่มีเรื่องอย่างว่าเกิดขึ้นระหว่างองค์รัชทายาทหมิงหยางเต๋อกับธิดาดอย เพราะทั้งคู่มีเรื่องที่สำคัญกว่า เรื่องนั้นคือเรื่องการยุบโรงหมอ รวมทั้งเรื่องที่ธิดาดอยยังไม่ปริปากบอกเขา นั่นคือเรื่อง การคดโกงเรื่องสร้างเขื่อนในเมืองลู่หยาน เธอคิดว่าถึงเวลาที่องค์รัชทายาทต้องรู้ เพื่อหาทางแก้ไข ป้องกันและปราบปราม
หลังจากได้ฟังเรื่องการโกงสร้างเขื่อน รวมถึงการคว้านซื้อที่ดินในเมืองเจียงยาง เมืองที่จะปลูกตำหนักให้ตนที่กำลังขึ้นครองราชญ์ต่อจากพระบิดา โก่งราคาค่าที่ดินตอนเวรคืน องค์รัชทายาทเพิ่งรู้ตัวว่า ตัวเองหละหลวม ขาดความรอบคอบ ไว้ใจคนเกินไป ไม่คิดว่าอำมาตย์ซ้ายจะกล้าทำเช่นนี้ ทั้งที่เขาจัดการคนทรยศคดโกงด้วยโทษทัณฑ์หนักให้เห็นเป็นตัวอย่าง แต่ไม่ได้ทำให้ความโลภในตัวอำมาตย์ซ้ายลดลง แล้วเขาก็ยอมรับว่า อำมาตย์ซ้ายจัดอยู่ในประเภทน้ำนิ่งไหลลึก
หากจะปราบปรามคนประเภทนี้ต้องมีหลักฐานมัดตัว ชนิดที่ว่าดิ้นไม่หลุด ใจร้อนเกินไปอาจทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวและจะพลาดโอกาสจับผิด ธิดาดอยเตือนองค์รัชทายาทให้ใจเย็น ใช้สุภาษิตของคนไทยที่ว่า ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม แน่นอนว่าเขาต้องถามถึงความหมายในประโยคที่ไม่เข้าใจ ซึ่งธิดาดอยก็ได้อธิบายให้ฟัง
เมื่อเข้าใจเรื่องทั้งหมดองค์รัชทายาทกับธิดาดอยได้วางแผนดัดหลังคนฉ้อราษฎร์บังหลวง หาผลประโยชน์ใส่ตัว
เรื่องแรกที่องค์รัชทายาทจัดการคือ เรื่องยุบโรงหมอ เป็นความเหมาะเจาะที่การประชุมครั้งนี้ อำมาตย์ซ้ายได้ยกเรื่องนี้มาพูด เป็นเช่นนี้ก็เข้าทางองค์รัชทายาท
“ท่านอำมาตย์ซ้าย ท่านลองบอกเหตุผลของการยุบโรงหมอให้ข้าฟังทีสิ ข้าอยากรู้เหตุผล”
“นับวันจะยิ่งมีนักปราชญ์ บัณฑิตมากขึ้น ทุกปีวังหลวงจะมีการคัดเลือกนักปราชญ์และบัณฑิตเข้ามาทำงานในวังหลวงและหน่วยต่างๆ และเมื่อมีคนมาสอบคัดเลือกมาก เรื่องที่อยู่ที่กินก็ลำบาก มีหลายคนที่มีฐานะไม่สู้ดี ต้องไปพึงพาอาศัยอยู่ที่วัด หากสร้างหอหนังสือ ไม่เพียงแค่ให้นักปราชญ์และบัณฑิตหาความรู้ใส่ตัว ส่วนชั้นบนก็เป็นที่พักอาศัยให้กับนักปราชญ์และบัณฑิต ยังให้คนในเมืองหลวงได้มีสถานที่ใฝ่หาความรู้พ่ะย่ะค่ะ”
อำมาตย์ซ้ายมีคำตอบ อาจพูดได้ว่า เตรียมคำตอบไว้เผื่อถูกถาม องค์รัชทายาทกระตุกยิ้มกับประโยคที่ได้ยิน
“ข้าขอถามท่านสักข้อว่า ถ้ายุบโรงหมอแล้ว ท่านคิดบ้างหรือไม่ว่า เวลาชาวบ้านเจ็บป่วย พวกเขาจะไปรักษากันที่ไหน จะมีเงินไปซื้อยาที่ร้านขายยาหรือไม่ จะมีเงินไปหาหมอตามโรงหมอที่ไม่ใช่ของหลวงหรือเปล่า ถ้าท่านตอบคำถามข้าได้ ข้าจะยอมทำตามที่ท่านบอก” องค์ทายาทตรัสเสียงเรียบ อำมาตย์ซ้ายแม้ว่าจะชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็มีคำตอบ
“กระหม่อมคิดเรื่องนี้ไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะย้ายโรงหมอไปอยู่ข้างวัดเทียนซี ตรงนั้นเหมาะสมมากกว่าที่จะสร้างเป็นโรงหมอพ่ะย่ะค่ะ”
“เหมาะสมกว่างั้นหรือ เหมาะยังไง” องค์รัชทายาทตรัสถาม
“ที่ดินตรงนั้นอยู่แถบชานเมือง หากเกิดโรคระบาดหรือรักษาโรคที่แพร่กระจายได้ง่ายจะได้ปลอดภัยกับชาวบ้านที่ไม่ได้เป็นโรค กระหม่อมเห็นว่าอยู่ที่เดิมมีความสุ่มเสี่ยงมากกว่าพ่ะย่ะค่ะ” อำมาตย์ซ้ายทำการบ้านมาดี เขาตอบได้ทุกคำถาม
“แต่ข้าว่าไม่เหมาะ ย้ายไปอยู่ตรงนั้นชาวบ้านที่ป่วยจะเดินทางไปรักษายากลำบาก อยู่ห่างจากที่เดิมหลายลี้ และอาจไม่ทันการณ์หากอาการป่วยเป็นหนัก ข้าว่าให้อยู่ที่เดิมน่ะดีแล้ว ขยายให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับชาวบ้านที่มารักษาอาการเจ็บป่วย ส่วนเรื่องที่เจ้าเป็นกังวลว่า ถ้าเกิดโรคระบาดอาจแพร่กระจาย ข้าคิดว่า เรื่องนี้หมอหลวงต้องมีวิธีรับมือแน่นอน” องค์รัชทายาทตรัสเสียงเรียบ “เรื่องทำหอหนังสือ เหตุผลที่ท่านพูดมามันก็ฟังขึ้น ถ้าคิดจะสร้างจริงๆ ไปสร้างบนที่ดินที่ท่านคิดสร้างโรงหมอข้าว่าดีกว่านะ แถวนั้นสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน เหมาะสมกับการอ่านหนังสือที่สุด แต่ข้าไม่เห็นด้วยที่จะมีห้องพักให้ได้รับประโยชน์จากหอหนังสือได้หลับนอน ในความคิดของข้า หอหนังสือควรมีไว้เพื่ออ่านตำราหรือหาความรู้ใส่ตัวเท่านั้น อีกอย่างจะได้ไม่ต้องเสียงบซ้ำซ้อนด้วย ยุบโรงหมอก็ต้องทุบทุกอย่างทิ้งแล้วสร้างใหม่ สู้ทำโรงหมอให้ดียิ่งขึ้น แล้วไปสร้างหอหนังสือ ข้าว่าดีกว่านะ ท่านเห็นด้วยไหม”
องค์รัชทายาทไม่ได้ตึงเกินไป เขารู้จักลดหย่อนตามที่ธิดาดอยแนะนำ เพราะหากค้านทุกเรื่องที่อำมาตย์ซ้ายเสนอมา อาจทำให้อีกฝ่ายเกิดความสงสัย คิดว่าเขาระแคะระคายเรื่องการฉ้อฉล เขาไม่ต้องการให้อำมาตย์ซ้ายรู้ตัว
อำมาตย์ซ้ายหลี่ฮั้วแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับองค์รัชทายาท แต่ก็คงปฏิเสธหรือไม่โอนอ่อนผ่อนตามอีกฝ่ายไม่ได้ เป็นเพราะเหตุผลขององค์รัชทายาทฟังขึ้น เขายอมเสียผลประโยชน์ส่วนนี้ เพื่อได้อีกทางที่มากกว่า
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ใครมีเรื่องอะไรจะพูดอีกไหม” เสียงองค์รัชทายาทดังขึ้น
“มีเรื่องที่จะสร้างตำหนักของพระองค์ที่เมืองเจียงยางพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ทางการได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจว่า จะต้องใช้ที่ดินเท่าไหร่และขอเวนคืนจากชาวบ้านกี่คนพ่ะย่ะค่ะ ถ้าจัดการเรื่องนี้ทันภายในเดือนหน้า เดือนต่อไปก็สามารถสร้างตำหนักได้พ่ะย่ะค่ะ”
อำมาตย์ซ้ายรีบรายงาน ผลประโยชน์จากการที่เขาคว้านซื้อที่ดินละแวกนั้นมหาศาล เขาจะได้เงินหลายพันตำลึง
“ท่านก็ไปจัดการเรื่องนี้ก็แล้วกัน ได้เรื่องยังไงก็มาบอกข้า”
องค์รัชทายาทรู้เรื่องนี้ดี แต่เขาต้องทำเป็นไม่รู้ ปล่อยให้อำมาตย์ซ้ายตายใจ พอถึงเวลาที่เหมาะสม เขาจะจัดการเฒ่าเจ้าเล่ห์ให้หน้าหงาย แก้ตัวอะไรไม่ได้
อำมาตย์ซ้ายยิ้มออกมาได้ การที่พระองค์ตรัสสั่งเช่นนี้ หมายความว่าอนุมัติการสร้างตำหนักหลังนี้ เหล่าขุนนางทั้งหลายโค้งคำนับเมื่อองค์รัชทายาทเดินออกจากท้องพระโรง
องค์รัชทายาทหมิงหยางเต๋อได้ทำหน้าที่ที่ได้พุดคุยกับธิดาดอย ซึ่งเหมือนกับนกน้อยเหมยเหมยที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเองเช่นกัน งานหาข่าว งานหลักของนกน้อย ก่อนกลับเข้างานรองคือ
ส่องผู้ชาย...
นกเหมยเหมยบินมาหาข่าวตามความตั้งใจ งานนี้เหมยเหมยต้องมีผู้ช่วยในการสืบราชการลับ แน่นอนว่าต้องพึ่งพานกทั้งหลายในสมาคมช่วยกันกระจายหาข่าวตามคำสั่งนกเหมยเหมย ส่วนคนสั่งได้บินมายังแม่น้ำสายยาวที่เชื่อมกันหลายเมืองและไม่รู้ว่า ปลายทางไปสิ้นสุดแห่งหนใด ที่นกเหมยเหมยมาแม่น้ำเป็นเพราะต้องการกำลังใจจากผู้ชายหล่อล่ำที่มักมาอาบน้ำในแม่น้ำ กะว่าพอให้หัวใจกระชุ่มกระชวยก็จะบินไปบ้านอำมาตย์ซ้าย ตั้งใจว่าจะไปยลความหล่อของหลี่ลี่จิง ลูกชายคนที่สองของอำมาตย์ซ้าย ที่ต่อจากนี้นกเหมยเหมยจะตามติดหาข่าว ส่วนอำมาตย์ซ้ายยกเป็นหน้าที่ของนกหลิน
แต่ยังไม่ทันที่นกเหมยเหมยจะถึงที่หมาย สายตาของนกจอมจุ้นมองเห็นบุคคลหนึ่งเดินเข้าไปในโรงเตี้ยมใกล้โรงหมอ นกน้อยจำสตรีที่เดินเข้าไปในโรงเตี้ยมได้ดีว่าคือใคร นางคือหลิวหลี นางกำนัลรับใช้คนสนิทของพระชายาเสี้ยวหลาน อะไรดลใจนกเหมยเหมยไม่ทราบได้ นกน้อยได้บินตามหลิวหลีเข้าไปด้านใน เหมยเหมยเริ่มสงสัยแล้วว่า หลิวหลีมาที่นี่ทำไม เพราะนางไม่ได้มาซื้ออาหารหรือจิบน้ำชากินซาลาเปา แต่กลับเดินขึ้นไปชั้นบนของโรงเตี้ยม ไปยังห้องทางด้านซ้ายมือ
“นั่นหลี่ลี่จิงนี่” นกน้อยเหมยเหมยใช้ความไวบินเข้าไปในห้องก่อนที่หลิวหลีจะปิดประตู เหมยเหมยพูดในใจเมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามนั่งจิบน้ำชาอยู่บนเก้าอี้กลางห้อง “ทั้งคู่นัดเจอกันหรือนี่”
ความสงสัยเต็มหัวนกเหมยเหมย นกน้อยไม่คิดการพบเจอของทั้งสองจะไม่มีอะไรซ่อนเร้น มีหรือที่นกชอบสอดรู้เช่นเหมยเหมยจะไม่อยู่ฟังการพูดคุยของทั้งคู่ นกน้อยบินไปเกาะอยู่บนโต๊ะ แล้วพอหลี่ลี่จิงเห็นนกหงส์หยกตัวสีฟ้า เขาก็จำได้ทันที
“อ้าว เจ้านกตัวสวยนี่เอง ข้าไม่เห็นเจ้าหลายวันเลยนะ” ไม่พูดเปล่า ยังเอื้อมมือไปจับนกน้อยมาไวในอุ้งมืออย่างทะนุถนอม
“คุณชายรู้จักนกตัวนี้ด้วยหรือเจ้าคะ” หลิวหลีถาม มองนกหงส์หยกที่นางจำได้ดีว่า เป็นนกขององค์รัชทายาท
“ข้าเจอมันเมื่อหลายวันก่อนตรงริมแม่น้ำ ยังพามันไปบ้านข้าเลยนะ กะจะเลี้ยงไว้ซะหน่อย แต่ดันบินหนีข้าไป” ปากเขาพูด แต่ตาจับจ้องมองไปยังนกหงส์หยก